ทรัมป์พบคิมรอบสองพรุ่งนี้ : ครั้งนี้แค่ 'ปาหี่' ภาค 2 ไม่ได้แล้ว


เพิ่มเพื่อน    

    พรุ่งนี้ที่ฮานอย ประวัติศาสตร์หน้าใหม่จะถูกบันทึกอีกรอบหนึ่ง เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ พบกับ คิม จองอึน เป็นครั้งที่สอง
    กลางเมืองหลวงของเวียดนามในหลายวันที่ผ่านมา จะเห็นป้ายใหญ่ที่ประกาศการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐกับเกาหลีเหนืออย่างโดดเด่น
    เพราะเจ้าภาพมีความภาคภูมิใจที่ได้เล่นบทบาทนี้ อันเป็นการตอกย้ำว่าทั้งวอชิงตันและเปียงยางยอมรับสถานภาพสากลของเวียดนามไม่น้อย
    คำถามใหญ่สำหรับการพบปะระหว่างทรัมป์กับคิมในสองวันข้างหน้าก็คือว่า จะมีการประกาศข้อตกลงในรายละเอียดระหว่างสองประเทศนี้อย่างไรหรือไม่
    เช่น เกาหลีเหนือจะยอมบอกว่าจะเลิกโครงการนิวเคลียร์ของตนเมื่อไหร่, ด้วยวิธีการใด และจะสามารถตรวจสอบว่าจะทำตามนั้นได้อย่างไร
    ขณะเดียวกันอเมริกาจะยอมประกาศผ่อนผันหรือยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือหรือไม่ 
    หากไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมในสองหัวข้อนี้แล้ว การประชุมสุดยอดรอบนี้ก็จะหมดความหมาย
    จะกลายเป็นเรื่องที่ชาวโลกจะได้แต่ยิ้ม แต่หัวเราะไม่ออก
    เพราะเท่ากับเป็น “ปาหี่” ของสองผู้นำที่เพียงต้องการจะสร้างพาดหัวข่าว และหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะถูกเสนอชื่อได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเท่านั้น
    สัญญาณจากทรัมป์ก่อนบินมาประชุมที่ฮานอยดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรแน่นอน
    เช่น เขาบอกว่า “ผมไม่รีบร้อน” ที่จะให้เกาหลีเหนือเลิกอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด “เพราะผมมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับท่านประธานคิม จองอึน อย่างดี”
    แต่ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศไมค์ ปอมเปโอ ของสหรัฐ ก็ออกมายืนยันว่าจะยังไม่ยกเลิกมาตรการแซงก์ชั่นเกาหลีเหนือจนกว่าเปียงยางจะทำตามที่สัญญาในการประชุมสุดยอดครั้งแรก
    ตีความได้ว่าการเจรจาระดับรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้ามากพอที่จะทำให้ทรัมป์ตะโกนเสียงดังๆ ว่า “สันติภาพมาแล้ว”
    ผู้แทนสหรัฐในการเจรจากับเกาหลีเหนือคือ Stephen Biegun บอกว่าการพูดคุยกับเกาหลีเหนือช่วงที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องรายละเอียดของการจัดการประชุมสุดยอดที่ฮานอย
    เขายอมรับว่าหากจะให้บรรลุข้อตกลงได้ ก็คงจะต้องมีการเจรจากันต่อ
    หากจะมี “ปาฏิหาริย์” ก็คงจะเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันก่อนการประชุมสุดยอดรอบที่สอง เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุอะไรที่จะทำให้เราเชื่อได้ว่าจะมีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนเลย
    สื่อเกาหลีเหนือระบุเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า เปียงยางจะสามารถทำตามพันธะที่จะยกเลิกนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีได้ก็ต่อเมื่อภัยคุกคามนิวเคลียร์ต่อเกาหลีเหนือถูกปลดชนวนไปเช่นกัน
    พูดง่ายๆ  คือเกาหลีเหนือมีเงื่อนไขว่าเขาจะเลิกโครงการนิวเคลียร์ก็ต่อเมื่ออเมริกาถอนอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดที่มาติดตั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ออกไปเสียก่อน
    ประธานาธิบดีมูนแจอินแห่งเกาหลีใต้เคยบอกว่า เกาหลีเหนือพร้อมจะ “ทำลายอุปกรณ์นิวเคลียร์อย่างถาวร” ที่เมืองยองเปียน (Yongbyon) และยอมให้ผู้ตรวจการต่างชาติเข้ามาสำรวจตรวจสอบอีกบางสถานีได้ “หากอเมริกายอมตามเงื่อนไขเช่นกัน”
    แปลตรงตัวก็คือว่า เกาหลีเหนือต้องการให้อเมริกาถอยพร้อมๆ กัน...ไม่ใช่กดดันให้เปียงยางต้องเป็นฝ่ายยอมก่อนแต่เพียงฝ่ายเดียว
    อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือ คิมจะเดินทางจากเปียงยางมาฮานอยอย่างไร
    แรกๆ บางกระแสบอกว่าเขาอาจเดินทางด้วยรถไฟตลอดทาง เพราะเคยเชื่อกันว่าผู้นำเกาหลีเหนือคนนี้กลัวนั่งเครื่องบิน และพยายามหลีกเลี่ยงสายการบินหากทำได้ 
    ถ้านั่งรถไฟจริง คิมต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน และเดินทางไกลกว่า 3,000 กม. จึงจะถึงฮานอย 
    แต่แผนการเดินทางของเขามักจะปิดเป็นความลับสุดยอดจนถึงนาทีสุดท้าย 
    สื่อญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อ้างว่า คิมน่าจะเดินทางด้วยรถไฟส่วนตัวสีเขียวแถบเหลืองที่โดดเด่นไม่เหมือนใครจากเปียงยางข้ามพรมแดนไปยังเมืองตานตง (Dandong) ของจีนบริเวณพรมแดนของเวียดนาม แล้วนั่งรถยนต์ต่อเป็นระยะทาง 170 กม. ไปยังกรุงฮานอย 
    อีกกระแสหนึ่งบอกว่า คิมอาจโดยสารรถไฟตรงไปถึงกรุงฮานอยเลย
    หากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับต้องเดินทางรวม 4,153 กิโลเมตรทีเดียว 
    บีบีซีบอกว่าถ้าคิมนั่งรถไฟจากเปียงยางถึงฮานอย6ก็น่าจะไปหยุดที่สถานีซาลัม (Gia Lam) เพราะเป็นสถานีที่มีความกว้างของรางรถไฟตามมาตรฐาน" 
    หากแผนการเดินทางเป็นอย่างนี้ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันครึ่ง
    แปลว่าคิมต้องเผื่อเวลาเดินทางที่จะมาถึงเวียดนามในวันจันทร์ เพื่อให้ทันการประชุมสุดยอดที่คาดว่าจะจัดขึ้น 27-28 ก.พ.นี้ 
    ไม่ต้องสงสัยว่าทำไม คิม จองอึน จึงไม่ค่อยชอบเครื่องบิน
     คิม จองอิล พ่อของเขา และคิม อิลซุง ปู่ของเขา กลัวการขึ้นเครื่องบิน จึงหลีกเลี่ยงการเดินทางทางอากาศ แต่คิม จองอึน ก็ยอมนั่งเครื่องบินไปประชุมกับทรัมป์ที่สิงคโปร์ปีที่แล้วด้วยเครื่องบินของแอร์ไชน่าที่รัฐบาลจีนจัดให้พิเศษ
    ล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ คิม จองอึน ขึ้นรถไฟขบวนพิเศษจากเปียงยางแล้ว มุ่งหน้าสู่ฮานอยโดยผ่านประเทศจีน
    โลกกำลังจะเปลี่ยน คิมก็ต้องปรับ ทรัมป์ก็ต้องเปลี่ยน!.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"