ระทึก!คดียุบ'ทษช.' ตร.1.5พันนายคุมเข้มศาลรธน./แม้วงัดแผนสำรอง


เพิ่มเพื่อน    


    คุมเข้มศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดียุบพรรค ส่งตำรวจ 1.5 พันนายรักษาความปลอดภัย "ศรีวราห์" ยันไข่แดงรัศมี 500 เมตร  M79 ยิงไม่ถึง ขณะที่ไทยรักษาชาติสั่งงดหาเสียง แนะมวลชนฟังข่าวอยู่กับบ้าน แต่กลุ่มอยากเลือกตั้งเสนอตัวไปฟังแทน ช่างกล้า "โบว์" ดักคอศาล อ้างหากจะมีใครนำพระราชโองการมาอ้างอิงใช้เสมือนเป็นกฎหมาย จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อหลักการนิติรัฐ
    สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้จัดเตรียมความพร้อมของสถานที่ในการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 7 มี.ค. เวลา 15.00 น. การอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ได้สงวนสิทธิ์การขอเข้าฟังการคำวินิจฉัยในห้องพิจารณา แต่ได้เตรียมการถ่ายทอดสัญญาณจากห้องพิจารณามาที่จอโทรทัศน์วงจรปิดที่จะติดตั้ง 3 จุด ในบริเวณลานกิจกรรมของศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ อาคารเอ โดย 2 จุดได้จัดเตรียมไว้ให้สื่อมวลชน ส่วนอีกหนึ่งจุดได้เตรียมให้ประชาชนที่สนใจสามารถรับชมการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้
    สำหรับการรักษาความปลอดภัยภายในศาลรัฐธรรมนูญนั้น เป็นไปอย่างเข้มข้นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมารักษาความปลอดภัย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่และเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล รวมถึงหน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด พร้อมสุนัขตำรวจที่จะเข้ามาตรวจความเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ พร้อมประกาศปิดลานจอดรถด้านหน้า รวมถึงปิดประตูหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้เจ้าหน้าที่ของศาลเข้าช่องทางเดียวคือประตูฝั่งลานกิจกรรมเท่านั้น ส่วนบุคคลภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังพื้นที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
    พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวว่า  การวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยนั้นจะมีไม่ต่ำกว่า 1,500 นาย ประกอบด้วย ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) ตำรวจสื่อสาร ชุดอารักขาและควบคุมฝูงชน (บก.อคฝ.) กองกำกับการสุนัขตำรวจ 4 นาย และเจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์กล้องวงจรปิดมาติดตั้งเพิ่มอีก 70 ตัว รักษาความปลอดภัยพื้นที่โดยรอบศาลรัฐธรรมนูญที่ศาลประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม รวมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัด รวมถึงจุดคัดกรอง โดยเฉพาะพื้นที่รัศมี 500 เมตร จากที่ทำการศาลจะต้องปลอดภัยที่สุด และอยู่ในระยะที่ผู้ไม่หวังดีไม่สามารถใช้เครื่องยิงลูกระเบิด M79 ยิงถึงได้
    บริเวณด้านนอกตำรวจสื่อสารได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดจำนวน 70 ตัวโดยรอบพื้นที่ สามารถมองเห็นทุกจุดที่มีการเคลื่อนไหว รวมถึงติดตั้งระบบวิทยุสื่อสาร วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อเฝ้าติดตามและรายงานสถานการณ์ได้ทันที ล่าสุดยังไม่มีฝ่ายใดทำหนังสือขออนุญาตชุมนุมให้กำลังใจพรรคไทยรักษาชาติบริเวณศาลและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนประชาชนหากจะเดินทางมาศาล จะต้องไม่ทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนของสื่อมวลชน ศาลไม่อนุญาตให้เข้าฟังคำวินิจฉัย แต่ได้เตรียมพื้นที่และอุปกรณ์ในการรับฟังคำพิพากษาไว้ให้ ซึ่งศาลอนุญาตให้คู่กรณีทั้ง 2 ฟังเข้าฟังคำวินิจฉัยฝ่ายละ 16 คน
    “เตือนไปยังกลุ่มผู้ไม่หวังดี ว่าขอให้อย่าเคลื่อนไหวหรือทำอะไรที่อยู่นอกเหนือกฎหมาย ส่วนแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ มีการดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ไม่ถึงกับส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่ที่ทำการพรรค แต่การข่าวยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด  ซึ่งส่วนตัวมั่นใจว่าจะสามารถดูแลความเรียบร้อยได้ในวันพรุ่งนี้” 
    ด้าน พ.ต.อ.ปริญญา เหลืองอุทัย ผู้กำกับการ สน.ทุ่งสองห้อง กล่าวว่า การรักษาสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย ทาง สน.ทุ่งสองห้องก็จะปฏิบัติตามแผนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้วางไว้ โดยทาง สน.จะจัดกำลังไปสนับสนุนประมาณ 30 นาย ซึ่งจนถึงขณะนี้ในทางการข่าวก็ยังไม่ได้รับแจ้งว่าจะมีการก่อความวุ่นวายใดๆ
    สำหรับความเคลื่อนไหวพรรคไทยรักษาชาติ โดยในช่วงเช้าวันที่ 7 มี.ค. คณะกรรมการบริหารพรรคจะหารือร่วมกับประธานฝ่ายยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ประธานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ฝ่ายกฎหมาย เพื่อสรุปประเด็นในขั้นสุดท้ายอีกครั้งว่าจะหยิบยกประเด็นใดบ้างมาแถลงต่อศาล ซึ่งเบื้องต้นทางพรรคมอบหมายให้ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นผู้แถลงปิดคดีด้วยวาจา นอกจากนี้จะมีการหารือในการส่งตัวแทนของพรรคไปร่วมฟังคำวินิจฉัย ตามที่ศาลอนุญาตให้ตัวแทนแต่ละฝ่ายส่งตัวแทนไปได้ฝ่ายละ 16 คน 
    นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง พรรคไทยรักษาชาติ เผยว่า กรรมการบริหารพรรค แกนนำบางส่วนและทีมกฎหมายจะไปฟังที่ศาล และแจ้งให้หัวหน้าทีมรณรงค์ทั้ง 7 ชุด บอกผู้สมัครทุกเขตและทีมงานในพื้นที่ติดตามข่าวสารที่บ้านหรือศูนย์ประสานงาน ช่วงเวลาอ่านคำวินิจฉัยจะไม่มีกิจกรรมรณรงค์ใดๆ ส่วนสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุน ขอให้ติดตามข่าวที่บ้านเช่นเดียวกัน เพื่อความสะดวก เรียบร้อย และให้ความร่วมมือกับกระบวนการของศาล
     นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักษาชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนจะเฝ้าติดตามอยู่ที่พรรค เนื่องจากทราบมาว่าศาลรัฐธรรมนูญได้จำกัดที่นั่งของผู้ที่จะเข้าร่วมการฟังคำวินิจฉัย ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ไม่เดือดร้อน ยังจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบต่อไป จะตรวจสอบทหาร นักการเมือง ซึ่งยังทำได้ โดยไม่จำเป็นจะต้องเป็น ส.ส. 
    เขาบอกว่า สำหรับมวลชนที่นัดแนะอยากมาร่วมให้กำลังใจทางพรรคนั้น ไม่อยากให้เดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพราะจะดูไม่เรียบร้อย กลัวจะมีเรื่องแทรกซ้อน ซึ่งทางพรรคระมัดระวังในเรื่องนี้ ควรรอฟังผลที่บ้าน ทั้งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร อยากให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.เหมือนเดิม
    อย่างไรก็ตาม นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ "ฟอร์ด เส้นทางสีแดง" แกนนำกลุ่มประชาชนอยากเลือกตั้งเปิดเผยว่า กลุ่มประชาชนคนอยากเลือกตั้งประมาณ 20-30 คน จะเดินทางมาร่วมรับฟังคำวินิจฉัย โดยกลุ่มพวกตนจะนัดหมายใส่เสื้อสีเป็นสัญลักษณ์กลุ่มเท่านั้น แต่ไม่มีการถือป้ายข้อความใดๆ เพราะเกรงว่าจะเสี่ยงต่อการทำผิดละเมิดศาล
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งนี้นั้นน่าจับตามองที่สุด ทั้งเรื่องการร้องเรียนเรื่องการยุบพรรคไทยรักษาชาติและพรรคอนาคตใหม่ และการกลับไปกลับมาของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชารัฐ ที่บอกว่าจะลงพื้นที่หาเสียงแบบบังเอิญต่อจากนี้ไป 
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า การวินิจฉัยเป็นเรื่องของศาล ตนไม่ก้าวล่วง และขอไม่พูดถึงผลที่จะตามมา หากศาลพิพากษาว่ามีความผิด แต่ตนตั้งข้อสังเกต กกต.ว่าการดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความรวดเร็ว หากเทียบกับคดีต่างๆ ที่ตนร้องไปยัง กกต.ก่อนหน้านี้
    "การวินิจฉัยเป็นเรื่องของศาล เวลาผมยื่นเรื่องให้ กกต.ให้พิจารณาตามคำร้อง ดำเนินการช้า แต่เรื่องนี้ กกต.ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยได้ ส่วนการพิจารณาการเสนอชื่อทูลกระหม่อมฯ หากมองว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ก็ตั้งข้อสังเกตว่าพรรคพลังประชารัฐก็เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ คนที่ยึดอำนาจมา ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุ
    น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง กล่าวว่า หลักการของการยุบพรรค หากจะมีใครนำพระราชโองการมาอ้างอิงใช้เสมือนเป็นกฎหมาย จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อหลักการนิติรัฐของประเทศไทย พฤติการณ์ของคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยเลย การเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคใด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุไว้ชัดเจน ถ้าขาดคุณสมบัติเสมือนไม่ได้เสนอชื่อ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นปฏิปักษ์กับการปกครอง 
    เธอบอกว่า หลักการยุบพรรคควรจะเกิดขึ้นเมื่อมีความผิดอาญาร้ายแรงเท่านั้น เป็นมาตรฐานสากล จะไม่ยุบพรรคง่ายๆ เพราะพรรคเป็นตัวแทนอุดมการณ์ของประชาชน ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะคงอยู่ในหลักการของความเป็นนิติรัฐ ให้นานาชาติเห็นว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ที่ทุกพรรคมีสิทธิเป็นตัวเลือกให้ประชาชน
    นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหาร ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า การตัดสินคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อจำนวน ส.ส.ที่คำนวณไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากคะแนนเสียงสามารถถ่ายโอนไปเลือกพรรคการเมืองอื่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลได้ แต่เป็นห่วงผู้สมัครที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นต้องได้รับผลกระทบ ไม่สามารถลงรับสมัครเลือกตั้งได้ ดังนั้นควรจะมีการเยียวยา.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"