หาเสียงเลือกตั้ง 24 วันสุดท้ายคึกคัก "พปชร." ลุยโคราช "อนุชา" ลั่น 4 ปีทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากไม่ได้เลิกการเมืองตลอดชีวิต "มาร์ค" ไปร้อยเอ็ดย้ำ ปชป.โดนลอกนโยบาย "จตุพร" ซัด "สุเทพ" ชงเลือกข้างลูกไม้เก่าหวังปลุกกระแสสู้ "เทือก" โต้กลับไม่ให้ความสำคัญคนที่เคยอยู่ฝ่ายสร้างปัญหาให้ประเทศชาติ
ช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือนก่อนจะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ วันที่ 24 มี.ค.2562 พรรคการเมืองต่างๆ เร่งลงพื้นที่หาเสียงกันอย่างคึกคักตลอดทั้งวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา
โดยที่ จ.นครราชสีมา นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนางวลัยพร รัตนเศรษฐ และนายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่ช่วยนายเกษม ศุภรานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 หาเสียงกับพี่น้องประชาชน รวมทั้งกราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เพื่อความเป็นสิริมงคล
นายสุวิทย์กล่าวว่า วันนี้มาโคราชมีโอกาสมากราบสักการะท้าวสุรนารีหรือคุณย่าโมอีกครั้ง และทุกครั้งที่เข้าพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็จะมากราบขอกำลังใจให้ทำงานได้สำเร็จ เพราะ จ.นครราชสีมา เป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน พรรคจึงมีความตั้งใจอยากให้ประชาชนคนโคราชเลือกผู้สมัครของพรรคทั้ง 14 เขตเป็นตัวแทนเข้าไปสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาให้โคราชบ้านเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคให้ดีกว่านี้ ยิ่งใหญ่กว่านี้
"ลุงตู่เป็นคนโคราช เติบโตจนมาเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่ลุงตู่ทำให้โคราชมากมาย เช่น สร้างระบบเครือข่ายคมนาคมโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง กทม.-โคราช-หนองคาย รถไฟทางคู่มี 3 เส้นทาง คือ จากสระบุรี-โคราช, โคราช-ขอนแก่น, โคราช-อุบลราชธานี มีมอเตอร์เวย์ชลบุรี-แก่งคอย-โคราช และที่สำคัญจะมีท่าเรือบก ซึ่งเป็นระบบเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค รวมทั้งเป็นศูนย์ซ่อมและบำรุงรักษารถไฟที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย" นายสุวิทย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้นายสุวิทย์ได้ชักมีดดาบอีกครั้งโดยให้หันคมดาบไปด้านหน้า เพื่อหมายจะต่อสู้เอาชนะฝ่ายตรงข้าม หลังจากครั้งที่ผ่านมาหันคมดาบผิดด้านเข้าหาตัวเอง จนเกิดกระแสวิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง
ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน พรรค พปชร. พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง, นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำภาคอีสาน และนายภิรมย์ พลวิเศษ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลงพื้นที่ช่วยนายประพิศ นวมโคกสูง ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา หาเสียง ที่ตลาดแม่สมบูรณ์ ต.จอหอ อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา โดยได้รับเสียงตอบรับจากประชาชน พ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างดี มีการมอบดอกไม้ให้กำลังใจและขอถ่ายรูปอย่างคึกคัก
พปชร.ขายฝันเกษตรกร
นายสุริยะกล่าวว่า พรรค พปชร.มีนโยบายพักหนี้กองทุนหมู่บ้านเป็นระยะเวลา 3 ปี และระหว่างนี้ก็ตั้งกองทุนใหม่ คือกองทุนประชารัฐ ให้พี่น้องประชาชนไปกู้เงินมาจับจ่ายใช้สอยดูแลลูกหลาน และทำมาค้าขาย ซึ่งหากพรรคได้มีโอกาสเข้าไปบริหารประเทศก็จะมีทีมเศรษฐกิจ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเข้าไปทำงาน สร้างรายได้ให้กับประเทศ เมื่อประเทศมีรายได้หนี้ที่พักไว้ก็จะยกเลิก นี่คือสิ่งที่พรรคตั้งใจทำ
ด้านนายอนุชากล่าวว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์พยายามสร้างความเจริญ ความมั่นคงและมั่งคั่งของประเทศ ดูแลคนยากจน รวมไปถึงเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา อย่างกรณีเรื่องข้าว พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายช่วยเรื่องค่าเก็บเกี่ยว ไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ และหลังจากนี้จะมีทีเด็ดในเรื่องของข้าวออกอีก จึงขอให้ชาวนาอดใจรอ
"หาก 4 ปี ยังทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากไม่ได้ จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต เพราะมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐทำได้อย่างแน่นอน จึงขอเอาชีวิตการเมืองของผมเป็นเดิมพัน ว่าจะต้องสร้างชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกร รวมไปถึงของคนไทย ที่ทำมาค้าขายให้มีเงินมีทองมาใช้หนี้ เพราะการเป็นหนี้มันเหนื่อย ดังนั้นหากอยากใช้หนี้ให้หมดไป ต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ" นายอนุชากล่าว
นายวิรัตน์เชื่อมั่นว่าจะกวาด ส.ส.โคราช ได้เกิน 10 ที่นั่ง เพราะสงครามครั้งนี้แพ้ไม่ได้ หากแพ้ตนจะไม่อยู่โคราชและประเทศไทยแล้ว
พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายอิสสระ สมชัย รองหัวหน้าพรรค พร้อมแกนนำภาคอีสาน ลงพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ดเขตต่างๆ หาเสียง โดยนายอภิสิทธิ์ขึ้นรถแห่รอบเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดไปยังศูนย์ประชุมสาเกตฮอลล์ เพื่อปราศรัยกับพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ด และรณรงค์เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.2562
นายอภิสิทธิ์ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขณะนี้มีการแข่งขันนโยบายของทุกพรรคการเมือง ดังนั้นประชาชนต้องแยกแยะให้ดีว่าพรรคไหนเป็นของจริง พรรคไหนเป็นของลอกเลียน หลายนโยบายประชาธิปัตย์เป็นผู้เริ่มต้นและเปิดตัวมาก่อน แต่มีหลายพรรคออกมาพูดทีหลังเหมือนประชาธิปัตย์พร้อมทั้งเกทับอีกด้วย จึงอยากจะบอกว่านโยบายจะทำได้จริงหรือไม่ ต้องดูที่มาของนโยบายนั้นให้ดี ไม่ใช่พอจะมีเลือกตั้งค่อยมานั่งคิดสนุกๆ เพื่อหวังคะแนนเสียงเท่านั้น
"นโยบายของประชาธิปัตย์มาจากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและการทำงานมาตลอด 5 ปี แม้ไม่มีสภา ตนก็กำชับลูกพรรคทุกคนไม่ให้หยุดทำงาน ต้องลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด”หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว
พรรคเพื่อชาติ (พ.ช.) นายอารี ไกรนรา รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรค และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรค ได้ลงพื้นที่ดินแดง ช่วย น.ส.สาวิตรี สาทสุทธิ ผู้สมัครส.ส.เขต 5 หาเสียงที่ตลาดดินแดง จากนั้นไปต่อที่ตลาดห้วยขวาง
นายจตุพรกล่าวถึงกรณีกองทัพแถลงขอพรรคการเมืองอย่าใช้นโยบายเลิกการเกณฑ์ทหารในการหาเสียงว่า เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับอดีต ผบ.ทบ., ผบ.สส. ในประเด็นเกี่ยวกับการสร้างทหารอาสา หมายความว่าเราจะได้บุคคลที่มีความเต็มใจที่จะเป็นทหารรับใช้ชาติ และใช้หลักคิดว่าทุกอาชีพต่างก็รับใช้ชาติได้ มิใช่ว่าจะต้องไปเป็นทหารแค่อย่างเดียว ในวัย 21 ปีตนเองก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องไปเกณฑ์ทหาร เห็นว่าในวันนี้ประเทศไทยเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกณฑ์ทหาร เพราะในบางพื้นที่มีคนสมัครมากกว่าจำนวนที่เกณฑ์ และที่สำคัญก็คือว่าขณะนี้เรามิได้มีศึกสงคราม
ซัดสุเทพปลุกเลือกข้าง
"การจะเป็นนักรบต้องมีความเต็มใจและมีความหมายมุ่ง การจะจับคนที่มีความถนัดอีกสาขาหนึ่งไปเป็นทหาร มันไม่สอดคล้องกัน เพราะชาติจะต้องประกอบด้วยประชาชนทุกฝ่าย ทหารต้องทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ เวลานี้เมื่อทหารมาบริหารชาติเห็นหรือไม่ เศรษฐกิจก็ทรุด ทหารถ้าไปอยู่ตามแนวชายแดนเป็นรั้วก็จะทำหน้าที่เป็นอย่างดี เพราะตรงกับอาชีพ แต่ทันทีที่ย้ายรั้วมาไว้ที่ห้องรับแขก เศรษฐกิจพังพินาศหมด เพราะการทำงานที่ผิดหน้าที่ ซึ่งเป็นการชัดเจนแล้วว่า 5 ปีนี้ งานที่ทหารไม่ถนัดก็คือการบริหารประเทศ ทหารฝึกเอาไว้รบ ไม่ใช่มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และตนยังเชื่อว่าหากมีการบริหารจัดการ จัดระบบ จำนวนทหารอาสาที่กองทัพมีความต้องการก็จะเพียงพอกับปริมาณ จะไม่ตกหล่น ไม่จำเป็นต้องเกณฑ์ทหารอีกต่อไป" นายจตุพรกล่าว
ถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ระบุการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกข้างประเทศไทยหรือระบอบทักษิณว่า นายสุเทพก็รู้ว่าหากให้ประชาชนเลือกข้างระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ระหว่างเอา พล.อ.ประยุทธ์ กับไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ฝ่ายไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์จะชนะ จึงเป็นการใช้ลูกไม้ตื้นๆ ว่าจะเลือกข้างประเทศไทยหรือเลือกข้างระบอบทักษิณ นายสุเทพรู้แล้วว่าการหาเสียงเหมือนเดิมไม่สัมฤทธิผล ท้ายสุดใช้วิธีการแยกข้างในการหาเสียง
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ลงพื้นที่หาเสียงเป็นครั้งแรกในพื้นที่ กทม. ย่านสยามสแควร์ โดยมีประชาชนที่เคยชุมนุมร่วมกับกลุ่ม กปปส.เข้ามาทักทาย จากนั้นขึ้นรถไฟฟ้าต่อไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยให้สัมภาษณ์กรณีนายจตุพรออกมาวิจารณ์การปราศรัยของตนเหมือนเวที กปปส. ว่า "พูดแล้วอย่าโกรธกัน ผมไม่ให้ความสำคัญกับนายจตุพร นายจตุพรไม่ใช่คนที่เราจะต้องให้ความสำคัญ แม้จะท้าดีเบต ผมก็ไม่ให้คะแนนนายจตุพร เพราะนายจตุพรเคยอยู่ในฝ่ายที่สร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ"
นายสุเทพกล่าวว่า จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้รับการตอบรับดีมาก ซึ่งจุดยืนที่แน่นอนของ รปช.คือไม่ร่วมกับระบอบทักษิณ ไม่ว่าพรรคนั้นจะชื่ออะไรก็ตาม เพราะเขาแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย เป็นหลายชื่อ แต่บริษัทเดียวกัน เราไม่เอาด้วยแน่นอน
พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียงตั้งแต่ช่วงเช้า โดยแวะสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร และไหว้พระพุทธรูปประจำจังหวัด ซึ่งมีขบวนรถตุ๊กๆ จำนวน 10 คันมารอต้อนรับ
น.ส.กัญจนากล่าวว่า ทางพรรค ชทพ.เล็งเห็นปัญหาหลักๆ ใน จ.สมุทรสาคร 2 ประเด็น คือปัญหาด้านการประมงและปัญหาการคมนาคม ซึ่งเราจะมีการทบทวนกฎหมายที่กระทบกับชาวประมง แต่ก็ต้องสอดคล้องกับกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีปัญหาแรงงานต่างด้าวต้องอยู่ในการประมงเท่านั้น ไม่ไปทำอาชีพอื่น ถ้าพรรคได้มีโอกาสเข้ามาดูแลจะเร่งแก้ไขปัญหาชาวประมงทันที
พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และทีมงาน ลงพื้นที่ จ.ชลบุรี ช่วยนายภูวนาถ กาศสกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 หาเสียงย่านตลาดเก่าพนัสนิคม ต่อด้วยตลาดทุ่งเหียง อ. พนัสนิคม ซึ่งตลอดทางเดินมีพ่อค้าแม่ขาย ประชาชนที่กำลังจ่ายตลาดเข้ามาพูดทักทาย มอบการ์ดให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ส่วนใหญ่ร่วมสะท้อนปัญหาด้านเศรษฐกิจให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้ฟังด้วย จากนั้นนายธนาธรพร้อมด้วย นายสมชาย เนื่องจำนงค์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 ขึ้นขบวนรถแห่รอบตลาดบ้านบึง อ.บ้านบึง
นายธนาธรกล่าวถึงคดีความ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ว่าไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่ตอนนี้อยากมุ่งหน้าลงพื้นที่ต่อไป ซึ่งจะเน้นลงพื้นที่ในต่างจังหวัดให้ได้มากที่สุด
พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรค ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงที่ย่านตลาดไท จ.ปทุมธานี โดยได้ลากเครื่องขยายเสียงทักทายกับพี่น้องประชาชน
นายสุวัจน์กล่าวถึงกรณีหลายผลโพลสำรวจพบประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีในดวงใจว่า ก็ต้องหาเสียงเยี่ยมเยียนประชาชน หยิบยกนโยบายทำให้ประชาชนเห็นว่าทำไมต้องเลือกพรรคชาติพัฒนา ซึ่งมีจุดแข็งอยู่ 2 เรื่องใหญ่ คือ การไม่มีปัญหากับใคร ไม่ขัดแย้งทางการเมือง และนโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่ต้องยั่งยืน มั่นคง ดูแลเศรษฐกิจรากหญ้า ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ตัวเลือกแคนดิเดตนายกฯ เยอะ พรรคการเมืองก็เยอะ ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของประชาชน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |