อร่าม จันทร์จม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 (อ.ภูซาง อ.เชียงคำ อ.จุน) พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ชื่ออาจไม่คุ้นหูในวงกว้าง แต่สำหรับนักกิจกรรมนักเคลื่อนไหวทางสังคม รู้จักหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างดี เพราะได้ร่วมทำงานมาตั้งแต่อยู่ในรั้วลูกพ่อขุน มหาวิทยาลัยรามคำแหง และในมหาวิทยาลัยรังสิต จากเส้นทางนักกิจกรรมเพื่อสังคม ก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง แม้สนามเลือกตั้งพะเยาขึ้นชื่อว่าดุเดือด แต่สำหรับอร่าม ขอใช้ความเป็นคนรุ่นใหม่ คนพื้นที่ ผลักดันนโยบาย ตอกย้ำให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
    อร่ามบอกว่า เป็นคนพื้นเพจังหวัดพะเยาโดยกำเนิด ตั้งแต่เล็กเห็นสภาพปัญหาพื้นที่มาโดยตลอด เห็นนักการเมืองที่ชาวบ้านเลือก พอเลือกไปแล้วบางครั้งกลับพบว่า สิ่งที่บอกจะทำให้ชาวบ้านนั้น ไม่ได้ทำให้จริง ไปจนถึงพรรคการเมืองทั้งหลาย ก็ไม่ใช่พรรคของพี่น้องประชาชน ซึ่งแตกต่างจากพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่ก่อเกิดมาจากเจตนารมณ์ของพี่น้อง กปปส. จากเจตนารมณ์มวลมหาประชาชนที่เคยร่วมต่อสู้ทางการเมืองหลายสิบล้านคน เมื่อมาเป็นพรรคการเมือง มีแนวคิด หลักการชัดเจน พรรคนี้พ่อแม่พี่น้อง ประชาชนต้องเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของพรรค
    ด้วยความที่เป็นคนในพื้นที่ สมัยยังทำงานกับคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ตอนนั้นก็ยังเรียนในรั้วรามคำแหง เราเคยทำกิจกรรมค่ายอาสา กิจกรรมเพื่อสังคม ได้เห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาครัฐที่ก่อขึ้นมา ชาวบ้านพยายามเรียกร้องให้รัฐเข้ามาดูแลจัดการเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องที่ทำกินในเขตป่าสงวน เรื่องราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ เรื่องที่ดิน ชาวบ้านเรียกร้อง แต่พรรคการเมือง ก็ไม่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้จริงจัง ผมก็เป็นลูกหลานเกษตรกรชาวพะเยา ได้เห็นตลอด นักการเมืองไปรับปากชาวบ้านว่าจะแก้ไขเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ แต่ไม่เคยแก้ไขปัญหาชาวบ้านได้เลย
    จากการลงพื้นที่ ชาวบ้านต่างเข้ามาบอก มาเรียกร้องขอให้ช่วยแก้ไขปัญหาปากท้องให้เขาหน่อย ชาวบ้านเดือดร้อน ราคาข้าวโพด ข้าว ราคาไม่ดี เราต้องส่งเสริม น้อมนำเศรษฐกิจในหลวง ร.9 ต้องส่งเสริมให้ชาวบ้านได้ทำในทุกหมู่บ้าน ผลิตผลทางการเกษตรชาวบ้านต้องขายได้ราคา 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ไปทำตากแดดตัวดำ แต่พอขายออกมา ได้ไม่คุ้มค่ายา ท่านหัวหน้าพรรคเน้นย้ำเรื่องนี้มาก ชาวบ้านต้องได้ 100 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่บ้านพะเยาบางส่วนติดกับประเทศลาว ควรส่งเสริมการค้าชายแดนให้เจริญก้าวหน้าเทียบเท่าการค้าชายแดนอื่นๆ ของประเทศอื่น
    ก่อนหน้าที่จะมาสมัครรับเลือกตั้ง ได้ช่วยงานสมาคมคนตาบอดมาโดยตลอด ทำงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ เลยเห็นปัญหาตรงนี้ เรื่องผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ ทางพรรคมีนโยบายที่จะมีอาสาสมัครไปช่วยดูแลถึงบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อสม.จะมีค่าตอบแทนรายเดือนขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อเดือน ผู้สูงอายุจะมีเบี้ยยังชีพเพิ่มจาก 600 เป็น 1,500 บาท และผู้สูงอายุที่ทำงานได้ สุขภาพแข็งแรงดี รัฐหรือหน่วยงานเอกชนจะเข้ามาจ้างงานตามความถนัด เพื่อให้มีรายได้เสริม
    เรื่องการศึกษา เยาวชนก็สำคัญ วันข้างหน้าเด็กต้องพูดได้ 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ แต่ในส่วนของเด็ก เราจะสนับสนุนให้ได้เรียนหนังสือฟรี จนจบ ปวส. ส่งเสริมทักษะทางอาชีพ อาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณอยู่ที่เกาะสมุย มีสอนธรรมะทุกวันควบคู่กับหลักสูตรที่สอน จบมาแล้วเป็นมืออาชีพ นอกจากนี้จะมีศูนย์อบรมอาชีพ ใครอยากเรียนทำขนม ทำอาหาร เย็บผ้าจะจัดหาให้เพื่อช่วยให้พี่น้องมีวิชาชีพติดตัว หารายได้เลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระของครอบครัว
    ชาวบ้านตอนนี้ ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพสูง ถ้าฐานยังไม่แน่น อย่าไปหวังเลย จีดีพีที่เพิ่มขึ้น มันเพิ่มขึ้นแต่บริษัทใหญ่ๆ แต่เมื่อลงพื้นที่ตลาด ไปหาเสียงเลือกตั้ง ลองไปดู ต่างโอดครวญ ค้าขายไม่ได้จะทำอย่างไร ก็ต้องย้อนมาถ้าราคาพืชผลเกษตรไม่ดี ชาวบ้านไม่มีเงิน เขาก็ไม่สามารถไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดได้
    อร่ามยังสะท้อนออกมาอีกว่า คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้สนใจเรื่องความรวดเร็วทางเทคโนโลยี ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีทั้งดีและเสีย ความรวดเร็วนั้นดี แต่จะทำให้เขาหมกหมุ่นไปหรือไม่ เมื่อก่อนยังมีงานอาสา ซึ่งภาครัฐควรผลักดันเยาวชนไม่ให้หมกหมุ่นทางเทคโนโลยีมากเกินไป ดูจากค่ายอาสา ในทุกวันนี้ลดน้อยลงไป ก่อนหน้านักศึกษาหาเงินเอง ไปหามูลนิธิ อาสาไปทำค่าย แต่ในวันนี้น้อยมาก เด็กอยากให้มีจิตสาธารณะ ช่วยเหลือ แบ่งปัน เพราะถ้าเริ่มจากตรงนั้น ก็จะส่งผลไปต่อภาพรวมในประเทศ ไม่อยากให้เกิดภาวะสังคมก้มหน้า แล้วบางส่วนลามไปเรื่องยาเสพติด การติดเกมจนเกินไป เราควรจัดกิจกรรมให้เด็ก ให้ร่วมทำกิจกรรมสาธารณะ เช่นเดียวกับประเพณี วัฒนธรรมที่ดีงาม เราควรอนุรักษ์ไว้ อย่างเช่นเรื่องการไหว้ครู ไม่เห็นด้วยเลยที่มีผู้เสนอควรยกเลิกไป สิ่งไหนที่เป็นความดีงาม เป็นสิ่งที่ดี จะยกเลิกไม่ได้
    สำหรับการแข่งขันการเมืองในพื้นที่ที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง อร่ามบอกว่า ตัวตนผมคือคนพื้นที่ เคยทำงาน เราเข้าหาชาวบ้าน สิ่งเก่าที่เขาอาจจะเคยได้มา พอได้รับเลือกแล้ว ไม่ทำให้ชาวบ้าน เราก้าวข้ามเหลือง แดง ชาวบ้านอยากเห็นคนทำงานให้ชาวบ้าน ปัญหาการลงพื้นที่ไม่มี ก่อนหน้าลุงกำนันสุเทพมานอนที่เชียงคำ ไปเดิน อ.ภูซาง มาเดินในเชียงคำ ชาวบ้านก็ให้การต้อนรับอย่างดี แม้จะมีบางคนพยายามยั่วยุ แต่ลุงก็ไม่ตอบโต้ บอกเพียงว่า ผมไม่เล่นการเมือง มาช่วยคนรุ่นใหม่หาเสียง
    คนในพื้นที่ให้การต้อนรับ ชาวเชียงคำ ภูซาง จุน ชาวพะเยา ไม่ชอบความรุนแรง มีน้ำใจ ใครไปใครมาให้การต้อนรับอย่างดี เวลาไปไหนมาไหน ไปหาเสียงก็ได้รับการต้อนรับ หลายคนอยากให้คนรุ่นใหม่มาทำงาน แม้แต่ผู้สมัครด้วยกันเอง เจอกันก็จับมือ ถามสารทุกข์สุกดิบกัน
    สำหรับข้อกังวลเรื่องภาครัฐที่อาจจะใช้อำนาจรัฐ เพื่อเอาเปรียบคู่แข่งขันนั้น ผู้สมัคร ส.ส.รายนี้ เล่าว่า ก็มีแต่คำบอกเล่าจากชาวบ้าน คนในพื้นที่มาบ้าง เชื่อว่าคงมีทุกพื้นที่ คนมีอำนาจย่อมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ยังอยู่ในอำนาจ ให้พรรคพวกของเขาทำงานได้อย่างราบรื่น 
    อยากเรียกร้องให้ภาครัฐวางตัวเป็นกลาง ไม่สมควรจะมากลั่นแกล้งผู้ใดผู้หนึ่ง เมื่อผลเลือกตั้งออกมา ได้ใครมาก็ยอมรับ สุดท้ายนี้พ่อแม่พี่น้องพะเยาเขต 2 ผมขอโอกาสเพื่อจะเข้ามารับใช้ ไปทำงานกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่มีพรรคไหนเป็นพรรคของภาคประชาชนอย่างแท้จริง ขอฝากด้วย พรรครวมพลังประชาชาติไทย กล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยน เราขอโอกาสการมีส่วนร่วม เราจะกล้าในสิ่งดี ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เมื่อลงมือทำ จะทำอย่างจริงจัง ช่วยเหลือพี่น้องชาวบ้าน ทำแล้วสิ่งที่ออกมาต้องจับต้องได้ เป็นรูปธรรม เราเป็นคนธรรมดาที่จะสร้างชาติ กล้าปรับเพื่อเปลี่ยน กล้าคิด กล้าทำ เพื่อพี่น้องชาวพะเยา.

ประวัติ 
-จบการศึกษามัธยมปลายโรงเรียนวัดหย่วนวิทยา
-เคยเป็นที่ปรึกษาสำนักงานกฎหมายสยาม ซี เอ ดี (ทนายเดชาวัต นามปราศรัย)
-เคยทำงานเป็นนักเคลื่อนไหวภาคประชาชน (คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย) ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของภาครัฐและต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง
-เคยทำงานด้านการช่วยเหลือส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการฯ (สมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย)
-เคยเป็นผู้ช่วยเลขาฯ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม (นายต่อพงศ์ เสลานนท์)