4 มี.ค.62-  ที่ศูนย์ปฎิบัติการส่วนหน้า (ศปก.) สภ.เมืองขอนแก่น พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต  ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พ.ต.อ.จำลอง  สุวลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น,พ.อ.พิทักษ์พล  ชูศรี หัวหน้ากองข่าว มทบ.23 และ นายวินัย  มีแก้ว ปลัดอำเภอเมืองขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนายณัฐฎ์พัฒน์  หงศ์แก้ว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 ม.3 ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิ๊กสีขาว หมายเลขทะเบียน คลง-647 ขอนแก่น,รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน 1กง-2768 ขอนแก่น,เงินสด,กระเป๋าเงินและ โทรศัพท์มือถือ รวมหลายรายการ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น จับกุมตัวได้ ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านพักเลขที่ 115 ม.12 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

 พล.ต.ต.พรหมณัฎฐเขต  กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุมาแล้วกว่า 50 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ส.ค.2561 ทั้งนี้สาเหตุที่ทำเพราะตกงาน จึงขับรถจักรยานยนต์ที่ตรวจยึดมาได้พร้อมกันนี้ ตระเวนลักทรัพย์ โดยเน้นเฉพาะโรงเรียนชื่อดังในเขต จ.ขอนแก่น ที่ผู้ต้องหาจะขับรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดบริเวณสนามกีฬาของโรงเรียนหรือที่บริเวณโรงอาหาร ก่อนสบจังหวะที่นักเรียนวางกระเป๋าทิ้งไว้ก็ได้เดินไปหยิบเอาโทรศัพท์มือถือหรือกระเป๋าเงิน หรือทรัพย์สินต่างๆที่สามรรถหยิบจับมาได้ จากนั้นก็ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป

 ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังได้ทรัพย์สินมาแล้วคนร้ายได้นำไปจำนำตามร้านขาย-ฝาก หรือร้านรับจำนำต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจยึดใบจำนำที่เป็นชื่อของผู้ต้องหาได้มากกว่า 50 รายการ โดยจะทำการตรวจสอบทรัพย์สินเพื่อตรวจยึดนำกลับส่งคืนเจ้าของทั้งหมด  อย่างไรก็ดียังคงขอฝากให้เจ้าของร้านขาย-ฝาก หรือร้านรับจำนำต่างๆที่บริสุทธิ์ใจ ได้มาแสดงตัวกับทางเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เพราะคนร้ายรายนี้เมื่อก่อเหตุเสร็จก็จะนำทรัพย์สินไปจำนำเพียงไม่กี่ร้าน  และเมื่อได้เงินมาก็จะไปใช้จ่ายส่วนตัวและซื้อยาเสพติดมาเสพเนื่องจากคนร้ายไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง 

อย่างไรก็ตามภายหลังการสอบสวนแล้วเสร็จผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ  จึงตั้งข้อกล่าวหาว่าลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือเพื่อการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 และ มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ก่อนทำการควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป