สถานะ'บิ๊กตู่'สุดพิเศษ วิษณุยํ้าต้องเป็นกลางพูดดีเบตเสี่ยงชี้นำ


เพิ่มเพื่อน    


    “อุตตม” เผยยังหารือถึงหนังสือสอบถาม กกต.เรื่องดีเบตของ “บิ๊กตู่” เจ้าหน้าที่ พปชร.หอบซองปริศนาไปยื่นในช่วงบ่าย อ้างแค่ซีดีหาเสียง “อิทธิพร” บอกยังไม่ได้รับหนังสือ ท่องสูตร “หัวหน้า-สมาชิก-แคนดิเดต” ประชันวิสัยทัศน์ได้ แต่กั๊กตอบกรณี “ประยุทธ์” วิษณุชี้เป็นเรื่องดีที่สอบถาม เพราะ 7 กกต.จะเป็นที่พิงหลังเหมือนกรณีให้ขึ้นรูปคู่ สถานะ “ลุงตู่” พิเศษไม่เหมือนใคร ทั้งยังสุ่มเสี่ยงหากพูดไม่เป็น “พรรคการเมือง” แห่กระทุ้งให้ขึ้นเวที “พปชร.” ลงทุน 1 ล้านบาทคลอดหนังสือโปรโมตเส้นทาง “พล.อ.ประยุทธ์”
    เมื่อวันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการทำหนังสือสอบถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรคขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ (ดีเบต) หรือช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียงได้หรือไม่ว่า กำลังหารือกันเป็นการภายในพรรคอยู่ ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งนั้น และจะส่งเอกสารไปถาม กกต.เมื่อไรนั้น ต้องรอให้เราเห็นสมควรก่อนว่าจะถามในประเด็นใด เรายังไม่ได้กำหนดยังอยู่ระหว่างหารือกัน
    ต่อมาในเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่ของพรรค พปชร.ได้นำหนังสือที่ลงนามโดยนายอุตตมมายื่นต่อนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ซึ่งคาดว่าเป็นหนังสือเพื่อสอบถามแนวปฏิบัติว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถขึ้นเวทีหาเสียงช่วยผู้สมัคร รวมถึงร่วมเวทีดีเบตได้หรือไม่อย่างไร มีขอบเขตข้อจำกัดมากน้อยเพียงใด แต่เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวปฏิเสธว่าเป็นซีดีหาเสียงเพื่อนำไปเผยแพร่ตามที่พรรค  พปชร.ได้รับการจัดสรรเวลาในการออกอากาศทางสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์เท่านั้น แต่ก็มีซองเอกสารอีกฉบับหนึ่งที่นำมายื่นด้วยซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเอกสารอะไร
    ด้านนายอิทธิพรกล่าวเรื่องนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือ แต่จากการตรวจสอบจากผู้บริหาร กกต. ทราบว่าหนังสืออาจยังมาไม่ถึง ถ้าหากได้รับหนังสือแล้ว กกต.ก็จะพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ซึ่งหลักการหากยึดตามระเบียบว่าด้วยการหาเสียง ผู้ใดที่เป็นหัวหน้าพรรค สมาชิกพรรค และบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ สามารถเข้าร่วมดีเบตที่ กกต.จัดขึ้นได้ ส่วนการลงพื้นที่พบปะประชาชนในเวทีอื่นๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะแคนดิเดตของพรรคนั้น ขอไม่พูดในประเด็นนี้ ขอให้เป็นมติของที่ประชุม กกต.ก่อน
    เมื่อถามว่าอีกมุม พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และมีตำแหน่งหัวหน้า คสช.ด้วย นายอิทธิพรกล่าวว่า   ประเด็นอื่นๆ เมื่อได้รับหนังสือหรือคำขอจากพรรค พปชร.ก็จะนำสู่ที่ประชุม กกต. ส่วนผลการหารือจะเป็นอย่างไรในแง่มุมใดบ้างขึ้นอยู่กับประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรค พปชร.และตำแหน่งที่ทับซ้อนของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น เรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงาน กกต.
    ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวเรื่องนี้ว่า การที่พรรค พปชร.จะสอบถามไปยัง กกต.ถือเป็นการดี เพราะมีความไม่ชัดเจนอยู่ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ต่างจากแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอื่นที่เป็นผู้สมัคร ตรงนั้นไม่มีปัญหา แต่คนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็นผู้สมัครอาจมีความหมิ่นเหม่อยู่ แต่ขณะนี้ไม่ทราบว่า พปชร.ถามไปหรือยัง และได้คำตอบแล้วหรือยัง ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าแคนดิเดตนายกฯ ควรร่วมดีเบตนั้นไม่มีใครสงสัย เพราะใครๆ ก็อยากดูอยากฟัง ตนเองก็อยากด้วย  แต่ปัญหาคือมีข้อจำกัดสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ 
สถานะ 'บิ๊กตู่' สุดพิเศษ
    “การที่ พปชร.นำรูป พล.อ.ประยุทธ์ไปขึ้นป้ายตามเวทีปราศรัยเพราะ กกต.บอกว่าทำได้ หากไม่บอกมาเช่นนี้ก็ไม่เชื่อว่าจะมีใครกล้า เช่นเดียวกับเรื่องดีเบต ถ้า กกต.บอกว่าได้จะได้สบายใจ หากมีการฟ้องร้องตรงนี้จะช่วยได้เยอะ ทั้งนี้หาก กกต.ตอบว่าได้แล้ว การจะไปหรือไม่อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์” นายวิษณุกล่าว
    นายวิษณุกล่าวอีกว่า ที่กฎหมายระบุให้ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง คำว่าเป็นกลางมีความหมายไม่ไปโน้มเอียงกับฝ่ายใด ถ้าดีเบตแล้วพูดนโยบายของตัวก็ถือว่าเป็นกลาง ซึ่งอาจคล้ายกับนโยบายพรรคอื่น เพียงแต่อย่าไปขานรับนโยบายพรรคไหนก็แล้วกัน จึงยากนิดนึงสำหรับคนที่เป็นนายกฯ อย่าง พล.อ.ประยุทธ์หากจะรับไปดีเบต แต่แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคอื่นไม่ยุ่งยากในเรื่องนี้ เพราะไม่มีสถานะเป็นข้าราชการ แต่ พล.อ.ประยุทธ์มีความจำเป็นตรงเป็นกลาง ดีเบตได้ เราก็อยากดู  แล้วดีเบตอย่างไรให้เป็นกลาง ถ้าทำได้ก็โอเค ถ้าทำไม่ได้ก็เสี่ยง และถ้าไปพูดถึงนโยบายพรรคก็ถือว่าเอนเอียง แต่ถ้าตอบให้เป็นนโยบายตัวเอง ถ้าตอบเป็นมันทำได้
    เมื่อถามว่า หากสิ่งที่พูดไปสอดคล้องกับนโยบาย พปชร. นายวิษณุสวนว่า ทำไมไม่คิดว่านโยบายพรรค พปชร.มาสอดคล้องกับรัฐบาล หากพูดเป็นมันไม่ขัดความเป็นกลางของข้าราชการ หากพูดไม่เป็นอันตราย และการดีเบตคือการตั้งคำถามเดียวกันให้ทุกคนตอบ บางคำถามเป็นคุณเป็นโทษ บางคำถามคนอื่น แต่บางคำถาม พล.อ.ประยุทธ์ตอบอย่างไรก็เสียเปรียบ ไม่ใช่ตอบไม่ได้ แต่จะถลำไปในสิ่งที่ท่านไม่ควรพูด ส่วนจะพูดคำว่าประชารัฐนั้น พล.อ.ประยุทธ์พูดได้ แต่ถ้าจะพูดว่าพลังประชารัฐนั้นอันตราย
    เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์มีสถานะเป็นคนนอกพรรค พปชร. การไปร่วมดีเบตเข้าข่ายชี้นำพรรคหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าก็มีโอกาสที่จะเป็นอย่างนั้น จึงเป็นห่วงว่าตอบเป็นหรือเปล่า เพราะสถานะของผู้สมัคร ส.ส.กับแคนดิเดตนายกฯ เทียบเท่ากันไม่ได้ มีความแตกต่างกันมาก 
ถามต่อว่า ความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถอ้างความเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการร่วมดีเบตใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้า กกต.บอกว่าได้จะได้หมดเรื่อง แต่การไปร่วมวงดีเบตยังนึกไม่ออกจะพูดนโยบายของตัว ของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือนโยบายของพรรค และโดยนิตินัย พฤตินัย  หรืออะไรก็ตาม วันนี้เราพยายามไม่ให้สองอย่างเชื่อมโยงกัน ฉะนั้นเวลาพูดท่านอาจตอบในนโยบายของท่านเอง อยู่ที่เทคนิคของผู้ร่วมวงดีเบตที่จะทำให้เห็นว่าสิ่งที่พูดเป็นนโยบายตัวเอง นโยบายพรรค  หรือนโยบายของหลายพรรค
    เมื่อถามถึงคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งเป็นหัวหน้า คสช.จะถือว่าขัดต่อการเป็นแคนดิเดตนายกฯ  รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า หัวหน้า คสช.ไม่ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามนิยามมาตรา 98 ของรัฐธรรมนูญ เพราะผู้ที่รับเงินเดือนของรัฐไม่ใช่ทุกคนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตราดังกล่าว และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยมีคำวินิจฉัยเมื่อปี  2557 ว่า คสช.ไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เนื่องจากไม่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีสถานะเป็นองค์กรหนึ่งที่ตั้งขึ้นชั่วคราวตามรัฐธรรมนูญ
บิ๊กป้อมท่องคาถา 'ไม่' ลูกเดียว
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีพรรคการเมืองเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าร่วมดีเบตกับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองต่างๆ นั้นว่า ไม่รู้และยังไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงนี้ เมื่อถามต่อว่าเป็นห่วงหรือไม่หาก พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีดีเบต พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าไม่เป็นห่วง และเมื่อถามต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ทาบทามให้ พล.อ.ประวิตรไปช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ๆ 
    ถามต่อว่าหนักใจหรือไม่ที่มีพรรคการเมืองยื่นเรื่องให้ กกต.พิจารณาคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าขัดคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกฯ พล.อ.ประวิตรตอบว่าไม่หนักใจ ถึงแม้ว่าพรรคการเมืองจะเร่งรัดให้ กกต.เร่งดำเนินการพิจารณาเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว ก็ให้ กกต.ดำเนินการตามวิธีไป
    ทั้งนี้ น่าสังเกตว่าการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร จะตอบเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงและกองทัพเป็นหลัก ส่วนประเด็นการเมืองจะตอบสั้นว่า "ไม่-ไม่รู้-ไม่มี" เท่านั้น
    ด้านความคิดเห็นของซีกพรรคการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) กล่าวว่า ต้องการให้เวทีดีเบตของไทยเป็นมาตรฐานเหมือนอย่างในต่างประเทศ ที่มีการส่งเสริมให้คนที่อาสามาทำงานให้ประชาชนได้พูดคุยกันในรูปแบบที่สร้างสรรค์ ซึ่งดีใจที่พรรคเพื่อไทย (พท.)  เห็นด้วยว่าควรมีเวทีดีเบต
    "ผมมองว่าการที่นักการเมืองสื่อสารข้างเดียวนั้น ประชาชนจะไม่ได้รับทราบข้อมูลที่ครบถ้วนและไม่ได้ตอบคำถามหลายอย่าง ทำให้ประชาชนไม่มีการนำข้อมูลมาเปรียบเทียบหรือหักล้างกัน ยกตัวอย่างในอดีตในยุคของนายสมัคร สุนทรเวช และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไม่ค่อยยอมไปดีเบต และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ไม่ค่อยได้เข้าร่วมประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงไม่ค่อยได้ตอบกระทู้อย่างที่ควรจะเป็น" นายอภิสิทธิ์กล่าว
    นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเวทีดีเบตที่ กกต.จัดอยู่ในขณะนี้เห็นว่ามีปัญหา ซึ่งเท่าที่รับทราบคือมีการจับคู่ดีเบตโดยไม่ได้เดินทางมาพร้อมกัน ซึ่งตนเองคู่กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งควรพยายามผลักดันให้เป็นเวทีที่เป็นมาตรฐานสากล
    คุณหญิงสุดารัตน ์เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรค พท.กล่าวว่า อยากเชิญชวน พล.อ.ประยุทธ์มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในการดีเบตของเวทีพรรคการเมือง เพราะในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องน่ายินดี และประชาชนจะได้ประโยชน์จากการนำเสนอแนวคิดของผู้นำแต่ละพรรค
    นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค พท.กล่าวเช่นกันว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีหาก พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าร่วมในวงดีเบตเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข้อมูลเพิ่มขึ้น ก่อนตัดสินใจเลือกว่าจะให้ใครหรือพรรคไหนเข้ามาบริหารประเทศ การพูดคุยในเวทีดีเบตต่างจากการพูดประจำในคืนวันศุกร์ ที่เป็นการพูดในเรื่องที่รัฐบาลต้องการให้ประชาชนฟัง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์จะเข้ามาตอบข้อสงสัยต่อสาธารณะทั้งในเรื่องคุณสมบัติ การควบบทบาทที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในขณะที่ท่านต้องลงแข่งขันทางการเมืองด้วย
    ขณะที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พท. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “แน่จริงอย่าหนีดีเบต” ทุกพรรคอยากดีเบตกับ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ท่านก็พายเรือหนี แถมสมัครพรรคพวกก็ออกมาปกป้องราวกับกลัวไข่กระทบหิน จะกลัวอะไรทำงานมาตั้งเกือบ 5 ปี และท่านก็พูดเสมอว่ารู้ทุกเรื่อง
    “เพื่อต่อให้ท่าน ผมบอกโจทย์ให้ก่อนก็ได้ คนเขาอยากรู้ว่าทำไมท่านจึงอยากสืบทอดอำนาจ ไม่เบื่อเป็นนายกฯ บ้างหรือไง คนเขาอยากรู้ว่าเมื่อ ส.ว. 250 คนดันท่านขึ้นมา ท่านจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทน แล้วจะมีวิธีอยู่รอดได้อย่างไร ผู้คนเขาอยากรู้ว่าท่านจะแก้เศรษฐกิจที่ตกต่ำเพราะพวกท่านได้อย่างไร” นายปลอดประสพโพสต์
     นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์มาดีเบตเช่นเดียวกับตัวแทนพรรคการเมืองคนอื่นๆ ก็เป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาพูดคนเดียวตลอด ทั้งไม่ฟังคำวิจารณ์จากผู้อื่น และเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นจะเป็นจุดอ่อนของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยหาก พล.อ.ประยุทธ์มาร่วมเวทีดีเบต แล้วถูกคนอื่นวิจารณ์ถูกต้อนกลางเวทีหรือระหว่างการออกอากาศทางโทรทัศน์ ก็ขออย่าได้เอาผิด กลั่นแกล้งหรือใช้อำนาจเล่นงานนักการเมืองที่วิจารณ์หรือช่องรายการที่จัดเวทีดีเบต
     นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทษช.กล่าวว่า หาก กกต.ให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาดีเบตได้ ก็ควรพิจารณาว่าจะยังจัดรายการทุกคืนวันศุกร์ต่อไปได้อีกหรือไม่ด้วย เพราะถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ 
อย่าดูถูก 250 ส.ว.
     ส่วนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ว่าพรรค พปชร.มี 250  ส.ว.เป็นทุนเดิมเลือกนายกฯ ว่า การสร้างวาทกรรมดังกล่าวเป็นการเริ่มต้นความขัดแย้งตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ทั้งที่ตอนนี้เข้าสู่ประชาธิปไตยแล้ว พปชร.เป็นพรรคที่อาสาเข้าสภาตามกลไกรัฐธรรมนูญ อย่าเอาเรื่องสืบทอดและรัฐประหารมาโจมตีกัน ส่วนกรณี ส.ว. 250 คนเป็นเรื่องที่เกิดก่อนจะมีพรรค พปชร.  และเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านการลงมติของประชาชน ที่สำคัญเป็นคำถามพ่วงที่แยกออกมาจากคำถามที่อยู่ในรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แยกออกมาชัดเจน ซึ่งประชาชนให้ความเห็นชอบ 13.9 ล้านเสียงที่จะให้มีกลไก ส.ว.ในการเลือกนายกฯ ในช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านประเทศ พปชร.เคารพกติกา เพราะคิดว่าถ้าไปวิพากษ์กติกาตั้งแต่เริ่มต้นจะนับหนึ่งไม่ได้ แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.เพราะเป็นกระบวนการที่อยู่นอกพรรค อีกทั้งยังอยู่ระหว่างกระบวนการสรรหา ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นใคร คนเหล่านั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรค
    เมื่อถามว่าคนที่เลือก ส.ว.คือ พล.อ.ประยุทธ์ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองตั้งประเด็นขึ้นมา ส่วนตัวเคารพในกลไกรัฐสภา เชื่อว่า ส.ว.เป็นคนมีคุณภาพ อย่าไปมองว่าคนเหล่านั้นไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นธรรมต่อวุฒิสภาที่กำลังจะเกิดขึ้น ต้องให้ความไว้วางใจเพราะเขาก็มีดุลยพินิจของตัวเองเช่นกัน  
    วันเดียวกันที่พรรค พปชร. นายอุตตมพร้อมแกนนำพรรคได้ร่วมแถลงเปิดตัวหนังสือ “ประชารัฐ สร้างชาติ” โดยเนื้อหาพูดถึงมุมมอง เส้นทางชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก ความเป็นมา คู่ชีวิต เหตุผลในการตัดสินใจเข้าบริหารประเทศ และการเข้าสู่การเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงทิศทางนโยบายสำคัญ และผลงานการบริหารประเทศตลอด 4 ปี ซึ่งหนังสือดังกล่าวมีทั้งสิ้น 157 หน้า จัดพิมพ์ 10,000 เล่ม โดยจะแจกให้ผู้สมัคร ส.ส.และทีมงานเพื่อใช้ในการรณรงค์หาเสียง
      นายอุตตมกล่าวว่า หนังสือดังกล่าวจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส.มีข้อมูลตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ และสิ่งที่ทำมาตั้งแต่ก่อนมาเป็นนายกฯ ไม่ใช่จัดทำเพื่อนำนายกฯ มาหาเสียง เพราะไม่ได้แจกจ่ายทั่วไปหรือวางขาย โดยต้นทุนเล่มละ 100 บาท ซึ่งรวมอยู่ในค่าใช้จ่ายในการหาเสียงแล้ว  
    ทั้งนี้ มีรายงานว่าหนังสือดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ได้ตรวจเนื้อหาทั้งหมดด้วยตัวเอง ก่อนที่จะมีการเผยแพร่และตีพิมพ์ และ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับมอบหนังสือดังกล่าวจากพรรค พปชร.แล้ว
    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวถึงหนังสือดังกล่าวว่า "ก็ดีนะ ดูสวยดี" เมื่อถามต่อว่า คิดว่าหนังสือเล่มนี้จะทำให้ประชาชนเข้าใจตัวตนของนายกฯ มากขึ้นหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า ก็เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนรู้จักตัวตนนายกฯ มากขึ้น
ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่มีการออกหนังสือเปิดเผยเรื่องราว ประวัติ ตัวตน และเหตุผลที่ต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ คนต่อไป แต่น่าเสียดายที่หนังสือไม่มีการจำหน่าย เพราะจะได้วัดความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์จากยอดขายของหนังสือได้ แม้จะมีหลายวิธีที่จะเพิ่มยอดขาย เช่น การจัดตั้งคนมาเหมาซื้อหนังสือ เป็นต้น และจะรับรู้ถึงความนิยมที่แท้จริงที่ประชาชนมีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ว่าไม่ได้เหมือนโพลที่คะแนน พล.อ.ประยุทธ์นำอยู่เสมอ.  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"