ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติรับเศรษฐกิจปีนี้อาจโตชะลอลง จากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ เชื่อ กนง.ทบทวนคาดการณ์ มี.ค.นี้ ห่วงหนี้ครัวเรือนลามคนวัยเกษียณ คลังบี้ ธปท.พยุง ศก.ขาลง โพลชี้คนไทยโอดปากท้องแย่
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจจะเติบโตชะลอลงจากปีก่อน เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศมีเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ ธปท.ได้ประเมินไว้บ้างแล้ว โดยในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไปในเดือน มี.ค.62 จะนำปัจจัยต่างๆ มาพิจารณาทบทวนประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้อีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ กนง.จะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ
"เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่อาจชะลอลงจากปีก่อนบ้าง แต่ประเด็นสำคัญคือ มีปัจจัยเสี่ยงจากต่างประเทศมากขึ้น เป็นปัจจัยที่เราไม่ได้คาดคิด เช่น กรณีของอินเดีย-ปากีสถาน ด้วยความที่เศรษฐกิจมีการเชื่อมโยงกัน ก็อาจจะส่งผลกระทบมาสู่เราได้ เพราะฉะนั้นการบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าชะล่าใจว่าในประเทศไม่มีอะไร แต่มีสถานการณ์ภายนอกที่อาจเข้ามากระทบได้" นายวิรไทกล่าว และว่า ในการดำเนินนโยบายการเงินนั้นจะยังคงยึดหลัก Data Dependent เป็นสำคัญ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ รอบตัวมีความผันผวนอยู่ตลอด จึงจำเป็นต้องมีการประเมินสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลาอย่างใกล้ชิด
ผู้ว่าฯ ธปท.กล่าวว่า ปัญหาของเศรษฐกิจไทยขณะนี้ที่ถือว่าน่าเป็นห่วงคือปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนของประเทศที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งจากการวิจัยเก็บข้อมูลของสถาบันเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ พบว่าคนไทยเป็นหนี้เร็วมาก และมีมูลค่ามาก กระจุกตัวอยู่ในคนกลุ่มอายุ 30-35 ปีมากที่สุด สัดส่วน 68% และในจำนวนนี้ มีสัดส่วนหนี้เสียถึง 20% ซึ่งหนี้เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการลงทุน นำไปซื้อสินทรัพย์ เช่น บ้าน หรือเป็นหนี้ที่เป็นการก่อร่างสร้างตัว แต่เป็นหนี้ที่เกิดจากการอุปโภคบริโภค เช่น นำเงินไปท่องเที่ยว ซื้อข้าวของต่างๆ โดยเฉพาะภาคเกษตร เห็นได้ชัดว่าเป็นหนี้มากขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวไม่เติบโตเท่าที่ควร
"แม้จะมีการมองเศรษฐกิจไทย คนมีรายได้ดีขึ้น แต่ทำไมคนไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องนำเงินไปชำระหนี้ อย่างภาคเกษตร คนอายุ 40-50 ปี อายุสูงขึ้น แทนที่จะไม่มีหนี้ กลับมีหนี้มากขึ้น เป็นหนี้ จากการไปซื้อมอเตอร์ไซค์ ออกรถใหม่ ซื้อโทรศัพท์มือถือ กระทบการออมของประเทศ และการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ ที่ไม่ควรมีหนี้สินแล้ว" นายวิรไทระบุ
ทั้งนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนเป็นโจทย์ใหญ่ของเศรษฐกิจประเทศในขณะนี้ ซึ่งไม่สามารถแก้ด้วยวิธีมหภาคได้ ต้องแก้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของคนไทย สำหรับแนวทางแก้ปัญหา คือ 1.การออกกฎเกณฑ์ เรื่องการทำหน้าที่ของสถาบันการเเงิน การปล่อยสินเชื่อ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เพื่อไม่ให้อัตราดอกเบี้ยไม่สูงเกินไป และไม่เกิดความเป็นธรรม ที่ซ้ำเติมประชาชน 2.การเปิดระบบคลินิกแก้หนี้ เพื่อให้คนที่เป็นหนี้ออกจากวงจรหนี้ และ 3.การสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการเงิน ตรงนี้เป็นช่องโหว่ของประเทศไทยมานาน
ด้านนายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน จากอุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องในทุกหมวดการใช้จ่าย เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวได้จากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ ยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง และการใช้จ่ายภาครัฐกลับมาขยายตัวทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายการลงทุน ขณะที่การส่งออกยังหดตัวต่อเนื่องที่ 4.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ ธปท.คาดการณ์ส่งออกไทยขยายตัวที่ 3.8%
“ในขณะนี้เรายังอยู่ในระหว่างการทบทวนประมาณการเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งจะนำทุกปัจจัยประเมิน ซึ่งจะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจอีกครั้งในวันที่ 20 มี.ค.นี้ โดยที่เราประเมินเบื้องต้นคือ ด้านการส่งออกที่ประเมินว่าในไตรมาสแรกมีโอกาสที่ส่งออกจะหดตัวลงตามเทรนของตลาดโลกที่ชะลอลง แต่ปัจจุบัน ธปท.ยังประเมินส่งออกไทยขยายตัวได้ 3.8% ลดลงจากปีที่แล้วเกือบครึ่ง ซึ่งยังเป็นสถานการณ์ที่ต้องติดตาม” นายดอนระบุ
ขณะที่การนำเข้าสินค้าของไทย กลับมาขยายตัวได้ 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนดุลการชำระเงินในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาเกินดุล 2.3 พันล้านดอลลาร์ ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2,285 ล้านดอลลาร์ ดุลการค้าเกินดุล 63 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากการนำเข้าที่กลับมาขยายตัวได้เป็นสำคัญ ส่วนการท่องเที่ยวขยายตัวได้ 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 0.27% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ 0.36% ตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศที่ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จึงคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความรุนแรงที่ปากีสถานนั้น ยังเร็วไปที่จะประเมิน โดยหลังจากนี้จะต้องติดตามพัฒนาการต่างๆ ว่าจะรุนแรงและยืดเยื้อหรือไม่
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจต้นปี 2562 ขยายตัวชะลอลงเป็นเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เพราะก่อนมีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) การเลือกตั้ง ซึ่งรัฐบาลได้ออกมาตรการดูแลเศรษฐกิจจำนวนมากเพื่อช่วยกระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจ เพราะเห็นความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในไตรมาส 1 ของปี 2562 เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจไทยทรุดต่ำลงไป แต่เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมาแล้ว รัฐบาลจะไม่มีการออกมาตรการทางการคลังออกมากระตุ้นหรือพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะจะมีปัญหาว่าเป็นการหาเสียง
"หน่วยงานอื่นนอกจากกระทรวงการคลังที่สามารถเข้าไปช่วยดูแลเศรษฐกิจได้ ก็ควรเข้าไปดูแล หน่วยงานที่เป็นกลางทางการเมืองอย่างเช่น ธปท. ที่ดูแลเรื่องนโยบายการเงิน ก็ต้องเข้ามาช่วยดูแลการขยายตัวเศรษฐกิจ" รมว.การคลังกล่าว และว่า สำหรับปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศอินเดียและประเทศปากีสถาน ที่มีการยิงตอบโต้กันจนปิดน่านฟ้า กระทบกับการบินของประเทศไทยด้วย เชื่อว่ามีผลกระทบระยะสั้น 1-2 วันเท่านั้น เพราะทางสายการบินจะปรับเส้นทางการบินเพื่อให้การบินเดินทางได้ตามปกติ จึงไม่กระทบกับการท่องเที่ยวของไทย
อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นต้องออกมาตรการทางการคลังเพื่อดูแลเศรษฐกิจที่ขยายตัวชะลอลงมาก คลังอาจจะต้องออกมาตรการทางการคลังมาพยุงเศรษฐกิจ จะปล่อยให้เศรษฐกิจแย่ลงไปมากเรื่อยๆ ไม่ได้
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เผยผลสำรวจเรื่อง "ปากท้องคนไทยและเศรษฐกิจประเทศหลังการเลือกตั้ง 2562" ระหว่างวันที่ 21-23 ก.พ.2562 รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,005 หน่วยตัวอย่าง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 65.84% เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันแย่ลง ขณะที่ประชาชนอีก 27.13% ระบุว่าเศรษฐกิจไทยเหมือนเดิม และมีเพียง 7.03% ระบุว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้น
ส่วนความคิดเห็นที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ง 2562 และได้รัฐบาลใหม่แล้ว พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 63.64% เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ขณะที่ประชาชนอีก 32.27% ระบุว่าเศรษฐกิจไทยจะเหมือนเดิม และมีเพียง 4.09% ระบุว่าเศรษฐกิจไทยจะแย่ลง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |