"บิ๊กป้อม" ยัน พ.ร.บ.ไซเบอร์ไม่ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชน สั่งหน่วยงานด้านความมั่นคงตรวจสอบเข้มข่าวปลอม ข่าวเชิงลบ ที่สร้างความแตกตื่นกับประชาชน โฆษกกลาโหมเผยพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่กำลังพยายามบิดเบือนและสร้างข้อมูลเท็จเชื่อมโยงกับกลุ่มที่อยู่เบื้องหลัง หวังทำลายรัฐบาล "จตุพร" สวนกลับ สะท้อนให้เห็นว่ายิ่งกว่าเผด็จการรัฐสภา คือเผด็จการทหาร
ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ถูกเพจปลอมสร้างข้อมูลเท็จโจมตีว่า แล้วเชื่อกันหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อก็จบ ซึ่งภาพที่เอามาลงก็เป็นภาพเก่า ขณะนี้ได้แจ้งให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ไปตรวจสอบหาที่มา และผู้กระทำความผิดเนื่องจากข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้เกิดความเสียหาย
เมื่อถามถึงกรณีที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเห็นชอบผ่านร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ....หรือ พ.ร.บ.ไซเบอร์ รมว.กลาโหมกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และรัฐบาลชุดนี้ไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งจะเตรียมชี้แจงต่อประชาชนว่าไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง ทั้งฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คุมเข้มติดตามและตรวจสอบการให้ข้อมูลข่าวปลอม ที่มีแพร่กระจายข่าวสารในสังคมออนไลน์มากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบในเชิงลบกับสังคม และสร้างความแตกตื่นกับประชาชน รวมทั้งยังเป็นการทำลายภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของบุคคล องค์กร และประเทศ โดยเฉพาะห้วงการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังมีขึ้น
"โดยกำชับให้ตรวจสอบเชิงลึกถึงที่มาและความเชื่อมโยงของกลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีต่อสังคมและประเทศชาติ ที่พยายามสร้างเงื่อนไขทางสังคม ด้วยการบิดเบือนและให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตัดต่อภาพและข้อมูลหวังให้สังคมเข้าใจผิด การให้ข้อมูลเท็จยั่วยุสร้างความโกรธเกลียดทางสังคม เป็นต้น ซึ่งหากตรวจพบให้แจ้งเตือนและดำเนินมาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องทันที พร้อมทั้งขอให้ทุกส่วนราชการเร่งชี้แจงและให้ข้อมูลความจริงกับประชาชนทันที เพื่อมิให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด"
โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวเพิ่มเติมว่า มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่กำลังพยายามบิดเบือนและสร้างข้อมูลเท็จ เชื่อมโยงกับกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังและได้ประโยชน์จากข้อมูลอันเป็นเท็จดังกล่าว โดยหวังทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและสร้างความเข้าใจผิดกับสังคม ซึ่งขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงโดยทุกส่วนราชการกำลังตรวจสอบและติดตามพฤติกรรมดังกล่าว และจะดำเนินมาตรการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อไป โดยยืนยันจะไม่ยอมให้กลุ่มบุคคลใด นำข้อมูลเท็จอันเป็นเท็จ มาสร้างความโกรธเกลียดและขยายความแตกแยกทางสังคมอีกต่อไป จึงขอแจ้งเตือนให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว พร้อมทั้งขอให้ประชาชนใช้ความรอบคอบในการรับส่งข้อมูลข่าวสาร ไม่ตกเป็นเครื่องมือทำร้ายสังคมดังเช่นอดีต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้มีเว็บข่าวปลอม นำเสนอข้อมูลการเบิกงบประมาณจิบกาแฟของ พล.อ.ประวิตร และคณะ รวม 82,000 บาท แก้วละ 12,000 บาท ที่ร้านกาแฟย่านถนนสีลม พร้อมมีภาพ พล.อ.ประวิตรดื่มกาแฟกับนายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษาฯ ประกอบข่าว ซึ่งเป็นภาพเก่า อีกทั้งยังมีคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตรในข่าวด้วย โดยก่อนหน้านี้ในเพจปลอมมีการนำเสนอข่าวบ้านหรูของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และการเพิ่มระยะเวลาการเข้าเป็นทหารกองประจำการ(ทหารเกณฑ์) จาก 2 ปีเป็น 4 ปี
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจ หากไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล ยืนยันตำรวจบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีการสองมาตรฐานอย่างแน่นอน แต่หากมีผู้กังวลว่า กฎหมายฉบับนี้จะกระทบสิทธิส่วนบุคคล หรือกังวลว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะใช้กฎหมายไปในเชิงลุแก่อำนาจ ก็มีกระบวนการตรวจสอบคานอำนาจระหว่างหน่วยงานกันอยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า จากที่ศึกษาเบื้องต้น พบว่ากฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจ กสทช.เป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ให้อำนาจตำรวจโดยตรง แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประกาศใช้เป็นกฎหมาย จึงต้องไปดูรายละเอียดการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ระบุไว้ในกฎหมายให้แน่ชัดก่อน พร้อมให้ความมั่นใจประชาชน อย่าเพิ่งกังวล
น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า ตามที่ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านความเห็นชอบจาก สนช. กฎหมายทั้งสองจะช่วยสร้างความพร้อมให้กับประเทศไทยในการรับมือความเสี่ยงและภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่ จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล ที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงประเทศและเศรษฐกิจโดยรวม ตลอดจนถึงการคุ้มครองข้อมูลประชาชนทั่วไป จะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล หนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างมีเข้มแข็งและยั่งยืน
หลักการสำคัญของ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ เพราะปัจจุบันการให้บริการสำคัญใช้ระบบดิจิทัล ซึ่งมีความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ เช่น ไวรัส มัลแวร์ การโจมตีระบบจากอาชญากรคอมพิวเตอร์ อาจกระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน หรือความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เพื่อให้สามารถป้องกันหรือรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ส่วนตัวอยากถามกลับว่า นี่คือเผด็จการอะไร และเป็นการสะท้อนอย่างชัดเจนว่าเผด็จการที่มาจากการยึดอำนาจมักจะมีการกล่าวอ้างในห้วงเวลาที่ประเทศเป็นประชาธิปไตยว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเผด็จการที่ทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารและเผด็จการที่ทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติ เหล่านี้เป็นบุคคลที่ไม่ได้มาจากประชาชน ดังนั้นจึงไม่ฟังเสียงสะท้อนความจริงความเดือดร้อนจากประชาชน
"ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่ายิ่งกว่าเผด็จการรัฐสภา คือเผด็จการทหาร ซึ่งปกครองประเทศมากว่า 5 ปี แม้กระทั่งขณะที่มีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ก็ยังคงทำหน้าที่และผ่านกฎหมายที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยไม่มีเสียงคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว" นายจตุพรกล่าว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าฝ่ายการเมืองหรือภาครัฐต้องการที่จะเข้ามาควบคุม การใช้งานด้านระบบคอมพิวเตอร์ทั้งประเทศ จึงเป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะมีการใช้กฎหมายนี้เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง เหมือนกับกฎหมายคอมพิวเตอร์ที่ถูกวิจารณ์อยู่ในขณะนี้
"ในอนาคตกฎหมายนี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐในการควบคุมวิถีชีวิตของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์อย่างมีนัยสำคัญ ผมเห็นว่าในยุครัฐประหาร มักจะออกกฎหมายประเภทที่กระทบสิทธิเสรีภาพของบุคคล และจะยึดเป็นคาถาคือความมั่นคง เช่นเดียวกับร่างกฎหมายอีกหลายฉบับที่พยายามจะเสนอ แต่ถูกคัดค้านต่อต้านจนต้องยุติไป ดังนั้น หากมีโอกาสคงต้องสังคายนาทบทวนกันขนานใหญ่" นายชูศักดิ์กล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |