ปริศนาประชุมทรัมป์กับคิมครั้งที่ 2 ข้อตกลงที่ไม่ทำพิธีลงนาม


เพิ่มเพื่อน    

 

8 เดือนหลังการประชุมสุดยอดรอบแรก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับคิม จองอึน (Kim Jong-un) ผู้นำเกาหลีเหนือมาประชุมสุดยอดอีกครั้งที่เวียดนามช่วง 1- 2 สัปดาห์ก่อนประชุมรอบนี้เป็นภาพความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับผู้นำคิม มีทีท่าว่าน่าจะได้ข้อตกลงบางอย่าง

เงื่อนไขก่อนเจรจารอบ 2 :

                ก่อนวันประชุมประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า ไม่ต้องรีบด่วนให้เกาหลีเหนือปลอดนิวเคลียร์ ขอเพียงไม่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธอีกก็พอ การทำลายนิวเคลียร์จะต้องเป็นขั้นเป็นตอนอย่างมีนัยสำคัญ (meaningful) หากต้องการให้สหรัฐคลายมาตรการคว่ำบาตร และไม่คิดว่าจะเป็นการประชุมสุดยอดครั้งสุดท้าย

                จะเห็นว่ารัฐบาลทรัมป์ไม่ได้ตั้งเป้าว่าเกาหลีเหนือต้องทำลายโครงการทั้งหมด พร้อมจะคลายมาตรการคว่ำบาตรหากตกลงกันได้ ดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นขั้นเป็นตอน

                ข่าวที่เผยแพร่ทางสื่อ เป้าหมายการประชุมสุดยอดรอบ 2 ของเกาหลีเหนือคือต้องการให้รัฐบาลสหรัฐคลายการคว่ำบาตร ควบคู่กับการทำลายโครงการนิวเคลียร์เกาหลีเหนืออย่างเป็นขั้นตอน ไม่ยอมรับข้อเสนอให้ปลอดนิวเคลียร์ก่อนจึงจะเลิกคว่ำบาตร และขู่ว่าอาจเดินหน้าสร้างนิวเคลียร์ต่อหากไม่คลายการคว่ำบาตร

                ท่าทีของเกาหลีเหนือชัดเจนตั้งแต่การประชุมสุดยอดรอบแรกที่สิงคโปร์ สิ่งที่รัฐบาลเกาหลีเหนือต้องการคือยุติมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด หรือคลายมาตรการบางส่วน เพื่อรับความช่วยเหลือจากมิตรประเทศ เดินหน้าโครงการเศรษฐกิจกับเกาหลีใต้และจีน

                ท่าทีของรัฐบาลเกาหลีเหนือสอดคล้องกับเกาหลีใต้และจีน

ใครพูดจริงพูดเท็จ :   

                วันที่ 2 เมื่อเข้าสู่วาระเจรจาอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าประธานาธิบดีทรัมป์เดินออกจากห้องประชุมตั้งแต่ช่วงเช้า เผยว่าเหตุที่การประชุมล้มเหลวเพราะผู้นำคิมต้องการให้ยุติมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดโดยที่ยังไม่ต้องปลอดนิวเคลียร์ ตนจึงขอยุติการประชุม ด้านผู้นำคิมกล่าวว่ามีปัญหาเรื่องเงื่อนไข คำนิยาม

                ในการแถลงข่าวหลังประชุมสุดยอด ไมค์ พอมเพโอ (Mike Pompeo) รมต.ต่างประเทศสหรัฐชี้แจงว่า จำต้องเลือกทางที่ก่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ เกาหลีเหนือไม่ยอมรับเงื่อนไขบางอย่าง อย่างไรก็ตาม มีความคืบหน้าบางประการจากการประชุมสุดยอดรอบนี้

                ด้านประธานาธิบดีทรัมป์อธิบายเสริมว่าเกาหลีเหนือต้องการให้ยุติมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด แลกกับที่เกาหลีเหนือทำลายนิวเคลียร์ส่วนใหญ่ แต่สหรัฐไม่อาจรับเงื่อนไขยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมด และแม้จะไม่ได้ลงนามข้อตกลงใดๆ ผู้นำคิมกล่าวว่าจะไม่ทดลองทดสอบขีปนาวุธหรือสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์

                ฝ่ายเกาหลีเหนือเปิดแถลงข่าวหลังประชุมเช่นกัน รี ยองโฮ (Ri Yong-ho) รมต.กระทรวงต่างประเทศกล่าวว่า ข้อเสนอของเกาหลีเหนือคือรัฐบาลสหรัฐระงับการคว่ำบาตรบางส่วนที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แลกกับการทำลายโครงการนิวเคลียร์ รวมทั้งศูนย์นิวเคลียร์ที่ยองบยอน (Yongbyon) แต่รัฐบาลทรัมป์ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ และมีเงื่อนไขอีกข้อที่เกาหลีเหนือรับไม่ได้

                นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยื่นเงื่อนไขลงนามข้อตกลงจะไม่ทดสอบนิวเคลียร์กับขีปนาวุธพิสัยไกลแลกกับระงับการคว่ำบาตรบางส่วน แต่ทรัมป์ปฏิเสธการลงนามเช่นกัน

                จะเห็นว่าคำพูดของ รมต.ต่างประเทศเกาหลีเหนือขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์ ตรงที่ทรัมป์บอกว่าเกาหลีเหนือต้องการให้ยุติมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด เป็นปริศนาว่าใครพูดจริงพูดเท็จ ลำพังข้อนี้ก็ยากจะสรุปว่าทำไมการเจรจาจึงล้มเหลว (ถ้าจะสรุปเช่นนั้น)

                ถ้ายึดตามคำพูดของทรัมป์ การที่เกาหลีเหนือขอให้ยุติมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดเป็นข้อเรียกร้องที่สุดโต่ง ไม่น่าเป็นไปได้อยู่แล้ว สวนทางกับท่าทีก่อนหน้านี้ที่ร้องขอเพียงคลายการคว่ำบาตรเท่านั้น

ปริศนา ทำไมต้องจัดประชุมรอบ 2 :

                หลายสัปดาห์ก่อนการประชุมรอบ 2 มีการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้ง 2 ฝ่าย หากไม่มีอะไรที่น่าจะตกลงกันได้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ผู้นำ 2 ประเทศเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล เสียเวลา เสียงบประมาณมากมาย

                ความเข้าใจที่พึงมีคือ การประชุมระดับผู้นำประเทศในปัจจุบัน หลายครั้งจัดขึ้นเพื่อให้เกิดพิธีการเท่านั้น นั่นคือเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ ลงนามข้อตกลงและถ่ายรูป เหล่านี้ใช้เวลาไม่นาน เพราะการเจรจาต่อรอง รายละเอียดต่างๆ กระทำในระดับเจ้าหน้าที่ และไม่ใช่หน้าที่ของผู้นำประเทศที่ต้องเจรจาเนื้อหารายละเอียดด้วย เพราะผู้นำประเทศต้องดูแลทั้งประเทศ ไม่มีเวลามากพอ อีกทั้งเกี่ยวข้องกับประเด็นทางเทคนิค เรื่องยิบย่อยทางกฎหมายที่ผู้นำประเทศไม่เชี่ยวชาญเท่ากับเจ้าหน้าที่ผู้รับชอบเรื่องดังกล่าว

                จึงเป็นที่มาของปริศนาว่า หากไม่มีอะไรที่น่าจะตกลงกันได้ (ที่ได้ตกลงแล้วในระดับเจ้าหน้าที่) ทำไมทรัมป์กับคิมต้องเดินทางมาเวียดนาม เพื่อเข้าประชุม 2 ชั่วโมงแล้วต่างคนต่างกลับบ้าน ถ้าต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล หอบหิ้วเจ้าหน้าที่ หน่วยรักษาความปลอดภัยนับร้อย เพียงเพื่อประชุมสั้นๆ แล้วไม่ได้อะไรกลับไป เช่นนี้ควรเรียกว่าเป็นการบริหารที่ผิดพลาดใช่หรือไม่

                เป็นเรื่องตลกถ้าประธานาธิบดีทรัมป์กับผู้นำคิมต้องเดินทางไกล เตรียมการไว้มากมาย เพื่อที่คนหนึ่งจะพูดว่าต้องยุติมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดจึงต้องยอมทำลายนิวเคลียร์บางส่วน เป็นเหตุให้ทรัมป์เดินออกจากห้องประชุม  คำถามที่ตามมาคือ ถ้าไม่มาเพื่อลงนามข้อตกลงแล้วท่านมาทำไม มีอะไรซ่อนอยู่ที่สาธารณชนไม่ทราบ

ข้อตกลงที่ไม่ทำพิธีลงนาม :

                เมื่อวิเคราะห์ลงรายละเอียดพบว่า แม้การประชุมจะปราศจากพิธีลงนามข้อตกลงใดๆ เกิดภาพที่หลายฝ่ายสรุปว่าการประชุมล้มเหลว แต่มีประเด็นที่น่าสนใจคือ ในการแถลงข่าวหลังประชุม ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า ผู้นำคิมจะไม่ทดลองทดสอบขีปนาวุธหรือสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ ข้อนี้นับเป็นความสำเร็จของทรัมป์แล้ว เพราะตรงกับเป้าหมายเฉพาะหน้าของทรัมป์ ดังที่ทรัมป์กล่าวไม่กี่วันก่อนการประชุมว่าไม่ต้องรีบด่วนให้เกาหลีเหนือปลอดนิวเคลียร์ ขอเพียงไม่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธอีกก็พอ

                เมื่อมองย้อนตั้งแต่การประชุมรอบแรกเมื่อ 8 เดือนก่อน ประธานาธิบดีทรัมป์เอ่ยถึงความสำเร็จของการประชุมรอบแรกว่า ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเกาหลีเหนือไม่ได้ทดสอบนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธเลย ขอเพียงไม่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธอีกก็พอ

                สิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการมีเพียงเท่านี้

                เป็นไปได้หรือไม่ว่า การไม่ทดลองขีปนาวุธหรือสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ คือ “ข้อตกลงที่ไม่ได้ทำพิธีลงนาม” พูดให้ชัดคือข้อตกลงลับนั่นเอง

                ถามว่าเกาหลีเหนือได้อะไรตอบแทน ตอบได้ว่ารัฐบาลทรัมป์จะไม่แสดงท่าทีคุกคาม ไม่ส่งเครื่องบินรบบินโฉบเฉี่ยวใกล้น่านฟ้าเกาหลีเหนือ ส่วนผลประโยชน์อื่นๆ เป็นเรื่องปิดลับ ถ้าวิเคราะห์ตามแนวทางนี้ การที่ผู้นำคิมต้องเดินทางด้วยรถไฟกว่า 9,000 กิโลเมตรน่าจะคุ้มค่า

                เป็นไปได้ว่าการประชุมสุดยอดรอบต่อไปอาจเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีในปลายปี 2020 ให้เห็นว่านี่คือผู้นำอเมริกาประเทศที่ยิ่งใหญ่ เป็นประธานาธิบดีผู้นำสันติภาพแก่คนอเมริกัน ควรคู่ที่จะเป็นประธานาธิบดีต่ออีกสมัยโดยไม่ต้องสงสัย.

------------------------------

ภาพ : บนโต๊ะประชุมสุดยอด

ที่มา : http://www.rodong.rep.kp/en/index.php?strPageID=SF01_02_02&newsID=2019-03-01-0009_photo

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"