ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคุก1ปี'น็อต'กราบรถ


เพิ่มเพื่อน    

13 ก.พ.61- ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธีร์ (อัครณัฐ) อริยฤทธิ์วิกุล หรือน็อต อายุ 30 ปี ดารานักแสดง กับนายวิทวัส ศรีบัณฑิตมงคล เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และกระทำการอันเป็นการรังแก หรือข่มเหงผู้อื่นให้ได้รับความอับอาย
     กรณีเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2559 จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้กำลังทำร้ายร่างกาย นายกิตติศักดิ์ หรือบอย พนักงานคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรตลิ่งชัน บาดเจ็บ จากการขับรถเฉี่ยวชนกัน บริเวณปาก ซ.เจริญกรุง44 โดย นายธีร์ จำเลยที่ 1 ยังบังคับให้ผู้เสียหายกราบรถจนกลายเป็นวลีดังที่มีการพูดถึงในโลกออนไลน์
     โดยก่อนหน้าที่จะมีคำพิพากษา ศาลได้ให้คู่ความเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยนายธีร์ให้การยอมรับสารภาพ พร้อมกับยอมชดใช้ค่าเสียหายให้กับ คู่กรณีเป็นเงิน 1.8 แสนบาท
     คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2560 ให้พิพากษาจำคุกนายธีร์กับนายวิทวัส เป็นเวลา 2 ปี แต่จำเลยทั้งสองให้การสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงให้จำคุก 1 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี โดยให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติด้วยเป็นระยะเวลา 4 ครั้ง ใน 1 ปี และให้ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมง ต่อมาอัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลไม่รอการลงโทษเฉพาะจำเลยที่ 1 เนื่องจากเห็นว่าที่จำเลยที่ 1 มีการชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากคดีมีการนำเข้าสู่ศาล ไม่ได้เกิดจากการสำนึกผิดที่ต้องการเยียวยาผู้เสียหาย จึงขอให้ไม่ให้รอการลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและมีการบังคับใช้กฎหมาย
     ในวันนี้ นายนายธีร์ เดินทางมาศาลพร้อมญาติและทนายความ
     ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นเหมาะสมแล้ว อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายธีร์นั้นได้ทำงานบริการสังคม 24 ชั่วโมงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติด้วยเป็นระยะเวลา 3 ครั้งแล้ว โดยนายธีร์มีนัดรายงานตัวอีกครั้งซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายวันที่ 3 มี.ค.นี้ ซึ่งจะครบกำหนดคุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี ในวันที่ 30 มิ.ย. 2561
     อย่างไรก็ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันนี้ถือเป็นที่สิ้นสุด เนื่องจากตามกฎหมายแล้วคดีที่มีอัตราโทษไม่เกิน 5 ปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นแล้ว คดีจะไม่สามารถขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาได้ เว้นแต่จะมีการขออนุญาตฎีกาที่จะต้องมีผู้รับรองฎีกาตามกฎหมาย
     ซึ่งภายหลังฟังคำพิพากษา นายธีร์ได้เขียนข้อความในอินสตราแกรมส่วนตัว ระบุว่า “ช่วงเวลาที่ผ่านมามีคุณค่ากับผมมาก เรื่องราวทั้งดีทั้งร้ายสอนทุกอย่างในชีวิตผมใหม่หมด ความยากเย็นมันมีคุณค่ากับอนาคตที่ผมต้องเดินต่อ ขอบคุณทุกอย่าง ขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือผมมาตลอด โดยเฉพาะทุกคนที่อยู่ในรูป และอีกหลายๆ คน หลายคนมากๆ จริงๆ เกือบหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา มันจบลงแล้วครับ".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"