จำได้เสมอว่ามีการกำหนดให้วันที่ 5 มีนาคมของทุกปีเป็น "วันนักข่าว" แต่ลืมไปแล้วว่า ร่วมฉลองวันนักข่าวกับเขาครั้งสุดท้ายในปีไหน เพราะถึงแม้ได้ชื่อว่าเป็นวันนักข่าว แต่ไม่ใช่วันหยุดประจำปีที่นักข่าวจะละทิ้งหน้าที่ไปเฮฮาปาร์ตี้เหมือนวันหยุดธนาคาร วันแรงงาน หรือวันเทศกาลอื่นๆ ได้
มีนักข่าวรุ่นพี่เคยเล่าว่า ในอดีตมีการหยุดกันในวันที่ 5 มีนาคมอย่างเป็นทางการ เรียกว่าวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 6 มีนาคม สังคมไทยจะไม่มีหนังสือพิมพ์ให้อ่าน แต่ดูเหมือนว่า ร่วมมือร่วมใจกันทำเยี่ยงนี้ได้ไม่นานเท่าไร ก็มีรายการ "แตกแยก" ตั้งแต่ปีไหนก็ไม่มีใครคิดไปจำ 5 มีนาคมก็เลยเหมือนวันอื่นๆ คือก้มหน้าก้มตาทำงานหาข่าวและส่งข่าวกันต่อไป
กิจกรรมอันเกี่ยวข้องกับวันนักข่าว ที่ดูคึกคักและสนุกสนานมากที่สุด น่าจะเป็นช่วงปี 2524-2525 ..(เดาออกแล้วสิว่าคนเขียนอายุอานามเท่าไรในวันนี้..อิอิ) เพราะมีการจัดแข่งขันกีฬาการกุศลระหว่างนักข่าวกับดาราที่สนามกีฬาแห่งชาติศุภชลาศัย รวมทั้งการเล่นกีฬาระหว่างนักข่าวประจำทำเนียบและกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ และปิดท้ายด้วยงานเลี้ยง ซึ่งใครอยู่ได้ก็อยู่ต่อ ใครต้องไปทำงานต่อก็แยกย้ายกันกลับไปทำงาน ไม่ใช่ปัญหาที่จะต้องมาเซ้าซี้ ประท้วง โวยวาย ว่าทำไมไม่ได้หยุดกับใครเขาบ้าง
เวลาเปลี่ยน คนข่าวก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ต้องชื่นชมประการหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ การจัดงานแสดงมุทิตาจิตกับนักข่าวอาวุโส โดยสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่า เสมือนเป็น "น้ำทิพย์" ชโลมใจผู้สูงอายุในอาชีพสื่อสารมวลชนได้พอสมควรทีเดียว เพราะเห็นหน้าตาของมนุษย์ลุงมนุษย์ป้า รุ่นเดอะในวงการน้ำหมึกทักทายกันและกันด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ก็เหมือนย้อนเวลากลับไปในเวลาที่พวกท่านทั้งหลายคร่ำหวอดวิ่งตามแหล่งข่าว วิ่งเกาะกระแสสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างดี
แต่ละเส้นทางสายอาชีพย่อมมีเรื่องราวที่จะบันทึกหรือบอกเล่าเก้าสิบ โดยเฉพาะมุมมองของคนที่ต้องเป็น "สื่อ" บางครั้งก็เหมือนอยู่ตรงกลางระหว่างขาวกับดำ แดงกับเหลือง บางทีจำเป็นต้องเลือกว่าจะเป็นกระจกสะท้อนสังคมแบบตรงไปตรงมา 360 องศา หรือจะเป็นคนถือโคมไฟส่องทางให้ผู้คนในสังคมได้เดินสู่ทางสว่างที่ถูกที่ควร
ดรามาอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในสังคมสื่อจากการพัฒนาของระบบเทคโนโลยีดิจิตอล จนมีการแบ่งเป็นสื่อกระแสหลักกับสื่อโซเชียลออนไลน์นั้น จึงมองข้ามความจริงในประเด็นสำคัญไม่ได้ว่า อาชีพของการเป็นนักข่าวนั้นจะต้องมีความรับผิดชอบสูงมาก แตกต่างจากคนทำหน้าที่ "โพสต์" เรื่องราวต่างๆ แล้วเกิดดังเปรี้ยงปร้างกลายเป็นข่าวนะจ๊ะ
สรุป มนุษย์ป้าอาชีพนักข่าว แค่อยากจะบอกว่า นักข่าวอาชีพนั้นไม่ได้ทำกันง่ายๆ แค่เล่นโซเชียลเป็นจ้ะ.
"ป้าเอง"
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |