ผบ.ตร.พร้อม ผบช.น.ตามคดี 2 โจรปล้นชิงเงิน 7.2 ล้านบาท ที่บิ๊กซีพุทธมณฑลสาย 3 รับคดีนี้มีความยาก แต่มั่นใจไม่เกิน 7 วันจะมีความคืบหน้า
    เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. เดินทางไปยัง สน.หนองค้างพลู เพื่อประชุมร่วมกับนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีคนร้ายปล้นชิงเงินกว่า 7 ล้านบาท โดยใช้เวลาประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมง
    เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา คนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ซ้อนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน 5 กว 8564 หรือ 5 กว 8764 กรุงเทพฯ เป็นพาหนะ ยิงปืนขู่แล้วสั่งให้พนักงานขนเงินของบริษัท บริงส์ ขณะรับเงินจากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า พุทธมณฑลสาย 3 จำนวน 7 ล้าน 2 แสนบาท วางถุงเงินไว้กับพื้น จากนั้นก็ชิงถุงเงินดังกล่าวหลบหนีไป
    พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า ตามที่ทราบกันว่าขณะนี้ ผู้ก่อเหตุมี 2 คน มีการปกปิดรูปพรรณใบหน้าด้วยหมวกกันน็อกมิดชิด ซึ่งจากการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุทราบว่า คนร้ายมีสำเนียงการพูดไปทางใต้ จึงเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนต่างถิ่น อีกทั้งพฤติการณ์การหลบหนีค่อนข้างจะสะเปะสะปะ จากประสบการณ์คาดว่าคนร้ายจะต้องหาที่พักกบดานไว้ก่อน
    "มีพยานหลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุไม่มากพอ เนื่องจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ไม่สามารถใช้การได้ ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับคนร้าย แต่ไม่ตัดประเด็นว่าเป็นผู้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เมื่อปี 2560 หรือในพื้นที่หัวหมาก ยอมรับว่าคดีนี้มีความยาก แต่คาดว่าต่อจากนี้คงใช้เวลาอีกไม่เกิน 7 วันจะมีความคืบหน้า" ผบ.ตร.กล่าว
    พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพในที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ทำให้สีรถจักรยานยนต์ของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุอาจจะผิดเพี้ยนได้ ซึ่งจะตรวจสอบถึงแหล่งที่มาของรถควบคู่กันไป นอกจากนี้ตามระเบียบแล้ว ทางบริษัทสามารถขอกำลังตำรวจไปสนับสนุนความปลอดภัยในระหว่างขนเงินได้ ซึ่งได้มีการประชุมเรื่องมาตรการกับบริษัทแล้ว แต่อาจเกิดจากความเคยชินที่ทำให้ขนเงินใส่ถุงออกมาเท่านั้น ไม่ได้บรรจุหีบนิรภัยแต่อย่างใด.