"วิษณุ" แย้มแนวทางสรรหา 250 ส.ว. คัดจาก "สนช.-สปช.-สปท.-ภาคส่วนอื่น" นับพันเหลือ 400 คน ก่อนส่ง คสช.เคาะเหลือ 194 คน พร้อมสำรองอีก 50 คน เผย "บิ๊กป้อม" เตรียมนัดประชุมคณะกรรมการฯ 1-2 วันนี้ "พรรคการเมือง" ประสานเสียงไม่แปลกใจ "จตุพร" ชี้ "ประวิตร" ผู้จัดการประเทศตัวจริง ดักคอ ส.ว.ใหม่ต้องเห็นแก่ประโยชน์ประชาชนมากกว่าพวกพ้อง
    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 27 ก.พ. เวลา 13.00 น.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ว่าคณะกรรมการสรรหา ส.ว. มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการคณะกรรมการฯ ไม่น้อยกว่า 9 คน และไม่เกิน 12 คน แต่ไม่ทราบว่าคณะกรรมการฯ มีใครบ้าง เพราะเป็นการแจ้งมาทางโทรศัพท์เป็นรายคน 
    "จะมีการเชิญประชุมคณะกรรมการฯ ชุดนี้ใน 1-2 วันนี้ และคณะกรรมการฯ ก็จะคัดบุคคลต่างๆ ให้เหลือ 400 คน จากนั้นจะส่งรายชื่อให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คัดให้เหลือ 194 คน โดยจะมีสำรองไว้อีก 50 คน คณะกรรมการฯ ต้องคัดให้เสร็จ 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง และยังสามารถให้คำปรึกษา คสช.ได้" นายวิษณุกล่าว
    รองนายกฯ กล่าวว่า แนวทางการสรรหาคงไม่ยากลำบาก จะเอาจากคนที่เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.), สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคส่วนต่างๆ สภาหอการแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นำมาประกอบกัน ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่รวบรวมแล้ว แต่คงมีหลายพันหลายรายชื่อ คณะกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่ทำให้เหลือ 400 คน
    ถามว่า จะต้องมีการทาบทามบุคคลที่จะมาเป็น ส.ว.ก่อนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าถามอาจจะไม่ทัน แต่เมื่อคัดลงมาจนเหลือ 400 คนแล้วจะต้องมีการถามเจ้าตัวเพื่อให้ได้รับการยินยอม เพราะการเป็น ส.ว.นั้นมีทั้งคุณและโทษ เนื่องจากจะต้องมีการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ห้ามดำรงตำแหน่งบางตำแหน่ง ห้ามถือหุ้น จากนั้น คสช.คัดเหลือ 194 คน จะต้องมีการกรอกประวัติ
    ซักว่าในรัฐธรรมนูญกำหนดให้คณะกรรมการสรรหา ส.ว.จะต้องเป็นกลางทางการเมือง จะรู้ได้อย่างไรว่าคณะกรรมการฯ จะเป็นกลางจริงหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้
    ถามอีกว่า ขั้นตอนการให้ คสช.เลือกเหลือ 194 คน แต่ใน คสช.มีผู้บัญชาการเหล่าทัพที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่งอยู่ จะถูกมองว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย และเลือกพรรคพวกตัวเองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่เห็นว่ามีปัญหา จะมีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไรเมื่อเขาเป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง และการจะบอกว่าเลือกพวกตัวเองนั้น ใครมาเป็นก็โดนครหาว่าเลือกพวกตัวเองได้ทั้งนั้น
    ต่อมาเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.กลาโหม), พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (รมว.แรงงาน) และรองหัวหน้า คสช. ซึ่งมีรายงานข่าวจะมีชื่อเป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว.เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยคาดว่าอาจเป็นการหารือเตรียมความพร้อมในการประชุมคณะกรรมการสรรหา ส.ว.เพื่อวางกรอบ และแนวทางการทำงานในการคัดเลือก ส.ว.ชุดแรก 50 คน ใช้เวลาหารือกันเกือบ 1 ชั่วโมง
    พล.อ.ประวิตรปฏิเสธหลังการเสร็จสิ้นการหารือว่า ไม่ใช่การเรียกเข้ามาประชุมอะไรทั้งสิ้น
    ถามว่าจะเริ่มประชุมคณะกรรมการสรรหา ส.ว.นัดแรกเมื่อไหร่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็จะเรียกประชุม 
    ซักว่า นายวิษณุระบุว่าจะประชุมได้ภายใน 1-2 วันนี้ พล.อ.ประวิตรย้อนว่า ไม่รู้ นายวิษณุเป็นกรรมการด้วยหรือ เป็นหรือเปล่าไม่รู้ ส่วนรายชื่อของคณะกรรมการฯ จะเปิดเผยได้เมื่อใดนั้นเดี๋ยวก็รู้
    พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ได้มีการประชุมร่วมกับนายวิษณุจริง ส่วนรายละเอียดต้องสอบถามจากนายวิษณุเองจะดีกว่า
    ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตรเป็นประธานในการสรรหา ส.ว. ว่าอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. พูดอย่างที่พวกเราพูดว่า เมื่อ ส.ว.เข้ามาแล้ว ตามรัฐธรรมนูญคือตัวแทนปวงชนชาวไทย ทำอย่างไรถึงจะเคารพเจตนารมณ์ของปวงชนชาวไทยที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง แต่การสรรหา ส.ว.อย่างไรก็เป็นอำนาจของ คสช.อยู่แล้ว แยกกันไม่ออก เพราะรัฐธรรมนูญเขียนมาอย่างนั้น ก็ต้องปฏิบัติกันไป
    "สิ่งสำคัญกว่าคือคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาแล้วทำหน้าที่เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจริงแค่ไหน" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวว่า ส.ว.ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะคิด แต่ว่าเขาไม่ใช้สิทธิ์นั้น อาจจะมีบางคนที่เห็นต่างในการโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่เชื่อว่าเป็นส่วนน้อย เพื่อเป็นกระบวนการสร้างภาพเท่านั้น
    นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวเช่นกันว่า ไม่แปลกใจที่ พล.อ.ประวิตรมาเป็นประธานสรรหา ส.ว. เพราะการจะให้พล.อ.ประยุทธ์นั่งเป็นประธานหรือ พล.อ.ประวิตรเป็นประธาน ก็อยู่ในคณะของ คสช.เหมือนกัน 
    "ผมไม่ได้กังวลอะไร เพราะหากมี ส.ว.ใหม่ก็พร้อมตรวจสอบบนข้อเท็จจริงและพื้นฐานของข้อกฎหมาย แต่ส่วนตัวมองว่ากระบวนการสรรหา ส.ว.นั้น ควรที่จะเปิดเผยรายชื่อของคณะกรรมการฯ ให้ทุกคนได้รับทราบด้วย เพราะเป็นเรื่องที่ควรเปิดเผยอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่หวังอะไร เพราะทุกวันนี้เราหวังความโปร่งใสยาก หรือหวังอะไรยาก จนกว่าที่เราจะมีสภาที่มาจากประชาชน" นายเรืองไกรกล่าว
    ส่วน ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ(พ.พ.ช.) กล่าวว่า ไม่ว่า พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ประยุทธ์จะปฏิเสธอย่างไร ก็หนีข้อครหาเรื่องความพยายามสืบทอดอำนาจไม่พ้น แม้ว่าตัว พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ใช่ประธานสรรหา ส.ว.โดยตรง อาจจะเพื่อเลี่ยงข้อครหา แต่การมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตรความรู้สึกของประชาชนก็ไม่ต่างกัน 
    "ส.ว.ชุดนี้ก็มาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจในรัฐบาลทหารและ คสช. ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ถึงความเกี่ยวโยงกัน ระหว่าง ส.ว. 250 คน และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นหนึ่งในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกระบวนการเลือกตั้งครั้งนี้ แล้วประชาชนจะเชื่อได้อย่างไรว่า ส.ว.จะทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน มิใช่เพื่อประโยชน์ของผู้มีอำนาจที่แต่งตั้งพวกเขามา" รองโฆษกพรรค พ.พ.ช.กล่าว
      นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวเช่นกันว่า เรื่องนี้ไม่สลับซับซ้อนอะไร ความจริงถ้า พล.อ.ประยุทธ์ฉลาดกว่านี้ เพียงแค่ลาออกจากหัวหน้า คสช.ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และให้พล.อ.ประวิตรเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งนายกฯ ภาพจะดูดีกว่ามาก 
    "เราต้องรู้ความจริงว่าคนที่จัดการประเทศตัวจริงของ คสช.ที่มีศักยภาพสูงสุด ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็น พล.อ.ประวิตรในทุกๆ เรื่อง เพราะฉะนั้นการตั้ง พล.อ.ประวิตร ก็เป็นการอธิบายความกันว่า ในการคัดเลือกวุฒิสภาก็ต้องใช้มือระดับ พล.อ.ประวิตร" นายจตุพรกล่าว  
      ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติกล่าวว่า ความจริงทางการเมืองในการคัดเลือก สนช., สปช., สปท., กรธ.ทั้งหลาย ก็ต้องใช้มือระดับ พล.อ.ประวิตร เพราะพล.อ.ประวิตรนั้นในยุทธภพถือว่าเป็นคนที่กว้างขวาง  3 ป. ล้วนมีบุคลิกที่แตกต่าง พล.อ.ประวิตรมีเพื่อนพ้องน้องพี่เยอะ มีลักษณะพิเศษ เพราะฉะนั้นใช้บุคลิกภาพแบบ พล.อ.ประวิตรเป็นประธานสรรหา ส่วนอีกด้านถ้า พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานสรรหาเอง ก็จะถูกกล่าวหาว่าเลือกแต่งตั้งคนที่จะมาเลือกตัวเอง 
    "แม้ว่าให้ พล.อ.ประวิตรเป็นประธานสรรหาก็ตาม แต่ว่าโดยอำนาจที่แท้จริงแล้ว ท้ายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องลงนามแต่งตั้งอยู่ดี และ 250 ส.ว.นั้นจะเป็นเสียงเอกฉันท์ที่จะยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์จะหาเสียง 126 เสียงจากพรรคพลังประชารัฐได้หรือไม่" ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติผู้นี้ระบุ.