บาทแข็งทำรายได้ส่งออกหายไปแล้ว 4 แสนล้านบาท


เพิ่มเพื่อน    

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในวันที่ 25 ก.พ. 2562 น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะเป็นประธานการประชุมประเมินสถานการณ์ส่งออกไตรมาส 1 ปี 2562 ร่วมกับตัวแทนภาคเอกชน เช่น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ (สรท.) และผู้ส่งออกในกลุ่มสำคัญต่างๆที่มีสัดส่วนการส่งออกสูงสุด 10 อันดับแรก โดยกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกปี 2562 ขยายตัว 8% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทั้งค่าเงินบาทแข็งค่า สงครามการค้าสหรัฐและจีน (เทรดวอร์) ราคาน้ำมันตกต่ำ การแข่งขันส่งออกสินค้าในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าตั้งแต่ต้นปี 2561 ต่อเนื่องจนถึงต้นปี 2562 หรือแข็งค่าขึ้นมาประมาณ 6% ทำให้รายได้จากการส่งออกในรูปเงินบาทสูญเสียไป 4 แสนล้านบาท หรือคำนวณจากการส่งออกสินค้าไทยในปี 2561 ที่มีมูลค่าประมาณ 8 ล้านล้านบาท ถือเป็นปัญหาใหญ่ของภาคการส่งออกในขณะนี้

“ภาคส่งออกที่ได้รับผลกระทบหนัก คือภาคเกษตรและอาหาร เพราะใช้วัตถุดิบภายในประเทศเกือบ 100% ไม่ได้รับผลดีจากการนำเข้าวัตถุดิบมาผลิต โดยการแก้ไขของผู้ส่งออกที่ผ่านมา คือพยายามหาวิธีลดต้นทุน เพื่อจะได้เสนอราคาสินค้าให้กับผู้ซื้อได้ถูกลง แต่พอลดมากๆเมื่อมาถึงจุดนี้ตั้งราคาลำบาก บางรายแก้ปัญหาด้วยการยอมขายขาดทุน บางรายแก้ปัญหาด้วยการลดกำลังการผลิต เพราะรู้ว่าขายไปก็ขาดทุน” นายวิศิษฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ แม้ว่าภาครัฐจะผลักดันให้ผู้ส่งออกทำประกันความเสี่ยงค่าเงินเพื่อแก้ไขปัญหาค่าเงินผันผวน แต่สถานการณ์ค่าเงินบาที่แข็งค่าขึ้นขณะนี้ ไม่ใช่ความผันผวน เพราะได้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจาก 34 บาท/ดอลลาร์ เหลือ 31 บาท/ดอลลาร์ และไม่มีแนวโน้มว่าจะอ่อนค่าลงภายใน 1-2 เดือน ทำให้ต้นทุนสินค้าเกษตรได้รับผลกระทบมาก ดังนั้นหากค่าเงินบาทยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าจะกระทบต่อขีดความสามารถการแข่งชันระยะยาว และทำให้ไทยเสียตลาดส่งออกสินค้าให้กับคู่แข่ง เพราะเมื่อขายแล้วขาดทุน จะเกิดการลดการผลิตจนถึงไม่ผลิต มีผลเสียต่อส่วนแบ่งตลาดส่งออกของไทย

“ได้หารือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งการประกันความเสี่ยงไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการมากนัก เพราะค่าเงินเกินระดับความผันผวนที่ควรจะเป็น ซึ่งทางออกเรื่องนี้คงต้องให้แบงก์ชาติผลักดันลดการใช้เงินสกุลดอลาร์สหรัฐ และมาใข้เงินสกุลทางตรงกับประเทศที่เป็นคู่ค้า เช่น ค้าขายกับจีนก็ควรจะใช้เงินหยวน โดยปัญหาทั้งหมดจะรายงานในที่ประชุมที่จะหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ด้วย รวมถึงสถานการณ์ของสงครามการค้าสหรัฐและจีน (เทรดวอร์) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเปลี่ยนแปลงทางการค้า ทำให้ตลาดผู้ซื้อระมัดระวังการใช้จ่าย” นายวิศิษฐ์ กล่าว  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"