ใครไปฮานอยวันสองวันนี้อย่าได้ตกใจที่เห็นภาพของหน่วยรักษาความปลอดภัยอันเข้มแข็งของคิม จองอึน (หนุ่มฉกรรจ์ในชุดดำ 12 คนที่คอยวิ่งตามรถของท่านผู้นำ) และหน่วยปฏิบัติการพิเศษอาวุธครบมือสำหรับโดนัลด์ ทรัมป์
วันนี้คงจะได้เห็นภาพชัดเจนว่าการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กับท่านผู้นำคิม จองอึนแห่งเกาหลีเหนือ จะมีแถลงการณ์ลงรายละเอียดของการ "สร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี" อย่างไร
เมื่อวานเย็นที่ฮานอยเป็นการปูทาง "ซัมมิต" ด้วยการพบปะกินเลี้ยง ขณะที่คนระดับรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายยังเจรจาถ้อยแถลง ที่จะทำให้เห็นว่าการพบกันของสองผู้นำครั้งที่สองจะต้องมีเนื้อหาสาระมากกว่าการเจอกันครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว
เพราะครั้งนั้นเป็นเพียงการ "โอ้โลมปฏิโลม" กันเท่านั้น ครั้งนี้คือการ "ออกเดต" อย่างเป็นทางการ กันแล้ว
ผมเอาภาพคิม จองอึน "อัดบุหรี่" ระหว่างที่รถไฟจอดก่อนเข้าเขตเวียดนามเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ให้ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของผู้นำเกาหลีเหนือที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นในที่สาธารณะนัก
นักข่าวเกือบ 30,000 ชีวิตจากทั่วโลกที่ลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่เวียดนามต้องเกาะติดทุกย่างก้าวของทั้งทรัมป์และคิมอย่างไม่ลดละ
คิม จองอึนถึงฮานอยบ่ายวันอังคาร...หลังจากนั่งรถไฟขบวนพิเศษยาว 21 โบกี วิ่งมาราธอน 65 ชั่วโมงจากเปียงยางผ่านเมืองจีน ถึงเมืองโดงดังที่ชายแดนเวียดนามและขึ้นรถยนต์มาทางถนนอีกประมาณ 5 ชั่วโมง
ทรัมป์ร่อนลงฮานอยด้วย Air Force One จากวอชิงตัน หลังจากแวะเติมน้ำมันที่การ์ตาในวันเดียวกัน
พอคิมไปถึงเมืองหลวงเวียดนาม ขบวนรถยาวเหยียดก็มุ่งสู่โรงแรม Melia Hanoi ขณะที่ทรัมป์พักที่ JW Marriott
ทันทีที่คิมเช็กอินเข้าโรงแรม Melia Hanoi เท่านั้น ผึ้งนักข่าวมะกันก็แตกรัง เพราะทำเนียบขาวได้เช่าชั้น 7 เปลี่ยนเป็น "ศูนย์ส่งข่าว" ให้คณะนักข่าวจากสหรัฐฯ แต่เพราะความบกพร่องในการประสานงาน ทำให้เกิดการจ๊ะเอ๋ระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือกับคณะนักข่าวอเมริกันที่โรงแรมแห่งนี้
รัฐบาลเวียดนามในฐานะเจ้าภาพขอให้นักข่าวมะกันถอนตัวออกจากโรงแรมแห่งนี้ด้วยเหตุผลการรักษาความปลอดภัย โดยให้ย้ายศูนย์ข่าวไปอีกจุดหนึ่ง
โดยปกติทรัมป์ไปต่างประเทศจะพานักข่าวร่วมคณะไปประมาณ 13 คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่คนละโรงแรมกับที่พักของประธานาธิบดี
ความโกลาหลที่โรงแรม Melia Hanoi สร้างความวุ่นวายให้นักข่าวและทีมรักษาความปลอดภัยของคิมไม่น้อย!
ทุกสายตาจ้องมาที่ฮานอยเพราะผลการประชุมสุดยอดครั้งนี้มีผลทาง "สมการการเมืองระหว่างประเทศ" ของโลกโดยเฉพาะต่อเอเชีย
หากคิมยอมลดการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ ทรัมป์จะลดราวาศอกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเปียงยางแค่ไหน
หากมีการประกาศยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ จะมีการขับเคลื่อนให้สหรัฐฯ ต้องลดกำลังทหารอเมริกันในเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเพียงใด
จีน, ญี่ปุ่น, รัสเซีย และเกาหลีใต้ย่อมมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไป แต่สำหรับไทยและอาเซียน ข้อตกลงใดๆ ระหว่างทรัมป์กับคิมจะทำให้ต้องมีการปรับตัวด้านความสัมพันธ์กับมหาอำนาจและคาบสมุทรเกาหลีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังการประชุมกับทรัมป์แล้ว พรุ่งนี้คิมจะอยู่เวียดนามต่อเพื่อเยือนประเทศนั้นอย่างเป็นทางการสองวัน...และมีแผนจะไปเยือน Halong Bay อันโด่งดังของเวียดนามอีกด้วย
โลกกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะความผันแปรที่ยังไม่มีใครพยากรณ์ได้ถูกว่าจะหันเหไปทิศทางใด
จงคุ้นชินกับความไม่แน่นอนต่อไป!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |