เครือข่ายเพื่อแม้วเดินสายขย่ม พปชร.เอาเปรียบทุกวิธี "หญิงหน่อย" บี้ กกต.สอบคลิปเสียงแจกบัตรคนจนแลกคะแนนเสียง แฉบางพื้นที่ให้ 6 หมื่นใบถ้าได้เป็น ส.ส. เพื่อชาติปูดภาคเหนือตอนบนซื้อเสียงหัวละ 500 "อุตตม" ปัดลอกนโยบายจำนำข้าว ยันทำแบบเกษตรยั่งยืนดูแลครบวงจร "มาร์ค" เผยต้น มี.ค.แจงที่มางบทำนโยบาย
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 3 เขตหาเสียง โดยจุดแรกเดินทางไปนมัสการพระมงคลพัฒนพิธาน เจ้าคณะอำเภอทุ่งเสลี่ยม ที่วัดพิพัฒน์มงคล (พระทองคำ) จากนั้นเดินทางไปที่วัดโบสถ์ ตำบลบางเมืองขลัง อำเภอสวรรคโลก และได้ร่วมทำพิธีบายศรีสู่ขวัญพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่มีอายุเก่าแก่ และประพรมน้ำปรุงที่ประตูมงคล เชื่อว่าเมื่อขอพรแล้วจะประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ชาวบ้านอวยพรให้คุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้ามาแก้ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ ขอให้ข้าวราคาสูงกว่าตันละหมื่นบาท อ้อยราคาสูงกว่าตันละพันบาท ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ ตอบกลับว่าจะต้องทำให้พรรคเพื่อไทยชนะทุกเขตของสุโขทัย เพื่อมีคะแนนสู้กับ 250 ส.ว.ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่งตั้งขึ้น หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีตนจะกลับมาที่วัดนี้อีกครั้ง
ต่อมาคุณหญิงสุดารัตน์เดินทางไปสักการะศาลแม่ย่าภายในเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี และถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราชเพื่อความเป็นสิริมงคล ที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองเก่าสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย ก่อนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ช่วงเย็นร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจและแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ที่ตำบลวังใหญ่ อำเภอศรีสำโรง
คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงว่า พรรคเพื่อไทยเห็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในภาคการเกษตร โดยเฉพาะที่สุโขทัยซึ่งปลูกข้าวและยาสูบ โดยที่ผ่านมารัฐบาลปรับลดการรับซื้อใบยาสูบลง 48% แต่ไม่มีมาตรการรองรับทำให้ผลกระทบตกอยู่ที่เกษตรกร จึงอยากให้ทบทวนนโยบายยาสูบโดยเฉพาะการนำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศ
ส่วนข้าวพรรคมีนโยบายที่เตรียมไว้แล้ว หลังจากนี้จะมีการแถลงเปิดตัวนโยบายภาคการเกษตร แต่เบื้องต้นจะทำให้ภาคการเกษตรของไทยมุ่งสู่การเป็นอาหารสุขภาพให้คนทั้งโลก มีกองทุนปรับหน้าดินมุ่งสู่ออร์แกนิกอินทรีย์ จะพักชำระหนี้ 3 ปีเพื่อให้เกษตรกรตั้งตัวได้ มีนโยบายผลักดันราคาสินค้าการเกษตร โดยช่วยเหลือค่าใช้จ่ายตันหรือเกวียนละ 5,000 บาท ไม่เกิน 15 เกวียน จะทำให้เกษตรกรมีรายได้ 75,000 บาทต่อราย และหากเป็นเกษตรกรรายเล็กมีผลผลิตไม่เกิน 7 เกวียน จะได้เงินช่วยเหลือ 36,000 บาท ยืนยันว่าจะผลักดันราคาสินค้าเกษตรให้ขึ้นอย่างน้อย 30 เปอร์เซ็นต์ภายใน 6 เดือน
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงการเผยแพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย โดยเป็นคลิปเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์ให้เลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองหนึ่ง หากต้องการให้คงนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า พรรคได้รับการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาต่อเนื่อง และเกิดขึ้นในหลายจังหวัด ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่รับทราบการกระทำในลักษณะนี้ แต่เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐก็รับทราบเช่นกัน ว่ามีพฤติกรรมของ ส.ส.จากพรรคการเมืองหนึ่งนำนโยบายของรัฐบาลมาใช้หาเสียง
บัตรคนจน 6 หมื่นใบแลก ส.ส.
"บางพื้นที่มีการเรียกให้ผลประโยชน์โควตาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 60,000 ใบหากได้รับเลือกเป็น ส.ส. จึงอยากฝากไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อมีคลิปเสียงที่ชัดเจนก็ควรที่จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพราะเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวังของประชาชนที่อยากเห็นโอกาสของประเทศเดินไปข้างหน้า" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวและว่า ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐสามารถประชาสัมพันธ์โครงการของรัฐบาลได้ แต่ไม่ใช่การสัญญาว่าจะให้ หรือนำงบประมาณของรัฐมาใช้ในลักษณะที่เข้าข่ายเป็นการซื้อเสียงผ่านโครงการของรัฐบาล
ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงกรณีบางพรรคการเมืองโจมตีว่า หากเลือกพรรคเพื่อไทยจะกลับไปสู่ความขัดแย้งและเป็นเผด็จการรัฐสภาว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะนำพาประเทศไปสู่ความสงบ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคเคารพในหลักการประชาธิปไตย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดเผด็จการรัฐสภา อย่างไรก็ตามบางพรรคอาจไม่มีนโยบายอะไรขายให้ประชาชนทั้งที่บริหารประเทศมานาน จึงปลุกผีเรื่องความขัดแย้ง ซึ่งเมื่อยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก พรรคเพื่อไทยไม่สนใจไม่เล่นเกมนี้ด้วย เรามุ่งเสนอแต่นโยบาย เพราะเราเห็นว่าควรที่จะยุติความขัดแย้งได้แล้ว ซึ่งคนที่พูดเรื่องนี้ปากก็บอกว่าอยากเห็นการเมืองที่สร้างสรรค์ แต่คำพูดกับการกระทำกลับตรงกันข้าม
ที่วัดป่าวีรพล อ.เต่างอย จ.สกลนคร นายอารี ไกรนรา, นายวิโชติ วัณโณ รองหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และกรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ นำคณะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนเพื่อขอคะแนนเสียงช่วยผู้สมัครเขต 2 นายเฉลิมชัย อุฬารกุล
โดยนายจตุพรกล่าวว่า วันนี้ต้องเจอกับคู่แข่งที่เอาเปรียบทุกอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังอยู่ในตำแหน่งและสามารถใช้มาตรา 44 ได้จนกระทั่งได้รัฐบาลใหม่ ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ยากลำบาก จึงอยากจะบอกกับพี่น้องชาวเต่างอย ให้เลือกพรรคเพื่อชาติ เพื่อไม่ให้พรรคพลังประชารัฐเดินไปถึง 126 เสียง
นายจตุพรยังกล่าวถึงวิธีที่จะเอาชนะการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยการเอาเปรียบว่า ให้ดูประเทศเมียนมาเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ก่อนทหารจะคืนประชาธิปไตยได้เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ออกแบบเอาเปรียบไว้แล้ว โดยจำนวน ส.ส. 100% นั้นจะมาโดยตำแหน่งของทหาร 25% รวมถึงออกแบบป้องกันนางอองซาน ซูจี ไม่ให้มาลงแข่งเป็นประธานาธิบดี บอกว่าประธานาธิบดีเมียนมาจะต้องไม่มีคู่สมรสเป็นคนต่างชาติ แล้วนำรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปทำประชามติ ซึ่งคนเมียนมาสามัคคีกันต้มทหารโดยการผ่านประชามติถึงกว่า 90% ด้วยเกรงว่าหากไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประเทศก็จะเป็นเผด็จการต่อไป กองทัพก็พอใจ ชวนสหภาพยุโรป องค์การสหประชาชาติมาสังเกตการเลือกตั้ง คิดว่าจะชนะ แต่พอถึงวันจริงคนเมียนมา 90% ที่เคยโหวตให้กับทหารผ่านรัฐธรรมนูญ กลับมาโหวตให้พรรคของนางอองซาน ซูจี
"วันนี้ถ้าถามว่าประเทศไทยเราจะทำอย่างไร ขอเรียนว่าในซีกนั้น 5 พรรคการเมืองที่แยกตัวไปไม่เคยมีเสียงบ่นกันว่าจะไปตัดคะแนนกัน เพราะเขาเข้าใจแล้วว่าในระบบบัตรใบเดียวนี้ เลือกเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว แต่ละฝ่ายไปเทรวมกันในวันเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นใครที่อธิบายว่าจะไปตัดคะแนนกันนั้น ไม่เป็นความจริง ถ้าตัดคะแนนกันจริง พวกที่อยู่เวทีเดียวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) เขาไม่ไปแข่งขันกัน 5 พรรคการเมือง ต้องการจะชนะฝ่ายเรา ขอบอกกับกับพี่น้องว่าแพ้ใครก็แพ้ได้ อย่าให้แพ้สุเทพ อย่าแพ้ พล.อ.ประยุทธ์" นายจตุพรระบุ
เหนือบนซื้อเสียงหัวละ 500
นายธีระพงษ์ เผ่ากา รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ เปิดเผยว่า จากการที่ช่วยผู้สมัครภาคเหนือตอนบนลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งที่ พบว่าพฤติกรรมการหาเสียงในพื้นที่ยังมีการซื้อเสียงเช่นเดิม สัปดาห์ที่ผ่านมามีบางพรรคจ่ายประชาชนหัวละ 500 บาท หมู่บ้านละ 5 คน ตนบอกชาวบ้านให้รับเงินเลย เพราะเงินเหล่านั้นคือเงินของพี่น้องประชาชน เพราะผู้ที่ซื้อเสียงเมื่อได้รับเลือกตั้งเข้าไปย่อมต้องหาช่องทางเอาคืนจากเงินภาษีของประชาชนแน่นอน รวมทั้งบอกประชาชนว่าเงิน 500 บาทซื้อชีวิตประชาชนไม่ได้ รับเงินมาแต่ไม่ต้องกาให้เพราะเป็นเงินพี่น้องประชาชนเอง
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะลงพื้นที่ตลาดหลังเทสโก้ โลตัส พระราม 4 ที่ร้านเจ๊จงหมูทอด เพื่อพบปะประชาชนช่วยหาเสียงให้นายอนุชา บูรพชัยศรี ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 กรุงเทพมหานคร (เขตคลองเตย เขตวัฒนา) พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 11 และรณรงค์ให้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวพรรคการเมืองซื้อเสียงหัวละ 500 บาท ว่าอยากให้ กกต.ทำงานเชิงรุก ด้วยการตรวจสอบโดยไม่ต้องรอให้มีการร้องเรียน และขณะนี้ตัวเองได้รับรายงานเรื่องการเก็บบัตรประชาชนในจังหวัดภาคใต้ ส่วนในเขตกรุงเทพฯ มีการผูกโยงนโยบายของพรรคกับโครงการต่างๆ ซึ่งขณะนี้พรรคอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อทำการตรวจสอบต่อไป
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงการจัดทำนโยบายของพรรคการเมือง ที่มีบางฝ่ายมองว่าไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่กระทรวงการคลังจัดสรรในแต่ละปีงบประมาณว่า ทุกพรรคต้องอธิบายที่มาของงบประมาณอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการแจกแจงงบประมาณที่จะใช้ในการจัดทำนโยบายเผยแพร่ในเว็บไซต์ของพรรคเรียบร้อยแล้ว ทั้งจำนวนเงินที่ต้องใช้ในแต่ละนโยบาย ซึ่งในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้พรรคจะจัดแถลงข่าวเรื่องเศรษฐกิจในภาพรวม พร้อมทั้งอธิบายให้เห็นถึงวิธีการนำงบประมาณไปใช้ในการจัดทำนโยบาย
ทั้งนี้ ยืนยันว่านโยบายของพรรคประชาธิปัตย์สามารถทำได้จริงและไม่เป็นภาระงบประมาณ ซึ่ง กกต.ต้องตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎระเบียบ แต่ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามว่าเมื่อพรรคเสนอนโยบายแล้วจะมีการวางแผนในการหาเงินมาอย่างไร เพื่อช่วยกันตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแต่ละพรรค ซึ่งเราสนับสนุนให้มีกระบวนการตรวจสอบนี้
"ขณะที่การจัดทำนโยบายของพรรคการเมืองบางพรรคที่มีลักษณะของการแจกแหลกนั้น มองว่าตัวเลขการจัดทำนโยบายของประชาธิปัตย์มาจากการศึกษาเรื่องของความจำเป็นและความเหมาะสม เราจึงได้ย้ำว่าต้องระวังสินค้าลอกเลียนแบบและการเกทับกัน เพราะนั่นหมายถึงว่าไม่ได้มาจากฐานความคิดที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์มีการอธิบายถึงที่มาของตัวเลขอย่างชัดเจน และได้อธิบายให้ประชาชนเข้าใจซึ่งประชาชนก็ตอบรับเป็นอย่างดี" นายอภิสิทธิ์ระบุ
ปัดลอกนโยบายจำนำข้าว
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีที่มีการโจมตีว่านโยบายข้าวของ พปชร.เหมือนโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าไม่ใช่จำนำข้าวและไม่ใช่ประกันราคาข้าวแน่นอน เป็นคนละเรื่องกัน สิ่งที่พรรคนำเสนออยู่บนหลักการเกษตรแบบยั่งยืน รัฐบาลจะต้องเข้าไปดูแลแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ที่ พปชร.นำเสนอคือไม่บิดเบือนกลไกตลาด แต่ถ้าบางช่วงเวลาราคาข้าวเป็นไปในลักษณะที่ชาวนาควรจะได้รับการดูแล พรรคจะให้การสนับสนุน คือเป็นการช่วยด้านปัจจัยการเก็บเกี่ยว และไม่ใช่นโยบายตายตัวว่าต้องทำทุกปี ไม่มีการบอกราคาว่าต้องให้เท่าไร ไม่เหมือนจำนำข้าวที่กำหนดราคามาเลย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวว่า พรรคใช้หลักการชะลอการขาย และใช้กลไกราคาตลาดเป็นตัวตั้ง ดังนั้นไม่มีการรับซื้อสูงกว่าตลาดเหมือนกับโครงการรับจำนำข้าว เราเชื่อว่านโยบายที่ทำจะสร้างเสถียรภาพราคาได้อย่างยั่งยืน
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เรียกร้องให้ กกต.ดำเนินการตามมาตรา 57 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ให้การกำหนดนโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้ในการประกาศโฆษณา ต้องคำนึงถึงความเห็นของสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมือง ต้องมีวงเงินที่ใช้ ความคุ้มค่า ประโยชน์ ผลกระทบ และความเสี่ยง หากพรรคการเมืองไม่ได้ทำรายการเหล่านี้ ให้ กกต.สั่งดำเนินการให้ถูกต้อง ถ้าไม่ทำจะมีความผิดตามมาตรา 121 มีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท ปรับวันละ 10,000 บาทตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง
โดยพรรคภูมิใจไทยได้ทำหนังสือถึง กกต.ไปเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.61 และ กกต.ตอบกลับมาเมื่อวันที่ 9 ม.ค.62 ว่าไม่มีกฎหมายกำหนดให้พรรคการเมืองต้องแจ้งนโยบายที่จะต้องใช้ประกาศหาเสียงกับ กกต. แต่พรรคภูมิใจไทยเป็นห่วงผลที่จะเกิดขึ้นภายหลัง จึงได้ทำหนังสือแจ้งนโยบายไปที่ กกต.เมื่อ 29 ธ.ค.61 ซึ่งพรรคการเมืองไม่แจ้งไว้ หากหลังเลือกตั้งไม่สามารถทำได้อย่างที่หาเสียงจะถูกฟ้องร้อง จะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และอาจส่งผลให้ กกต.ต้องถูกฟ้องร้องด้วย
"เรื่องนโยบายถ้าไม่มีการแสดงอย่างชัดเจนให้ กกต.ได้ตรวจสอบ เดี๋ยวจะมีปัญหาร้องเรียนกันภายหลัง ไม่ว่าจะบอกว่าลอกนโยบายกัน ไม่รู้จะเอาเงินมาจากไหน สุดท้ายผมเกรงว่าการเลือกตั้งจะไม่ชอบ กลัวว่าจะกลายเป็นโมฆะ เดี๋ยวก็มาร้องกันว่าพรรคการเมืองมาเสนอ กกต.ละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ กกต.จะติดคุกเอานะครับ นี่ผมเตือนนะครับ" เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยกล่าว
ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ว่าวันนี้ไม่ใช่เป็นการเลือกตั้งเพื่อที่จะเลือกว่าจะเอาข้างประชาธิปไตยหรือเอาข้างเผด็จการ แต่เป็นการเลือกตั้งที่จะตัดสินกันว่า เราจะอยู่ข้างประชาชน อยู่ข้างประเทศไทย หรือจะอยู่ข้างทักษิณ มีเท่านั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ตัดสินใจว่าจะเอาระบอบทักษิณกลับมาหรือไม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |