ความล้มเหลวที่ฮานอย ท่ามกลางรอยยิ้มและคำหวาน


เพิ่มเพื่อน    

    ล่มครับ!
    การประชุมสุดยอดรอบ 2 ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ กับคิม จองอึน ที่ฮานอยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่อง “โอละพ่อ” อย่างเกรียวกราว
    เพราะทรัมป์ปูทางมาตลอดว่าทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย กระทั่งกำหนดการของการประชุมยังระบุเวลาบ่าย 2 โมง สำหรับ “การลงนามในข้อตกลงร่วม”
    แต่ก่อนเที่ยงๆ ของวันนั้น ที่โรงแรม Metropole เริ่มมีสัญญาณแปลกๆ เพราะทั้งทรัมป์และคิมไม่ปรากฏตัวตามเวลาที่กำหนดไว้
    กองทัพนักข่าวเริ่มจะกระสับกระส่ายเพราะเริ่มจะสังเกตเห็นอะไรที่แปลกๆ
    กระทั่งเลยเที่ยงไปเล็กน้อย ทรัมป์ก็โผล่ออกมาแถลงข่าว เมื่อไม่เห็นคิมเดินเคียงคู่มาด้วย ความสงสัยก็กลายเป็นความจริง
    การเจรจาไม่อาจจะบรรลุข้อตกลงได้!
    ทรัมป์อ้างว่าเพราะคิมยืนยันว่าเงื่อนไขสำคัญที่สุดคือสหรัฐจะต้องยกเลิกแซงก์ชัน หรือการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ “ทั้งหมด” ขณะที่เกาหลีเหนือพร้อมจะรื้อสถานีทดลองนิวเคลียร์ที่ยองเปียน (Yongbyon) ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตนิวเคลียร์ของโสมแดง
    ทรัมป์บอกว่าไม่อาจจะรับเงื่อนไขของคิมได้
    และที่คิมเสนอจะทำลายอุปกรณ์นิวเคลียร์ที่ยองเปียนแห่งเดียวนั้น “ไม่พอ”
    ทรัมป์บอกว่า คณะเจรจาของอเมริกาแสดงหลักฐานให้คิมและคณะเห็นว่าฝั่งสหรัฐมีข้อมูลว่าเกาหลีเหนือยังซ่อนแหล่งผลิตนิวเคลียร์อยู่ที่ไหนบ้าง
    รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐไมค์ ปอมปิโอ บอกว่า แม้จะรื้อฐานนิวเคลียร์ที่ยองเปียน เกาหลีเหนือก็ยังมีที่ผลิตขีปนาวุธและนิวเคลียร์อีกมากมายหลายแห่ง
    ทรัมป์ก็จึงตัดสินใจขอเลิกประชุมกับคิม โดยตกลงกันว่า เมื่อหาข้อยุติไม่ได้ก็เจรจากันต่อไปก็แล้วกัน ต่างคนต่างกลับบ้านมือเปล่า
    แล้วมีการนัดหมายจะเจอกันรอบที่ 3 ระหว่างทรัมป์กับคิมหรือเปล่า?
    ทรัมป์บอกว่า ไม่ได้มีการตกลงกันในประเด็นนี้ อาจจะเจอกันเร็วๆ นี้ หรืออาจจะต้องรอไปอีกนาน
    ทันทีที่ข่าวนี้หลุดออกมาจากฮานอย ตลาดหุ้นทั่วโลก็ร่วงกันระนาว เพราะผิดจากความคาดหมายเดิมเยอะ
    ที่แปลกมากก็คือว่า ทำไมทรัมป์กับคิมนัดเจอกันที่ฮานอย โดยที่ระดับรัฐมนตรีและฝ่ายปฏิบัติการยังไม่สามารถตกลงกันรายละเอียดได้
    การที่ให้ผู้นำมาเจอกันอีกครั้งโดยยังไม่บรรลุข้อตกลงอย่างนี้ ถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง และผิดกับหลักของการทูตระหว่างประเทศเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะปกติแล้ว การประชุมสุดยอดของผู้นำจะต้องเป็นเพียงพิธีกรรมเพื่อจะมาลงนามและประกาศความสำเร็จของทั้งสองฝ่ายให้ชาวโลกได้ตื่นเต้นยินดีด้วย
    แต่ทรัมป์กับคิมเล่นเกมการพนัน “ตายเอาดาบหน้า” อย่างนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างประหลาดไม่น้อย ทำให้การประชุมสุดยอดรอบที่ 2 กลายเป็นเความล้มเหลวที่สร้างความเสียหายให้กับทั้งสองฝ่าย
    เพราะจะทำให้บั่นทอนความน่าเชื่อถือของผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือลงไปอย่างมาก
    อีกทั้งยังทำให้ผลการประชุมครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้นหมดความศักดิ์สิทธิ์ ไร้ความหมายทางประวัติศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศไปทันที
    เลิกพูดเรื่องรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพสำหรับทรัมป์และคิมไปอีกนาน
    อีกทั้งยังจะทำให้โลกกลับไปสู่ความตึงเครียดอีกรอบ เพราะไม่รู้ว่าที่ทรัมป์อ้างว่าคิมรับปากจะไม่กลับไปทดลองขีปนาวุธอีกนั้น จะเชื่อได้มากน้อยเพียงใด
    อีกทั้งทรัมป์เองจะเล่มเกมอะไรจากนี้ในเรื่องคิมก็จะทำให้คนเชื่อถือน้อยลงไป เพราะแกชื่นชมคิมมาตลอดก่อนการประชุมหลายเดือน (ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยด่าสาดเสียเทเสีย) และคุยว่าการประชุมที่ฮานอยจะมีการประกาศข้อตกลงที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่แน่นอน
    กลับกลายเป็นว่า ทรัมป์ต้องบอกว่า “Sometimes you have to walk…I could have signed an agreement today and then you people would have said, ‘oh, what a terrible deal.’” หรือแปลว่า “บางครั้งคุณก็ต้องเดินหนีออกมาเหมือนกัน”
    แกบอกว่า ความจริงถ้าจะลงนามในเอกสารข้อตกลงที่คุยกันก็ได้ แต่หากทำอย่างนั้น “พวกคุณก็จะบอกว่ามันช่างเป็นข้อตกลงที่ห่วยอะไรอย่างนั้น”
    สรุปว่า งานนี้ทรัมป์เสียคนและเสียฟอร์มพอสมควร คิมอาจได้มากกว่าเสีย เพราะได้แสดงว่าแกเป็นนักต่อรองระดับโลกที่ทำเอานักต่อรองชั้นเซียนอย่างทรัมป์ต้อง “เงิบ” ไปทีเดียว!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"