ตั้งโต๊ะคุยผู้สมัครส.ส.ประชาธิปัตย์ สะท้อนปัญหากทม. ฝุ่น-หาบเร่-ผู้มีอิทธิพล


เพิ่มเพื่อน    

พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศ แน่นอนว่าปัญหาต่างๆยอมเกิดขึ้นให้แก้ไขตลอดเวลา เพราะมีการกระจุกตัวของประชากรแน่นหนา ซึ่ง 3 ผู้สมัครส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ในเขตกทม. จะได้สะท้อนและร่วมแก้ไขเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

รัฐพงศ์ ระหงษ์

เริ่มต้นที่ “รัฐพงศ์ ระหงษ์ ผู้สมัครส.ส.เบอร์ 6 เขตบางเขน” กล่าวถึงปัญหามลภาวะที่คนกรุงเพิ่งจะประสพไปอย่างค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เกินกว่าค่ามาตรฐาน อ.ก้อง-รัฐพงศ์ ระบุว่า ฝุ่นเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก คือ 1.อุตสาหกรรม 2.การเผาป่า และ3.การเผาไหม้จากเครื่องยนต์ดีเซล ทั้งนี้ งานก่อสร้างต่างๆไม่ได้เป็นตัวก่อให้เกิดฝุ่นโดยตรง แต่ในการก่อสร้างนั้นย่อมต้องอาศัยเครื่องจักรและรถเครื่องยนต์ดีเซลต่างๆในการขนย้ายและก่อสร้าง ซึ่งนั่นคือตัวการก่อฝุ่น

อย่างไรก็ตาม การเผาไหม้จากเครื่องยนต์ดีเซล เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝุ่นถึง 65 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นแนวทางการแก้ไขของพรรค นอกจากพยายามจะผลักดันให้รถขสมก.เปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าภายใน  7 ปีแล้ว ตนคิดว่าต้องผลักดันให้รถยนต์เครื่องดีเซลใช้น้ำมัน บี100 ด้วย 

นอกจากเครื่องยนต์ดีเซลจะปล่อยสารคาร์บอนมอนอกไซด์ และฝุ่นละออง  ที่สำคัญ ยังทำให้เกิดสารก่อมะเร็งอีกด้วย แต่ถ้าเกิดเราผลักดันการใช้บี100 สำเร็จ จะทำให้การปล่อยของเสียเหล่านั้นลดลงครึ่งหนึ่ง ยกเว้นสารก่อมะเร็งจะลดลงเกือบ 0 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ด้วยความที่บี100 คือการใช้น้ำมันปาล์ม 100 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าเราจะได้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่กำลังประสบกับวิกฤตราคาปาล์มตกต่ำ   
     
“บี100 สามารถใช้ได้จริงกับเครื่องยนต์ ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสให้กรมอู่ทหารเรือศึกษาและทดลองใช้จริงกับเรือพระที่นั่งอังสนา ซึ่งพระองค์ท่านทรงประดับแล้ว” รัฐพงศ์ กล่าว   

เขา กล่าวอีกว่า เรื่องการทำงานของน้ำมันบี100 อาจจะมีการแข็งตัวที่หัวฉีด แต่ก็เป็นเพียงข้อจำกัดในประเทศที่มีอากาศหนาว สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนปัญหานั้นจึงหมดไป นอกจากนี้ก็มีความเสี่ยงไขมันติดที่ลูกสูบ ซึ่งเราก็สามารถแก้ไขโดยการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องให้เหมาะสม

น.ส.เบญญาภา เกษประดิษฐ์

ด้าน “น.ส.เบญญาภา เกษประดิษฐ์ ผู้สมัครส.ส.เบอร์ 6 เขตหนองจอก” สะท้อนปัญหาการทำมาหากินของชาวกทม. สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้ คือ การจัดระเบียบริมทางเดินที่ผ่านมาของรัฐบาล ทำให้พ่อค้าแม่ค้า หาบเร่แผงลอยได้รับผลกระทบอย่างยิ่ง  
         
แอม-เบญญาภา ระบุว่า พรรคมองว่าอาชีพหาบเร่แผงลอย เป็นงานสร้างอาชีพ ทำให้คนมีรายได้ เรามองย้อนกลับไปว่าสิ่งเหล่านี้จะลดภาระของรัฐ ลดความสุ่มเสี่ยงต่อปัญหาสังคม และยังทำให้คนเมืองมีทางเลือกในการซื้อสินค้าไม่ต้องเข้าร้านสะดวกซื้อเท่านั้น  ที่ผ่านมา การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยไม่ได้คำนึงรอบด้าน นอกจากเสี่ยงกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในและนอกระบบแล้ว ยังเป็นการตัดหนทางประกอบอาชีพของคนอายุ40-50 ปีที่เสี่ยตกงาน เพราะหุ่นยนต์จะเข้ามาแทนที่

พรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยเราพิจารณาทุกมิติ เพราะมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมากทั้งคนขาย คนซื้อ และคนอื่นๆ ที่เป็น “มือที่มองไม่เห็น” ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเศรษฐกกิจนอกระบบ ที่สอดแทรกอยู่ในระบบเศรษฐกิจ จนเป็นส่วนหนึ่งของกันแลกัน ดังนั้น เราจึงต้องมองด้วยความระมัดระวัง จะคิดถึงแต่เรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความปลอดภัย ความสะอาดเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดูองค์รวมทั้งหมด

 ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย

ขณะที่ ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ผู้สมัครส.ส. เบอร์ 1 เขตมีนบุรี คันนายาว(แขวงคันนายาว) กล่าวถึงการใช้อำนาจของผู้มีอิทธิพลในเมืองหลวง โดยยืนยันว่ายังคงมีนักการเมืองใช้อำนาจที่ได้จากการที่ประชาชนไว้วางใจเลือกให้เป็นตัวแทนหลายสมัย หาประโยชน์เข้าตัวเอง ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาพื้นที่

เขา ยกตัวอย่างเช่นโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายหนึ่ง ตามแผนแม่บทเดิม รถไฟฟ้าจะครบกำหนดแล้วเสร็จภายในปีนี้ ทว่า ความจริงกลับได้เพียงเพิ่งเริ่มสร้างเท่านั้น

“ธนัตถ์” เปิดเผยว่า มีผู้มีอำนาจรายหนึ่งไปทำประชาวิจารณ์เกี่ยวกับแผนแม่บทดังกล่าว โดยไม่ได้เปิดกว้างให้ประชาชนทุกกลุ่ม ผลปรากฏว่าการทำประชาวิจารณ์ประชาชนต้องการให้เลี่ยงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้า บริเวณตลาดสด ไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งเขาก็มีหลายข้ออ้าง แต่หนึ่งข้อที่ฟังแล้วไม่สมเหตุสมผล คือ ไม่ต้องการให้สถานีรถไฟฟ้ามาลงหน้าตลาด เพราะจะทำให้การจราจรแออัด  ก่อสร้างจะทำให้รถติด  ซึ่งถ้าเหตุผลเป็นแบบนั้น ถามว่าเราจะมีรถไฟฟ้าสถานีสีลม ราชดำริ สยาม อโศกได้อย่างไร  เพราะเขาก็ต้องพยายามสร้างเพื่อลดความแออัดไม่ใช่หรือ

แน่นอน เรื่องนี้มีผลประโยชน์โดยพยายามนำรถไฟฟ้าไปลงในพื้นที่ของพวกพ้องเครือญาติ หรืออยากจะเอาไปลงในพื้นที่ที่ตัวเองได้ประโยชน์ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าพื้นที่ในเขตดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นสีเขียว หมายถึงพื้นที่ทำเกษตร แต่เมื่อรถไฟฟ้าไปลงในพื้นที่ใดจะกลายเป็นพื้นที่สีแดง กล่าวคือสามารถสร้างตึก อาคารสูงได้ ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้น

แต่ที่สุดเรื่องราวที่เกิดขึ้น สมาชิกสภาเขตของพรรคเราได้ต่อต้านการกระทำดังกล่าว จนทำให้การก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าตกที่เดิม

“ผมรู้สึกเสียดายที่ผู้มีอำนาจคนนั้น เลือกที่จะพัฒนาให้ตัวเองร่ำรวยก่อนที่จะให้ประชาชนร่ำรวย โครงการแทนที่จะเสร็จแล้วตามแผนแม่บท แต่กลับต้องเลื่อนออกไปประมาณ 4-5 ปี ถามว่าทำไมประชาชนต้องรอ เขาเสียโอกาสไป 4-5 ปี ทั้งที่ความจริงตอนนี้เขาควรจะได้รับความเจริญนั้นที่มาพร้อมกับเศรษฐกิจที่ดีในพื้นที่”

ธนัตถ์ กล่าวปิดท้ายว่า หากประชาธิปัตย์ได้เป็นตัวแทนของประชาชน เราไม่อยากให้ใครมาแทรกแซงเรื่องแบบนี้ ต้องทำให้ถูกต้องโปร่งใส แต่ทุกวันนี้ทุกคนไม่แน่ใจว่าที่โครงการรถไฟฟ้าช้า เพราะอะไร ประชาชนน้อยคนได้ผลประโยชน์น้อยลง แต่จะร่ำรวยเพิ่มขึ้น ทั้งที่ความจริงความร่ำรวยตรงนี้ต้องกระจายออกไป แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้คนที่ร่ำรวยอยู่แล้ว ร่ำรวยเพิ่มไปอีก.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"