หืดจับ "ส่งออกไทย62"


เพิ่มเพื่อน    

      ปี 2562 เป็นปีที่ภาคการส่งออกไทยอาจจะยังต้องเจอกับหลายปัจจัยกดดันการเติบโต ซึ่งจะมีผลต่อการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้หลายฝ่ายปรับลดน้ำหนักที่มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศลง และหันมาให้น้ำหนัก และความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆ ที่จะมีส่วนในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2562 แทน เช่น การบริโภคภาคเอกชน การใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ไปจนถึงการลงทุนของภาคเอกชน

        "กระทรวงการคลัง" ได้คาดการณ์ว่าตัวเลขส่งออกของไทยในปี 2562 จะขยายตัวลดลงเหลือ 4.5% จากปี 2561 ที่กระทรวงพาณิชย์สรุปตัวเลขการส่งออกของไทยทำได้ดีที่สุดที่ระดับ 6.7% ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 8% ด้วยเหตุผลจากต่างประเทศที่เข้ามากดดันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขการส่งออกในเดือน ม.ค.2562 ที่ออกมา ติดลบถึง 5.7% โดยมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการติดลบดังกล่าวเป็นผลมาจากการค้าโลกที่ชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อระหว่างประเทศให้ปรับตัวลดลงตามไปด้วย

        "กระทรวงการคลัง" ยอมรับว่า ตัวเลขส่งออกในเดือน ม.ค.2562 ที่ติดลบถึง 5.7% นั้นสูงกว่าที่ได้คาดการณ์เอาไว้ โดยยังต้องติดตามดูสถานการณ์ในช่วงที่เหลืออีก 11 เดือนของปีนี้ ซึ่ง "กระทรวงการคลัง" ยังมั่นใจว่าส่งออกของไทยจะยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย เพราะเชื่อมือ "กระทรวงพาณิชย์" ที่คาดว่าจะมีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อมาสนับสนุนภาคการส่งออกของไทยให้เติบโตได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

        ที่ผ่านมาหลายฝ่ายจับตาหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นในตลาดโลก ว่าจะมีผลกระทบกับภาคการส่งออกของไทย ทั้งการตั้งกำแพงภาษีของประเทศยักษ์ใหญ่ ปัญหาสงครามการค้า อีกทั้งยังมีปัจจัยกดดันเรื่องความผันผวนของค่าเงิน ที่ทำให้ภาคการส่งออกของไทยในปีนี้อาจจะเติบโตได้ไม่เต็มที่เหมือนปีที่ผ่านๆ มา

        และล่าสุดกับปัญหาความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับปากีสถานเหนือพื้นที่แคชเมียร์ที่คุกรุ่นมากขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์นี้ จนนำไปสู่การปิดน่านฟ้าทางตอนเหนือของปากีสถานและอินเดีย ซึ่งเป็นเส้นทางการเบินหลักเชื่อมระหว่างยุโรปกับไทยนั้น เบื้องต้นส่งผลให้การขนส่งผู้โดยสารกับสินค้าอาจสะดุดในช่วงระยะสั้น และสามารถคลี่คลายได้ในที่สุด แต่ความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศคงเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างซับซ้อนและอ่อนไหวที่ต้องติดตามกันต่อไป

        "ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" ให้ความเห็นกับเรื่องดังกล่าวว่า  ผลกระทบต่อไทยทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยวยังอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังไม่ใช่ปลายทางการขนส่งสินค้าของไทย และไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายของไทย

        โดยในด้านการส่งออกสินค้าของไทยไปยังประเทศอินเดีย จะยังรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องที่ระดับ 3.3-5.3% มีมูลค่าการส่งออกสินค้าราว 7.85-8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2562 น่าจะมีจำนวนประมาณ 1.70-1.74 ล้านคน ขยายตัวประมาณ 6.7-8.7% และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทย คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 7.66-7.81 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2-9.2%     โดย "ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" มองว่า ความตึงเครียดดังกล่าวในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นจะส่งผลค่อนข้างจำกัดทั้งด้านการค้าระหว่างไทยกับอินเดียและด้านการท่องเที่ยว เพราะการค้าระหว่างไทยกับอินเดียและปากีสถานไม่ได้รับผลกระทบ หากไม่ลุกลามไปสู่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยหากมองจากเหตุการณ์ในอดีต ที่ไม่ว่าจะเกิดความตึงเครียดระหว่างอินเดียกับปากีสถานรุนแรงแค่ไหน ก็จะส่งผลกระทบจำกัดอยู่แค่พื้นที่โดยรอบเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลลุกลามมายังเศรษฐกิจมากนัก และในที่สุดทั้งคู่ก็จะสามารถกลับมาอยู่ในจุดที่อยู่ร่วมกันได้ แต่เรื่องสิทธิเหนือพื้นที่แคชเมียร์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน จึงมีโอกาสที่จะหวนกลับมาเป็นประเด็นได้อีกในระยะข้างหน้า

      ทำให้ยังมีการคาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยไปอินเดียในปี 2562 จะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่หากความขัดแย้งลุกลามจนมีผลต่อนโยบายเศรษฐกิจและทิศทางการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีอินเดียที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้ การส่งออกของไทยในปีนี้ก็อาจจะเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ได้.

ครองขวัญ รอดหมวน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"