ไม่เคารพกฎหมาย 20คนเข้าเรือนจำ


เพิ่มเพื่อน    


    บิ๊กตู่จี้แก้ปัญหาดื่มเหล้าในวัด ย้ำใช้กฎหมายเต็มที่กับแก๊งงานบวช ตำรวจคุมตัวยื่นขอผัดฟ้องพร้อมแจ้ง 6 ข้อหา ขณะที่ "เอก ไฝ" เจอเพิ่มทำอนาจาร ศาลไม่ให้ประกันทั้ง 24 คน ระบุผู้ต้องหาไม่เคารพกฎหมาย รองโฆษก อสส.ชี้ยังมีอีกหลายข้อหาที่จะตามมา
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ถึงกรณีวัยรุ่นอันธพาลที่มาร่วมงานบวชบุกทำร้ายผู้อำนวยการ ครู และนักเรียนโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ หลังถูกขอให้ลดใช้เสียงเพราะเด็กกำลังสอบ ว่า ตอนนี้มีการลงโทษแล้ว จับแล้ว ดำเนินคดีแล้วทั้งหมด ตนได้สั่งการไปแล้วว่าให้ใช้กฎหมายให้เต็มที่
    "ในเคสแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตีกันในโรงพยาบาล ยิงหรือใช้อาวุธในโรงพยาบาล บนถนนหนทาง หรือลักษณะแบบนี้ ที่สร้างผลกระทบกับสังคม ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายทุกอย่าง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องลงไปแก้ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดื่มเหล้าในวัด ค่านิยมที่งานบวชจะต้องเปิดเครื่องเสียงดังๆ โธ่ ไม่สงสารกันเหรอ ผมก็เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่มันต้องอยู่บนความไม่เกินเลยซึ่งกันและกัน เด็กเขาจะสอบก็ต้องดูว่าจะรบกวนเด็กหรือเปล่า ต้องมีจิตสำนึก ส่วนใหญ่เราขาดจิตสำนึกกัน มันจึงทำให้วุ่นวายไปหมดสังคมเรา นี่แหละเป็นสิ่งที่ผมอยากชี้แจง"
    ด้านความเคลื่อนไหวที่ สน.บางขุนเทียน เมื่อช่วงเช้า พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ รอง ผกก.สส.สน.บางขุนเทียน พร้อมกำลังตำรวจและทหาร บุกค้นบ้านพัก 2 ชั้น ในซอยกำนันแม้น 13 แยก 12 ถนนกำนันแม้น แขวงและเขตบางบอน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านพักของของนายวัลลภ นุชแฟง หรือ “เอก ขาว” หรือ "เอก ไฝ" อายุ 32 ปี ผู้ก่อตั้งคณะกระตั้วกลองยาวศิษย์หลวงพ่อขาว ทีมงานลูกพ่อเปี๊ยก ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกในการนำพรรคพวกก่อเหตุ เพื่อหาสารเสพติดและอาวุธปืน โดยนายวัลลภนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นและไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
    นายวัลลภกล่าวทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตั้งใจจะเข้าไปพบ ผอ.โรงเรียน แต่ไม่พบ ขณะที่พวกตนต่างคนต่างเมาก็เลยไปกันเรื่อย ซึ่งก็ต้องขอโทษด้วย
    เวลาเดียวกัน กำลังตำรวจอีก 2 ชุดได้นำผู้ต้องหาที่เหลือไปค้นบ้านรวม 13 จุด ในพื้นที่ถนนกำนันแม้นและถนนเอกชัย 
    ต่อมา นักเรียนหญิงที่ถูกทำอนาจารได้เดินทางไปยัง สน.บางขุนเทียน ชี้ตัวผู้ต้องหา ซึ่งเจ้าทุกข์ระบุว่าถูกกลุ่มคนร้ายกระชากตัวจากอาคารชั้น 3 ลงมาที่ชั้น 2 แล้วคนหนึ่งหอมแก้มพร้อมโอบไหล่ พูดจาลวนลาม โดยผู้ที่ถูกชี้ตัวคือนายวัลลภ นุชแฟง ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหานายวัลลภ ทำอนาจารเด็กอายุกว่า 15 ปี
    ในช่วงบ่าย ตำรวจ สน.บางขุนเทียนได้นำตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ 20 คน ที่ไม่ใช่เยาวชนไปขออำนาจศาลอาญาธนบุรีฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 15 วัน พร้อมยื่นคัดค้านการประกันตัว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอีก 4 คนที่เป็นเยาวชน เจ้าหน้าที่ได้ส่งไปฝากขังที่ศาลเด็กและเยาวชน โดยทั้งหมดถูกแจ้งความผิด 6 ข้อหา 
    สำหรับผู้ต้องหา 20 คน ประกอบด้วย 1.นายวัลลภ หรือ เอก ไฝ นุชแฟง อายุ 32 ปี 2.นายจีรศักดิ์ หรือ หนึ่ง นีละเสวี อายุ 41 ปี 3.นายสมชาย แก้วสิมมา อายุ 26 ปี 4.นายชัชศิริ หรือ กล้วย แซ่โง้ว อายุ 39 ปี 5.นายธวัช สดำพงษ์ อายุ 33 ปี 6.นายณัฐพงศ์ นุชแฟง อายุ 18 ปี 7.นายมนตรี พูลทรัพย์ อายุ 32 ปี 8.นายวรภัทร พินิจปรีชา อายุ 28 ปี 9.นายอนุกูล หรือ เอกหนัง สังข์ศรี อายุ 33 ปี 10.นายจิรายุทธ หรือ บอย อาจอาสา อายุ 25 ปี 11.นายธิติ หรือ อ๊อฟ ไวยสุกรี อายุ 26 ปี 12.นายเมืองแมน หรือ นาจ นิลโพธิ์ทอง อายุ 18 ปี 13.นายชาติสยาม หรือ เฟรม จันทรวิภาค อายุ 24 ปี 14.นายวิโรจน์ หรือ โอ คำชาย อายุ 28 ปี 15.นายดลราม หรือ ฟลุค เก่งวิชา อายุ 27 ปี 16.นายขวัญชัย หรือ ขวัญ สุขเสมอ อายุ 29 ปี 17.นายศรายุทธ หรือ เต๋า นุชแฟง อายุ 24 ปี 18.นายเอกลักษณ์ หรือ อาร์ม พูลทรัพย์ อายุ 26 ปี 19.นายไน้ท หรือ ปอนด์ จ้อยเจริญ อายุ 20 ปี และ 20.นายชนะชัย หรือ ก๊อฟ ใจหล้า อายุ 25 ปี​
    ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา ร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ฯ, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ข่มขืนให้ผู้อื่นกระทำ​การ​ ไม่กระทำการ​ หรือจำยอมต่อสิ่งใด​ โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต​ ร่างกาย​ เสรีภาพ​ ชื่อเสียง​ หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง, มั่วสุมกันตั้งแต่​ 10 คนขึ้นไป​ ใช้กำลังประทุษร้าย​ ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย และห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณวัด​ รวม 6 ข้อหา ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวทั้งหมด ขณะที่ญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ต่อศาลอาญาธนบุรี ขออนุญาตประกันตัว
    อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีตามคำร้องขอฝากขังบ่งชี้ว่า ผู้ต้องหากับพวกไม่เคารพกฎหมาย หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหากับพวกอาจก่อภยันตรายเเก่พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ ทำให้เกิดความเสียหายแก่การรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน กรณียังไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา จึงมีคำสั่งยกคำร้อง​ เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง​ 20 คน ไปส่งฝากขังผลัดแรกที่เรือนจำพิเศษธนบุรี​ และส่งเยาวชน​ 4 คนไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
    ขณะที่นายฉัตราภัทร์ นามจันดี ครูพละที่คุมสอบ และได้รับบาดเจ็บต้องเข้าเฝือกแขน ได้เดินทางไปที่ สน.บางขุนเทียนให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม ก่อนเปิดเผยว่า ไม่ติดใจกลุ่มผู้ต้องหาและสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้อภัยทุกอย่าง ส่วนเรื่องคดีให้โรงเรียนจัดการเอง ส่วนตัวไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาหรือฟ้องร้องใคร รับว่าช่วงเกิดเหตุที่กำลังคุมสอบอยู่ เหตุการณ์วุ่นวายมาก และเด็กนักเรียนต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยช่วงนั้นไม่คิดว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย และได้พยายามพูดคุยกับผู้ต้องหา แต่ไม่เป็นผล 
    นอกจากนี้ นายไพศาล สุวรรณชัย อายุ 43 ปี เจ้าของคณะกระตั้วแทงเสือ กลองยาว ศิษย์วัดสิงห์ ตั้งอยู่บริเวณริมทางรถไฟวัดสิงห์ ก็ได้เข้าพบตำรวจ สน.บางขุนเทียน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
    นายไพศาลกล่าวว่า มีเพจเฟซบุ๊กรายหนึ่งลงข้อความทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นคนของคณะตน ขอชี้แจงว่าไม่ใช่คนของคณะ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับผู้ต้องหา เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นศิษย์เก่าที่เคยเล่าเรียนกับทางคณะของตนเมื่อหลายปีที่แล้ว 
    พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตำรวจเตรียมขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 3 คน ก่อนหน้าออกหมายจับและดำเนินคดีไปแล้ว 24 คน ขณะที่การเข้าตรวจค้นบ้านพักของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดยังไม่พบเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือความผิดอื่นเพิ่มเติม รวมทั้งยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ส่วนการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การสอดคล้องกับการกระทำความผิด
    พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุจัดกำลังเข้าไปดูแลความปลอดภัย พร้อมให้ความมั่นใจกับผู้ปกครอง รวมทั้งจัดกำลังดูแลพยาน ผู้เสียหายด้วย นอกจากนี้ ให้วางมาตรการดูแลโรงเรียน หรือสถานที่จัดสอบต่างๆ ไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเช่นนี้อีก รวมทั้งประสานวัดทุกแห่งปฏิบัติตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์อย่างเคร่งครัด
    ที่ สตช. นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ พร้อมด้วยเครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน และกลุ่มนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันต่างๆ กว่า 30 คน ได้เดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกให้ตำรวจเพิ่มข้อหากลุ่มวัยรุ่น ฐานดื่มสุราในวัดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 มาตรา 31 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด โพสต์เฟซบุ๊กถึงคดีนี้ว่า คดีงานบวชวัดสิงห์ เห็นภาพข่าวแล้ว หลายคนถามมาว่าน่าจะเป็นความผิดฐานใดได้บ้าง แค่คิดจากภาพที่ปรากฏตามข่าว ข้อกล่าวหาก็เต็มไปหมด รอการสอบสวนให้เสร็จ อาจจะมีข้อหาอื่นเพิ่มเติม
    ครูเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ทำร้ายครูขณะปฏิบัติหน้าที่ ก็คือทำร้ายเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่
    ดื่มเหล้างานบวชในวัด...ยกพวกไปทําร้ายครูขณะปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียน...หอมแก้ม กระทําอนาจารนักเรียนหญิง...และทําลายทรัพย์สินของโรงเรียน
    มาตรา 360 ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่าหรือทําให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (ทําให้เสียทรัพย์ของทางราชการ)
      มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทําการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (บุกรุก)
    มาตรา 278 ผู้ใดกระทําอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทําให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (กระทําอนาจาร)
    มาตรา 295 ผู้ใดทําร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทําความผิดฐานทําร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (ทําร้ายร่างกายผู้อื่น)
    มาตรา 296 ผู้ใดกระทําความผิดฐานทําร้ายร่างกาย ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (ทําร้ายร่างกายผู้อื่นที่มีเหตุฉกรรจ์ เช่น ทําร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน)
    มาตรา 210 "ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
    พระราชบัญญัตควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 
    มาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณดังต่อไปนี้
    (1) วัดหรือสถานที่สําหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา เว้นแต่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา มาตรา 42 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 31 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 
    ข้อหาทำร้ายร่างกายขึ้นอยู่กับความบาดเจ็บ ถ้าอันตรายถึงสาหัส โทษก็สูงขึ้นไปอีก 
    ลำดับต่อไปพนักงานสอบสวนก็จะสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่าผู้ต้องหากระทำความผิดข้อหาใดบ้าง แล้วทำสำนวนส่งอัยการพิจารณาดำเนินคดีต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"