เหลืออีก 20 วัน...ก็จะได้เวลา เข้าคูหากาบัตร ได้ เลือกตั้งที่รัก ตามที่ปรารถนาและต้องการอย่างมิอาจเบี่ยงเบนไปเป็นอื่น โดยที่แนวโน้มของการเอาแพ้-เอาชนะ ก็ดูจะไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวน ปรวนแปร อย่างมีนัยสำคัญ คือ ม้าจันทร์โอชา ก็ยังคงนำโด่ง ทิ้งห่างคู่แข่งประมาณ 2-3 ช่วงตัว ขึ้นอยู่กับว่าจะห่างออกไปอีกขนาดไหน หรือจะกระชั้นชิด ติดพัน ระดับสามารถ ดมก้น หรือ หายใจรดต้นคอ กันได้หรือไม่ อย่างไร...
---------------------------------------------------
โดยเฉพาะในช่วง 3-4 วันข้างหน้า...ที่ถือเป็น วันชี้ชะตา ม้าคอก ไทยรักษาชิน เขา อันนี้...ถ้าหากม้าขาหัก ขาเดาะ ต้องออกไปจากสนามอย่างที่ใครต่อใครคาดๆ กันเอาไว้ จำนวน ส.ส.เขตที่ต้องหายไปถึง 150 ที่นั่ง ไม่มีโอกาสได้ลุ้น ได้บิดไป-บิดมาอะไรกับใครเค้าเลย ยังไงๆ ก็น่าจะส่งผลไม่ว่าในแง่บวก แง่ลบ กับการเข้าคูหากาบัตร หรือการเลือกตั้งที่รักคราวนี้อยู่พอประมาณ บวก นั้น อาจหมายถึง เกิดการหันไป เทคะแนนสงสาร ให้กับบรรดาพรรคเครือข่ายประเภทเผาๆ ทั้งหลาย ระดับหิมะถล่ม แผ่นดินทลาย โดยยังมิอาจรับรู้ได้ว่าจะถล่ม จะทลาย ลงไปที่เผาไหนกันแน่!!!
-----------------------------------------------------
คือการเข้าคูหากาบัตร การเลือกตั้งที่รักนั้น...มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่โอนคะแนนพรรคโน้น ไปให้พรรคนี้ แบบเดียวกับการทอนเงิน ทอนตังค์ หรือการเขียนเช็คสั่งจ่าย ขีดคร่อมโน่นๆ นี่ๆ ยิ่งเป็นปวงชนระดับชาวบ้านๆ แล้ว แค่กาบัตรให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกช่อง ไม่ให้กลายเป็น บัตรเสีย ก็ออกจะปวดหัวฉิบหายพอสมควรแล้ว ยิ่งต้องมาเจอกับการโอน การระบาย คะแนนของพรรคโน้น ไปให้พรรคนี้ เผาโน้น ไปให้เผานี้ มันน่าจะก่อให้เกิดผล ลบ มากกว่าผล บวก แบบที่บรรดาเครือข่ายๆ เผาๆ ทั้งหลาย เขาพยายามปลอบจิต ปลอบใจ ปลุกจิต ปลุกใจ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า...
-------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...มาถึง ณ ขณะนี้ ก็ยังไม่ถึงกับเป็นที่แน่ชัดว่า เผา ไหนกันแน่ที่เป็นเผาของแท้แต่ดั้งเดิม ที่คิดจะเผากันจริงๆ ยิ่งเมื่อเผาตัวแม่ อย่าง เผาไทย ไม่ได้ส่งใครต่อใครลงสมัครถึง 150 เขต จะโอนคะแนนไปให้ เผาชาติ ก็ยังมิอาจรู้แน่ชัดว่า ระหว่างคุณน้อง ตุ๊ดตู่ กับคุณพี่ ตู้เย็น สุดท้าย...ใครจะเผาจริง-เผาหลอก!!! ส่วนจะโอนไปให้พรรค อนาคตหมด ของพวกเด็กๆ เขา แม้ว่าภาพภายนอกอาจดูเก๋ ดูเท่ อยู่ตามสมควร แต่ภายในนั้นแทบไม่เหลือความต๊ะติ๊งโหน่ง เต็มไปด้วยรู เต็มไปด้วยโพรง ชนิดตีกันยังไม่แล้วเสร็จ ฟัดกันอุตลุดระหว่าง แดงแท้-แดงเทียม ตั้งแต่ระดับยอดไปจนถึงระดับฐานเอาเลยก็ว่าได้...
------------------------------------------------------
ดังนั้น...จะให้ปวงชนต้องมาปวดหัวกับเรื่องโง่ๆ มันจึงไม่น่าจะง่ายๆ แบบการทอนเงิน ทอนตังค์ การเซ็นเช็คสั่งจ่ายๆ อย่างที่ว่าเอาไว้แล้ว แนวโน้มที่จะเกิดการกระจัดกระจาย หรือเกิดอาการ เสียงแตก ไปตามความปรารถนา ความต้องการส่วนบุคคล หรือไปตามแรงดึงดูดของ ตัวบุคคล ในแต่ละเขต แต่ละพื้นที่ จึงน่าจะเป็นไปได้มากกว่า และนั่นก็คงทำให้บรรดาพรรคเล็กๆ ทั้งหลาย มีโอกาสเกิด มีโอกาสจัดสรร ปันส่วน แบ่งคะแนนระดับเขต หรือระดับปาร์ตี้ลิสต์ มากบ้าง-น้อยบ้าง กันไปตามสภาพ อันน่าจะส่งผลให้ ภาพรวม ของการเลือกตั้งคราวนี้ ออกไปทาง เบี้ยหัวแตก กว่าครั้งเท่าที่เคยมีมาอย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
---------------------------------------------------------
พูดง่ายๆ ว่า...โอกาสที่บรรดาเครือข่ายเผาๆ ทั้งหลาย จะรวบรวมเสียง รวบรวมเก้าอี้ ส.ส.ให้ได้ในระดับ 250-300 นั้น น่าจะลำบากเอามากๆ และถ้าหากไม่ได้ในระดับที่ว่า โอกาสที่จะ ป่วน ในสภาฯ ก็น่าที่จะมีความเป็นได้ลดน้อย ถอยลง ไปกว่าที่หวัง ที่คาด หรือที่ใครต่อใครเคยประมาณการเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว ส่วนที่จะใช้วิธีการเดิมๆ ในการแฉลบออกข้าง หันไปใช้วิถีทางนอกสภาฯ มาถึงขั้นนี้ ยุคนี้ สมัยนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะ เหี่ยวปลาย ลงไปตามลำดับ คือมันกลายเป็นยุคโซเชียล มีเดียยุค 4-G, 5-G กันไปหมดแล้ว จะระดมผู้คนออกมาเผาอะไรต่อมิอะไร ถ้าออกกันมาแค่หลักสิบ หรือหลักร้อย ย่อมมีแต่ตายกับตาย หรือต้อง เดินหน้าเข้าคุก เท่านั้นเอง...
---------------------------------------------------
แต่ก็นั่นแหละ...ปรากฏการณ์ เบี้ยหัวแตก ที่อาจถือเป็นภาพรวมของสภาฯ ทั้งสภาฯ ในอนาคตเบื้องหน้า ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดการบริหาร จัดการ การหา จุดลงตัว กันได้ง่ายๆ แม้แต่ ม้าจันทร์โอชา ที่ออกสตาร์ทล้ำหน้ากว่าใครต่อใครเขาเพื่อน คือมีเสียงที่ออกจะเป็นเอกภาพอยู่ในกระเป๋าเอกสาร ประมาณ 250 เสียงเป็นอย่างน้อย แต่เสียงที่ว่านั้นคงไม่ได้กินความไปถึงการบริหาร จัดการ กิจกรรมภายในสภาฯ ไปในทุกเรื่อง ทุกราว แค่ช่วยยกมือเลือก นายกฯ นั้นคงพอได้ แต่สำหรับการเลือก ประธานสภาฯ หรือ คณะกรรมาธิการ ตั้งแต่ระดับประธาน ไปจนถึงระดับอนุกรรมการ ฯลฯ ยังไงๆ...คงต้องปวดหัวกันอยู่มิใช่น้อย ยิ่งไม่มี มาตราฉี่ฉิบฉี่ อยู่ในมือ ไม่สามารถชักเข้า-ชักออกกันแบบสบายๆ โอกาสที่จะเกิดการ ยกโพเดียมทุ่มใส่หัว ใครต่อใครในสภาฯ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อย...
--------------------------------------------------------
และนั่นเอง...ที่ทำให้ระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ หรือ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข จึงออกจะเป็นอะไรที่สอดคล้อง กลมกลืน กับ ธรรมชาติทางการเมือง อยู่พอสมควรเหมือนกัน คืออย่างน้อย...ก็พอทำให้การตีกัน กัดกัน อันเป็นปกติธรรมดาของบรรดา นักการเมือง ทั้งหลาย ยังพอสามารถ หาข้อยุติ ในบั้นปลาย หรือในขั้นตอนสุดท้าย โดยเฉพาะที่เกี่ยวพันกับชะตากรรมความอยู่รอดของชาติ บ้านเมือง นั่นแล...
-------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Charles Yost (อีกครั้ง)... “Democracy is not a matter of sentiment, but of fore-sight. Any system that does not take the long run into account will burn itself out in the short run. - ประชาธิปไตยมิใช่เรื่องของอารมณ์ หากเป็นเรื่องของการมองการณ์ไกล ระบบอะไรก็ตามที่ไม่คำนึงถึงการณ์ไกล ย่อมต้องเผาไหม้ตัวเองไปในระยะเวลาอันใกล้...”
------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |