อัยการเลื่อนฟ้องธนาธร


เพิ่มเพื่อน    


    “บิ๊กตู่” ลุยระยอง ย้ำไม่จำเป็นต้องดีเบต โชว์วิสัยทัศน์มา 5 ปีแล้วไม่พออีกหรือ ไล่ไปเปิดดูในเว็บไซต์รัฐบาล ด้นกลอนสดโชว์นักเรียนก่อนโดดแจมกลางวงสู้กระแส "ฟ้ารักพ่อ" ฮือฮา! "กบ ทรงสิทธิ์-นก สินจัย" โผล่ต้อนรับร่วมร้องเพลงปาฏิหาริย์ พปชร.ฟุ้ง "ลุงตู่" ทำมากกว่าพูด แพลมจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์เร็วๆ นี้ "มาร์ค” เสียดาย ปชช.เห็นวิสัยทัศน์ผู้นำ "เรืองไกร" ยื่น กกต.ให้ส่งศาล รธน.วินิจฉัยหัวหน้า คสช.เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ขัด รธน. "ธนาธร" โล่งอก! อัยการตั้งคณะทำงานคดีผิด พ.ร.บ.คอมพ์นัดฟังความคืบหน้า 26 มี.ค.
    เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ, นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รักษาราชการแทน รมว.วิทยาศาสตร์ฯ, นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม, นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เดินทางมายังสถาบันวิทยสิริเมธีและโรงเรียนกำเนิดวิทย์ พื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง เพื่อตรวจราชการด้านการศึกษา 
    โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้เยี่ยมชมทัศนียภาพพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์เพื่อเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่หอชมวิว ตำบลป่ายุบใน ก่อนเดินทางมาที่อาคารเรียนรวมวิทยสิริเมธี เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการดำเนินงาน โดยมีนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), ศ.ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล อธิการบดีสถาบันวิทยสิริเมธี, ดร.ราเชนทร์ โกศัลวิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนกำเนิดวิทย์, นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าฯระยอง ให้การต้อนรับ
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าของโรงเรียนกำเนิดวิทย์ โดยครั้งแรกเดินทางมาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2558 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้บริหารและนักศึกษาว่า พวกเราทุกคนถือเป็นหัวกะทิ แต่กว่าจะได้หัวกะทินั้นจะต้องมีต้นมะพร้าวที่ดีมีคุณภาพ แต่ปัญหาของต้นมะพร้าวคือมีด้วงมาชอนไชจนตายจำนวนมาก เราต้องเสียเวลาและเสียเงินในการกำจัดด้วงมะพร้าว เช่นเดียวกับรัฐบาล วันนี้โดนเจาะทุกวัน ทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและประชาธิปไตย จึงต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ เพราะถือเป็นเรื่องธรรมดาที่โลกก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสังคมหรือโซเชียลฯ ต่างเปลี่ยนแปลงไป เพราะโลกไร้พรมแดน หลายอย่างต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี 
    “การพูดในวันนี้ของผม ผมคิดว่าดีกว่าและเป็นประโยชน์กว่าที่จะไปดีเบต ผมแสดงวิสัยทัศน์ในการทำงานมา 5 ปี ยังไม่พออีกหรือ วิสัยทัศน์ของผมคือ ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทั้ง 3 อย่างนี้ทำให้เกิดหลายร้อยกิจกรรมขึ้นมา เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย หากสนใจสามารถเปิดดูได้ในเว็บไซต์ของรัฐบาล ทั้งในส่วนของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท ที่โครงการต่างๆ ทำอย่างสอดคล้องกับงบประมาณรายรับรายจ่ายของประเทศ ทุกคนต้องเข้าใจว่ายุทธศาสตร์ชาติคือกรอบการทำงานของรัฐบาล รวมทั้งส่วนราชการต่างๆ แต่อนาคตยังสามารถปรับเปลี่ยนได้เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปรับเปลี่ยน การเขียนยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่การล็อกสเปก รัฐบาลทำเช่นนั้นไม่ได้ เราเปิดกว้างในทุกเรื่อง" 
    นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วิสัยทัศน์ของรัฐบาลนี้คือต้องการสร้างให้ทุกครอบครัวมีความอบอุ่น มีรายได้จากการประกอบอาชีพ โดยไม่ต้องเข้าสู่เมืองใหญ่ ตนจะไม่แก้ไขปัญหาที่ปลายทางเพียงอย่างเดียว ซึ่งการจะทำทุกอย่างต้องมีก้าวแรกเสมอ สิ่งที่พูดในวันนี้เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ให้ทุกคนเห็นว่าตนใช้ได้อยู่หรือไม่
    “คนจะรัก คนจะชอบ คนจะชัง ถือเป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งผมมีอารมณ์เสียบ้าง ก็ต้องขอโทษ เราต้องให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยไม่มุ่งเน้นการให้เงินเพียงอย่างเดียว เพราะเงินไม่ใช่การตอบสนองทุกอย่าง จึงต้องหาวิธีการที่เหมาะสม วันนี้เรามีวาทกรรมว่าจะต้องทำให้คนรวยขึ้น แต่วันนี้เราต้องเลือกผู้นำที่ดี แต่ขอให้รู้ว่ากว่าจะได้ผู้นำที่ดีอย่างไอน์สไตน์ เจ้าตัวก็เกือบตาย ขอทุกคนอย่าลืมประวัติศาสตร์และความมั่นคงของประเทศชาติ เพราะเหล่านี้ทำให้เราเป็นประเทศไทยในวันนี้ เราคิดใหม่ทำใหม่ได้ แต่ต้องไม่ลืมอดีต” 
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่อยากจะฝากไว้ คือทำอย่างไรให้คนในชาติเกิดความรัก ความสามัคคีให้ได้ วันนี้มีการพูดหลายอย่าง ตนไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เพราะเลยเวลานั้นมาแล้ว จะทำอะไร อนาคตจะทำอะไร แล้วใครจะมาทำต่อก็ว่ากันไป ไม่ได้ว่าอะไร วันนี้เรื่องความมั่นคง ขอให้ลืมบทบาทความเป็นทหารของตนไปก่อน ทหารเรียกได้ 24 ชั่วโมง เป็นการลงทุนที่ไม่มีมูลค่า ไม่ควรพูดคำว่ากำไรหรือขาดทุน เพราะจะทำให้ความมั่นคงอันตราย 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯ กล่าวกับผู้ร่วมงานนั้น กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และนก สินจัย เปล่งพานิช ได้เดินเข้ามาภายในงาน เมื่อนายกฯ เห็นจึงหยุดพูด พร้อมกล่าวว่า “กบ ทรงสิทธิ์ ร้องเพลงซักเพลงไหม ปาฏิหาริย์” ภายหลังนายกฯ กล่าวกับผู้ร่วมงานเสร็จสิ้นได้เดินลงจากเวที พร้อมกับทักทายผู้ที่มาร่วมงาน โดยเมื่อเดินผ่านกบ ทรงสิทธิ์ ก็ได้ร้องเพลงดังกล่าว ขณะที่นายกฯ ได้ร่วมร้องท่อนหนึ่งว่า “ปาฏิหาริย์ ไม่มีจริง” พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ชอบฟังเพลงกันไหม ตนชอบเพลงรางวัลแด่คนช่างฝัน ของจรัล มโนเพ็ชร เคยฟังกันหรือเปล่า จากนั้นนายกฯ ได้ร่วมถ่ายภาพกับผู้บริหาร ครู และเซลฟีร่วมกับนักศึกษาอย่างอารมณ์ดี 
    ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่โรงเรียนกำเนิดวิทย์ พล.อ.ประยุทธ์ได้มาร่วมถ่ายภาพกับคณาจารย์และนักเรียน โดยมีกบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และนก สินจัย เปล่งพานิช มาร่วมถ่ายภาพด้วย 
    ทั้งนี้ ตัวแทนนักเรียนได้มอบภาพถ่ายนายกฯ เมื่อครั้งที่นายกฯ มาเยี่ยมที่โรงเรียนก่อนหน้านี้ โดยบอกว่ารู้สึกยินดีที่นายกฯ มาเยี่ยมโรงเรียนกำเนิดวิทย์  ตัวแทนนักเรียนยังได้แต่งกลอนให้กับนายกฯ ด้วย  ขณะที่นายกฯ ได้ด้นกลอนสดตอบกลับทันทีว่า “ยินดีที่มาเยือนกันอีกครั้ง รวมพลังกันสร้างชาติให้เข้มแข็ง พลังความร่วมมือและร่วมแรง ความเข้มแข็งประเทศไทย ไม่อับจน” 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายกฯ ด้นกลอนสดเสร็จ จังหวะหนึ่งได้มีเจ้าหน้าที่แนะนำให้ทีมงานไปบอก พล.อ.ประยุทธ์ ให้ขึ้นไปนั่งท่ามกลางเด็กนักเรียนซึ่งนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ เพื่อสร้างความเป็นกันเอง เชื่อว่าภาพที่ออกมาจะได้ใจคนรุ่นใหม่ สู้กับภาพที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่หาเสียงกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรี่เดินขึ้นไปนั่งตรงกลางกลุ่มนักเรียน และขอให้กบ ทรงสิทธิ์ ร้องเพลง ซึ่งกบได้ร้องเพลงขีดเส้นใต้ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมปรบมือและร้องเพลง รวมทั้งโยกตัวทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยูให้นักเรียน เรียกเสียงเฮกึกก้อง 
    ทันทีที่เพลงจบ พล.อ.ประยุทธ์ได้ขอให้กบ ทรงสิทธิ์ ร้องเพลงปาฏิหาริย์อีกหนึ่งเพลง โดยกล่าวว่า "ช่วยร้องเพลงปาฏิหาริย์หน่อย เขาจะได้รู้ว่าปาฏิหาริย์มีจริงหรือไม่" ซึ่งกบตอบว่า แต่ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงนะครับ พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง ต้องทำเองด้วยมือของเรา และทันทีที่เพลงจบ พล.อ.ประยุทธ์ให้เด็กชูมือขึ้นทั้งสองข้าง พร้อมกับบอกว่า มือขวาคือความแข็งแรง มือซ้ายคือคนไทยที่ยากจนและไม่เท่าเทียม ฉะนั้นมือขวาต้องมาจับมือซ้าย เพื่อที่จะร่วมมือไปด้วยกัน 
    ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯ ว่า เลือกตั้งครั้งนี้จะมีปาฏิหาริย์หรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์โบกมือพร้อมกล่าวเพียงว่า “โนคอมเมนต์ ไม่มีการเมือง” 
    จากนั้นเวลา 12.00 น. ที่หอประชุมธงชัย ชิวปรีชา โรงเรียนกำเนิดวิทย์ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือภาคีทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาโครงการพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาและการศึกษาทุกช่วงวัย จ.ระยอง 
ฟุ้ง"บิ๊กตู่"ทำมากกว่าพูด
    ด้านนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร.ปฏิเสธร่วมเวทีดีเบตว่า การจัดดีเบตจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนอยู่แล้ว พรรคจะมีการหารืออีกครั้งว่าจะร่วมดีเบตในรูปแบบไหน ซึ่งต้องเป็นประโยชน์ประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่จัดเพื่อวาทกรรมทางการเมือง ในส่วนของพรรค จะต้องดูขอบเขตของกฎหมายว่าเรื่องอะไรที่ทำได้-ทำไม่ได้ จากนี้จะมีการพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมจะรอการพิจารณาของ กกต.ว่าผลจะเป็นอย่างไรประกอบกัน  
    "ยืนยันว่าการไม่ร่วมดีเบตของนายกฯ จะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของพรรค และไม่เชื่อว่าจะเสียประโยชน์ เพราะประชาชนได้พบปะนายกฯ แล้ว ทั้งนี้หากพรรคจัดเวทีที่มีความเหมาะสม ให้พี่น้องประชาชนได้มีโอกาสพบปะกับ พล.อ.ประยุทธ์ คิดว่าไม่มีผลอะไร และกลับเป็นผลดีด้วยซ้ำ" นายอุตตม กล่าว  
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร.กล่าวว่า เห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะทุกวันนี้เวทีดีเบตต่างๆ มีแต่การใช้วาทกรรมการตอบโต้ไปมาของพรรคการเมืองต่างๆ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร แทนที่จะเอาเวลานำเสนอนโยบาย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้กลัว ท่านมีความพร้อมในการดีเบตอยู่แล้ว และเชื่อว่าประชาชนก็ทราบดีว่า พล.อ.ประยุทธ์มีฝีปากไม่เป็นสองรองใคร เพียงแต่ท่านถนัดทำมากกว่าพูด พล.อ.ประยุทธ์เอาเวลาไปทำงานให้กับประชาชนดีกว่า อีกทั้งระเบียบกฎหมายต่างๆ ก็สุ่มเสี่ยง 
    "แค่ พล.อ.ประยุทธ์รับเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ก็ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคมีกำลังใจแล้ว เชื่อว่าประชาชนก็เทใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อที่จะได้ทำงานบริหารประเทศต่อไป เร็วๆ นี้พรรคจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้กระแสของพรรคพีกสุดขีด และได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ขอให้อดใจรอ" นายธนกรกล่าว
     นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เป็นสิทธิของ พล.อ.ประยุทธ์ จะมาร่วมดีเบตหรือไม่ แต่เสียดายโอกาสที่ประชาชนจะได้เปรียบเทียบ และไม่อยากให้สร้างค่านิยมที่ผิด เพราะการมาประชันวิสัยทัศน์เพื่อประโยชน์ให้ประชาชนได้เห็นแง่มุมในการอาสาตัวเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งการดีเบตไม่มีการมาแข่งประดิดประดอยคำ เพราะมีหลายเรื่องที่อยากแลกเปลี่ยน ทั้งเรื่องนโยบายและจุดยืนทางการเมือง เรื่องเหล่านี้จะมีผลต่อการบริหารประเทศในอนาคต ซึ่งประชาชนมีสิทธิที่จะรับรู้รับทราบ และไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะเราก็เจอแบบนี้มาแล้ว
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นการ "อคติวิถีทางประชาธิปไตย" เพราะตนก็ไปร่วมดีเบตหลายครั้ง ทั้งในสถาบันการศึกษา สถาบันวิชาชีพ รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ที่เชิญมา เห็นมีแต่แข่งกันนำเสนอนโยบายของแต่ละพรรค เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจของประชาชนในวันเลือกตั้ง ส่วนท่านจะไป-ไม่ไปเป็นสิทธิ์ของท่าน แต่อย่าไปกระทบคนอื่นที่เขากำลังทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ตามวิถีทางประชาธิปไตย ถ้าไม่ไปก็ไม่ต้องไปว่าคนที่เขาไปจะทำให้ดูดีและสร้างสรรค์กว่า
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า การดีเบตกัน เพื่อที่จะให้ประชาชนเลือกผู้ที่เสนอตัวมารับใช้ประชาชนได้ถูกต้อง แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ กลับหลีกเลี่ยง และยังไม่ทำตัวให้เป็นไปตามกรอบของระบอบประชาธิปไตย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ควรบอกความจริงว่ากลัวถูกพรรคการเมืองยำจนเละ และไม่มาเพราะกลัวตน ไม่ต้องมาประดิษฐ์คำ ที่ไม่มาดีเบตต้องเรียกว่าหนีนั่นแหละ อย่ามาบอกว่าไม่จำเป็นจะต้องขึ้นเวทีประชันนโยบาย
หัวหน้าคสช.เป็นจนท.รัฐ
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ตนเชื่อมาตั้งแต่ต้นว่าธรรมชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วง 5 ปีนี้คือการพูดฝ่ายเดียวโดยที่ไม่มีคนเห็นต่างพูดต่อหน้า วันใดเข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งจะมีสภาพไม่เหมือนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพราะฉะนั้นทุกคนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีฐานะเท่ากันกับนายกฯ สามารถลุกขึ้นอภิปรายนายกฯ การไม่กล้าดีเบต สะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถอยู่ในระบอบประชาธิปไตยตามปกติได้ ระบอบที่เหมาะที่สุดกับ พล.อ.ประยุทธ์ คือเผด็จการเท่านั้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เข้าไปเป็นนายกฯ อีกรอบ คิดว่านี่คือกฎแห่งกรรม เข้าไปชดใช้กรรมมากกว่าเข้าไปทำงานความจริง พล.อ.ประยุทธ์น่าจะใช้โอกาสที่มีดีเบต ซักซ้อมการเข้าไปอยู่ในสภา
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธการดีเบต ว่า คงเป็นสิทธิของท่านนายกฯ เราคงไปทำอะไรท่านไม่ได้
    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยื่นหนังสือถึง กกต. ขอให้ กกต.ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรับหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98 ที่ระบุว่าบุคคลที่มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ซึ่งใน (15) ระบุไว้ว่าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ โดยกล่าวว่า การที่พรรค พปชร.เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ มองว่าตำแหน่งนายกฯ ไม่ได้ติดใจ แต่การเป็นหัวหน้า คสช.จะเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ อีกทั้งหลายฝ่ายเข้าใจว่าหัวหน้า คสช.นั้นเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แต่ก็มีข้อโต้แย้งอยู่บ้างตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ออกมาระบุว่าเป็นเพียงตำแหน่งชั่วคราว จึงอยากให้เกิดความชัดเจนว่าข้อยุติเป็นอย่างไร   
     นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า เมื่อปี 2543 กกต.เคยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐมาแล้ว ซึ่งศาลวินิจฉัยไว้ส่วนหนึ่งว่า ตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ดังนั้นตำแหน่งหัวหน้า สคช. จึงอาจเทียบเคียงกับตำแหน่งผู้พิพากษาสมบท เนื่องจากหัวหน้า คสช.ได้รับเงินเดือน 75,590 บาท เป็นเงินอัตราเดียวกับประธาน สนช. อีกทั้งได้เงินเพิ่มอีก 50,000 บาท อย่างนั้นแล้วถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นถือว่ารับเงินเกิน 3,000 บาทหรือไม่ หากจะอธิบายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตัวท่านจะอธิบายได้อย่างไร นายวิษณุลองตอบให้ชัดๆ ท่านจะใช้ความรู้กฎหมายใดมาตอบก็ไม่ว่าเรื่องอภินิหารทางกฎหมายเราเก่งกันหลายคน แต่ในฐานะตนที่เป็นนักตรวจสอบ มองประเด็นดังกล่าวว่าเป็นปัญหาใหญ่ 
    ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพฯ, นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย กทม.เพิ่มเติมอีก 3 นโยบาย โดยนายอุตตมกล่าวว่า กรุงเทพฯ ต้องดีกว่าที่เป็นอยู่ พรรคจะนำความสุขมาให้คนกรุงเทพฯ เพราะสิ่งที่เรานำเสนอ ทำได้จริง ทำได้ทันทีทุกนโยบาย แก้ปัญหาตรงจุด สร้างสรรค์พัฒนาของใหม่ได้ต่อเนื่อง วันนี้ขอเปิดนโยบายเพิ่มเติม ทั้งนโยบายขนส่งไร้รอยต่อ นโยบายปลอดภัยใกล้ตัว นโยบายสร้างสุขคนกรุง ซึ่งทั้งหมดคือ 5 มิติหลักของนโยบายแบงค็อกโอเค ที่พรรคตั้งใจทำเพื่อคน กทม.ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ รวมถึงลูกหลานมีการศึกษาที่ดี 
    ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ถ.รัชดาภิเษก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายไกลก้อง ไวทยาการ นายทะเบียนพรรค และ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค ผู้ต้องหาคดีที่ถูก พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายของคสช. แจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (2) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จฯ จากกรณีจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของคสช. เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2561 มารายงานตัวต่ออัยการ เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้นัดส่งตัวพร้อมสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานมาที่สำนักงานอัยการคดีอาญา ชั้น 3 โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษก อสส. มารับตัวเข้าพบนายวิเชียร ถนอมพิชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา
อัยการนัด"ธนาธร"26มีค.
    ก่อนนายธนาธรเดินทางมาถึงได้มี น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ประชาชนและสมาชิกพรรคจำนวนหลายสิบคนเดินทางมารอให้กำลังใจนายธนาธร พร้อมนำดอกกุหลาบสีส้มมามอบ นำป้ายโลโก้พรรคอนาคตใหม่และป้ายข้อความมาถือให้กำลังใจนายธนาธรด้วย
    โดยนายธนาธรให้สัมภาษณ์ว่า ไม่กังวล คิดว่าประชาชนเข้าใจว่าเมื่อกระแสพรรคอนาคตใหม่เป็นบวกขึ้นทุกวัน ก็มีความพยายามที่จะเตะตัดขาพวกเรา เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยกับเราว่ามีความพยายามที่จะเร่งรัดคดี เราก็เห็นว่านี่คือช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง มีเจตนารมณ์ทางการเมืองแอบแฝงอยู่หรือเปล่า 
    เวลาต่อมาที่ห้องประชุมชั้น 11 นายวิเชียร ถนอมพิชัย และนายประยุทธ เพชรคุณ แถลงข่าวการรับมอบตัวผู้ต้องหาและรับมอบสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) จำนวน 2 สำนวน หลังจากรับสำนวนคดีแล้วจะส่งไปให้อัยการสำนักคดีอาญา 6 เป็นผู้รับผิดชอบ และเนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนสนใจ คดีสำคัญ การพิจารณาคดีต้องทำอย่างรอบคอบ ให้รองอธิบดีเป็นหัวหน้าคณะทำงานพิจารณาสำนวนตามพยานหลักฐาน โดยคาดว่าใช้เวลาพิจารณาพร้อมนัดฟังคำสั่งวันที่ 26 มี.ค.นี้ ว่าจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ โดยยังไม่มีการฝากขังนายธนาธร เนื่องจากมีการเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน และไม่มีพฤติการณ์หลบหนี 
    ด้านนายประยุทธกล่าวว่า เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญ หลังจากรับสำนวนแล้วนายวิเชียรจะได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงาน เพื่อรับผิดชอบพิจารณาสำนวนตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป 
    ภายหลังเข้าพบอัยการเสร็จสิ้น นางสมพรจึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธรได้เดินทางมาให้กำลังใจนายธนาธรด้วย โดยนายธนาธรได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ทางอัยการเข้าใจพวกเราเป็นอย่างดี ไม่ได้เรียกพวกเรามารายงานตัวระหว่างที่เรากำลังทำกิจกรรมเพื่อการเลือกตั้ง ขอให้พี่น้องชาวอนาคตใหม่ไม่ต้องกังวล เชื่อมั่นว่าทางอัยการจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม สุจริต โปร่งใส และมืออาชีพ เราจึงไม่มีความกังวลใจในคดีนี้ ทั้งนี้ เราคงขอให้ทางอัยการมีคำสั่งให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมด้วย 
    ขณะที่นางสมพรเปิดเผยว่า วันนี้ตนมาที่นี่โดยไม่ได้นัดแนะกับนายธนาธร ด้วยความเป็นแม่ อดที่จะไม่ห่วงไม่ได้ หลังจากมาถึงที่นี่ก็โล่งอก สมาชิกพรรคมาให้กำลังใจก็ขอขอบคุณทุกท่าน ก่อนหน้านี้ก็คิดมากนอนไม่หลับ ติดตามกระแสตลอด 
    วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลโพลเรื่อง เกาะกระแสแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 6,183 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5-26 ก.พ.2562 พบว่ากระแสแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่พบสัดส่วนของประชาชนที่ระบุกลุ่มคนที่เหมาะสมเป็นนายกฯ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอันดับที่ 1 ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล (ภูมิใจไทย) เพิ่มขึ้นจากครั้งที่ 1 ร้อยละ 31.9 ในช่วงต้นเดือน ก.พ. มาอยู่ที่ร้อยละ 53.5 ในการสำรวจครั้งล่าสุด คือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 รองลงมาคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (พลังประชารัฐ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.4 คือจากร้อยละ 37.5 ในการสำรวจช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ มาอยู่ที่ร้อยละ 58.9 ในการสำรวจครั้งล่าสุด
    ต่อมาคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ประชาธิปัตย์) เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.6 จากร้อยละ 35.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 56.1, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ (เพื่อไทย) เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 จากร้อยละ 39.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 59.5 ในขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (เสรีรวมไทย) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 จากร้อยละ 44.7 มาอยู่ที่ร้อยละ 57.0 ที่น่าสังเกตคือการเปลี่ยนแปลงของนายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ (อนาคตใหม่) เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดคือร้อยละ 10.2 จากร้อยละ 44.8 ในต้นเดือน ก.พ. มาอยู่ที่ร้อยละ 55.0 ในการสำรวจครั้งล่าสุด ตามลำดับ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"