โหมพีอาร์กลบขาลง รัฐบาลคสช.ปรับแผนขุดผลงานตีโต้ฝ่ายตรงข้าม


เพิ่มเพื่อน    

รัฐบาลคืนความสุขยิ้มแก้มปริ หลัง “อียู” ประกาศฟื้นสัมพันธ์ไทย “ลุงตู่” ระบุมาจากผลงานหนักตลอด 3 ปี ลั่นไม่ฝืนโรดแมปที่จะเลือกตั้ง พ.ย.2561 แต่กั๊กบอกต้องขึ้นกับกฎหมายลูก เตือนอย่าเพิ่งเหลิง สั่งปรับใหญ่การพีอาร์ผลงาน ชี้เป็นช่วงหน้าข้าวหน้าเหล้าเลือกตั้ง ต้องโหมประโคมสื่อทุกชนิด โดยเฉพาะโลกออนไลน์

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม คณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ได้มีการประชุมก่อนจะออกแถลงการณ์ในหัวข้อ “Council conclusions on Thailand” ซึ่งมีทั้งสิ้น 14 ข้อ โดยสาระสำคัญคือการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในทุกระดับ หลังจากอียูระงับความร่วมมือทางการเมืองกับไทยเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว เพื่อประท้วงการทำรัฐประหารเมื่อปี 2557
ทั้งนี้ แถลงการณ์ของอียูระบุว่า ความคืบหน้าทางด้านการเมืองของไทยในปี 2560 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้คำมั่นเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ว่า จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือน พ.ย.2561 นั้น ทำให้เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่อียูจะกลับมารื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองในทุกระดับกับรัฐบาลไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อช่วยปูทางไปสู่การเจรจาที่สำคัญเรื่องผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งเรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ตลอดจนหนทางสู่ความเป็นประชาธิปไตย

“อียูยังคงย้ำข้อเรียกร้องให้ไทยเคารพสิทธิมนุษยชน เสรีภาพขั้นพื้นฐาน เสรีภาพในการแสดงออกและการรวมตัวกัน ซึ่งถูกปิดกั้นนับตั้งแต่เกิดรัฐประหาร โดยอียูจะเริ่มรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะใช้โอกาสนี้หยิบยกประเด็นที่เป็นข้อเป็นห่วงของอียูมาเจรจากับทางการไทยต่อไป” แถลงการณ์ระบุ

นอกจากนี้ อียูยังจะพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ กับรัฐบาลพลเรือนชุดใหม่ที่ได้รับเลือกตั้งตามกระบวนการประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในเรื่องนี้ว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับไทย เพราะเป็นสิ่งที่เราได้พยายามทำมาโดยตลอดในเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งในส่วนของกระทรวงต่างๆ และเวลาไปพบปะพูดคุยกับประเทศสมาชิกอียู โดยให้ความสำคัญกับอียูในฐานะที่เป็นตลาดการส่งออกของไทย ทั้งการค้า การลงทุน ซึ่งมีทั้งที่อียูมาลงทุนในไทย และไทยไปลงทุนในอียู ฉะนั้นสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือให้อียูเข้าใจการบริหารราชการแผ่นดินของเราในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยทุกประเทศที่มาเยือนไทยก็ได้ให้แผนการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล และ คสช. เพื่อให้ดูทั้งหมดว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปบ้าง ซึ่งมีเป็นร้อยเรื่อง และเคยแจกให้สื่อมวลชนด้วย แต่สื่อมวลชนไม่สนใจกันเอง รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อมีตัวแทนรัฐบาลไปพูดในประเทศสมาชิกอียู ทั้งในรอบและนอกรอบ ซึ่งก็ได้ผลออกมาแบบนี้ และกระทรวงการต่างประเทศก็ตามเรื่องมาตลอด

ย้ำไม่ฝืนโรดแมป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า วันนี้เขาเห็นว่ามุ่งมั่นและเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการเดินหน้าประเทศ และเราได้แก้ไขปัญหา เหตุติดขัดมากมายหลายประการ เรื่องกฎหมาย การอำนวยความสะดวก เขาได้เห็นความตั้งใจของรัฐบาล และเขาไม่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขอะไรออกมาว่าต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเพียงแต่ทราบว่าเรามีโรดแมปการเลือกตั้งในเดือน พ.ย.2561 ที่ได้ประกาศไป ซึ่งไม่เคยฝืนโรดแมป แต่อธิบายเพิ่มเติมไป ซึ่งเขาถามมาว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ก็บอกว่าติดอยู่ที่กฎหมายลูก ซึ่งรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ เมื่อกฎหมายลูกเสร็จเมื่อไรก็สามารถประกาศวันเลือกตั้งได้ตามโรดแมป ฉะนั้นจะเลื่อนเข้าหรือเลื่อนออก ก็ยังเป็นไปตามโรดแมป ปีที่แล้วเหตุที่ต้องเลื่อนโรดแมป เพราะมีงานพระราชพิธี แล้วจะไม่เลื่อนได้อย่างไร จะปั่นป่วนกันได้อย่างไร

“วันนี้ต้องดูและคำนึงถึงความปลอดภัยเรื่องสถานการณ์ภายในประเทศของเราด้วย ผมคิดว่าทุกประเทศเข้าใจ เหลือแต่คนในประเทศของเราไม่ค่อยจะเข้าใจกัน นักการเมืองก็พยายามพูดอะไรที่จะนำไปสู่ หรือให้เกิดความขัดแย้ง กดดันรัฐบาลและบิดเบือนอะไรต่างๆ ซึ่งมีเยอะแยะ เราก็เห็นกันอยู่ในคลิปอะไรต่างๆ พูดจริงและไม่จริงบ้าง แล้วก็บิดเบือนแสวงหาประโยชน์ไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าคนไทยต้องแก้ไขตรงนี้ ช่วยผมหน่อย ในการสร้างความเข้าใจกันใหม่ ดังนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีที่อียูมีมติเช่นนี้ และถือว่าไม่ใช่เงื่อนไข เพียงแต่เขาอยากเห็นไทยกลับสู่ประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ ประชาชนมีส่วนร่วม มีเสถียรภาพ เสรีภาพ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามที่จะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้น หากเราปล่อยทุกอย่างเละเทะตั้งแต่วันนี้ มันจะไปตรงนั้นได้หรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ผมกังวล” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ กล่าวเรื่องนี้ว่า ถือเป็นพัฒนาการทางการเมืองกับอียูที่ดีอีกขั้นหนึ่ง เป็นขั้นที่ผ่อนคลายท่าทีของอียูลง และจะทำให้การติดต่อกันในทุกระดับที่เป็นทางการ โดยเฉพาะทางการเมืองเดินหน้าไปได้ การแลกเปลี่ยนการเยือนเกิดขึ้นได้ หากเราเชิญเขามาไทย ถ้าเขาสนใจมาได้เลย ไม่มีข้อบังคับจำกัดใดๆ เช่นเดียวกัน ประเทศใดในอียูอยากจะเชิญไทยไปเยือนสามารถทำได้เลย ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ทำไม่ได้ โดยเฉพาะในระดับผู้นำทางการเมือง

“เห็นอย่างชัดเจนจากแถลงการณ์ของอียูทั้ง 14 ข้อ เรามีพัฒนาการที่ดีตลอดเวลาใน 3 ปีครึ่งที่ผ่านมา เราสามารถสร้างความพอใจในอียูหลายด้าน รวมถึงกระแสการเมืองระหว่างประเทศเป็นเหตุที่ทำให้เขาเองเห็นว่าควรเข้ามาคุยกับเรา เป็นการผสมผสานหลายปัจจัย เราต้อนรับด้วยความยินดีกับพัฒนาการครั้งนี้ แต่ไม่ต้องลิงโลดกันเป็นพิเศษ จากนี้ไปคงเห็นการติดต่อกันมากขึ้น เช่น เอฟทีเอค่อยๆ มาดูกันว่ามีความพร้อม เหมาะสมหรือไม่อย่างไร ถือว่าเป็นข่าวดีได้” นายดอนกล่าว

เมื่อถามว่า หากในอนาคตเกิดปัจจัยที่ทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไป อียูจะปรับระดับความสัมพันธ์ลงหรือไม่ นายดอนตอบว่า เป็นเรื่องหนึ่งที่จะอยู่ในขั้นตอนจากนี้ไปอีก 1 ปี โดยจะติดต่อแลกเปลี่ยนกันอย่างเป็นทางการนั้น มันอธิบายความกันได้ว่ามีเหตุอันใด แต่วันนี้ทุกฝ่ายของเราไม่มีคำว่าถ้าแล้ว เพราะเดินตามโรดแมป

นายดอนยังกล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ว่ามีความคืบหน้าสูงทีเดียว เพียงแต่ยังไม่ได้มีผลออกมาว่าไทยพ้นจากใบเหลืองหรือไม่ และจะออกมาเมื่อไร เหตุที่ยังไม่ออกเนื่องจากอียูเคยบอกกับไทยว่า เพราะไทยทำได้ดีมากจนต้องขอเก็บเป็นตัวอย่างให้ประเทศต่างๆ ได้รับรู้ อย่างไรก็ตาม เรื่องการฟื้นระดับความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทยกับเรื่องไอยูยูเป็นคนละเรื่องกัน แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเรื่องการฟื้นฟูระดับความสัมพันธ์ทางการเมืองเป็นนโยบายใหญ่ของอียู ส่วนเรื่องไอยูยูเป็นนโยบายย่อยเท่านั้น ย่อมมีผลต่อกันได้

เตือนอย่าเหลิง

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวในที่ประชุม ครม.ถึงเรื่องนี้ว่า ขอให้ทุกคนอย่าดีใจจนลืมเจตนารมณ์ของเรา โดยนายกฯ เชื่อว่าการส่งสัญญาณจากอียู เพราะเขาเข้าใจว่าปัจจุบันรัฐบาลแก้ไขปัญหาทั้งการบริหารราชการแผ่นดิน การรักษาความสงบเรียบร้อย รวมทั้งการวางยุทธศาสตร์ชาติ และที่สำคัญที่สุดคือเราพยายามตอบรับกฎกติกาที่สังคมโลกเห็นว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม โดยไม่เคยละเลย ทั้งการทำประมงผิดกฎหมาย การจัดการทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยเฉพาะเรื่องประมง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้อียูมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลไทย

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า รัฐบาลเป็นผู้คุมนโยบาย ไม่มีนโยบายไหนของรัฐบาลนี้เอื้อต่อการทุจริตอย่างที่มีข่าวในโซเชียลมีเดีย ดังนั้นนายกฯ จึงขอให้คนทั้งประเทศช่วยกันทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ดูภาพรวม อะไรที่ดีต้องช่วยกันส่งเสริม อะไรที่เป็นจุดอ่อนก็ช่วยกันแนะนำ ทางรัฐบาลยินดีที่จะรับแก้ไขทุกกรณี

“ท่านนายกฯ กล่าวว่า เราอย่าเหลิง เราต้องตั้งใจทำสิ่งที่เป็นเจตนารมณ์ของเราต่อไป นอกจากนี้ท่านยังกล่าวอีกว่า ขนาดคนต่างประเทศ เขายังเข้าใจเราเลย แล้วทำไมคนไทยด้วยกันถึงไม่ให้กำลังใจ หากเราจ้องจะหาจุดที่ผิดอย่างเดียว บอกรัฐบาลขาชี้ฟ้า ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามปาก ขาลงก็ขาลงตามปาก เพราะฉะนั้นเราอย่ามองเพียงปัญหาจุดเล็กๆ เราต้องมององค์รวม อะไรที่ต้องแก้ไข ท่านเสนอแนะ เรายินดีที่จะรับฟัง ที่ผ่านมาเราก็พยายามทำจนเกือบครบทุกเรื่อง” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

มีรายงานข่าวในที่ประชุม ครม.ว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้ชี้แจงว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่โหมดการเมือง ดังนั้นการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลต้องปรับตัว โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่มีข่าวดีกับรัฐบาล เช่น ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) จัดอันดับความยากจนของคนไทยลดลง และอียูรับระดับความสัมพันธ์ทางการเมืองกับไทย งานประชาสัมพันธ์ต้องเร่งทำให้สังคมเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลทำมานั้นเดินมาถูกทางแล้ว นอกจากนี้ ต้องปรับกลยุทธ์งานประชาสัมพันธ์ให้เท่าทันฝ่ายอยู่ตรงข้ามรัฐบาลที่พยายามดิสเครดิตมาโดยตลอด เพราะไม่อยากให้ผลงานที่รัฐบาลทำมาจำนวนมาก ต้องโดนกลบโดยเรื่องที่ไม่ดี ทั้งนี้ นายกฯ เน้นย้ำให้นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ เข้ามาดูแลการประชาสัมพันธ์ของรัฐมนตรีด้วย

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมร่วมกันของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม นายกอบศักดิ์ และตนเอง รวมถึงผู้เกี่ยวข้องแต่ละกระทรวงในเรื่องการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันชี้แจงตามบทบาทอำนาจหน้าที่ที่แต่ละกระทรวงต้องร่วมเข้ามาดูในเรื่องนี้ด้วย โดยสามารถระบุตัวบุคคลได้ชัดเจนว่าใครสามารถชี้แจงเรื่องใดได้บ้าง ทั้งข้อมูลบิดเบือนหรือข้อมูลที่ประชาชนสนใจ รวมถึงประเด็นร้อนทั้งเรื่องดีและที่มีผลกระทบในเชิงเสียหาย เราจะหยิบข้อมูลส่งให้ผู้เกี่ยวข้องแต่ละกระทรวงชี้แจงทันที และชี้แจงอย่างไรให้ส่งข้อมูลที่ชี้แจงกลับมา

สั่งเร่งพีอาร์ผลงาน

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า แต่ที่ผ่านมามักไม่มีการรับรู้ว่าชี้แจงผ่านช่องทางใดไปแล้วบ้าง ซึ่งการชี้แจงผ่านช่องทางออนไลน์ โซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่ข่าวแจก แต่คิดว่าไม่ได้รับการตอบรับที่ดีสำหรับสื่อมวลชน จึงต้องชี้แจงข้อมูลให้น่าสนใจ เช่น การแถลงผ่านโพเดียมให้มีการถาม-ตอบอาจน่าสนใจ ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องคุยกัน เพื่อให้การทำงานตอบรับต่อความประสงค์ของรัฐบาลที่อยากให้คนเข้าใจว่ารัฐบาลกำลังทำอะไร ทุกคนต้องรู้ในหน้าที่ของตัวเอง

“นายกฯ ได้สั่งแล้วว่าการทำงานอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำงานควบคู่กับการชี้แจง ซึ่งชี้แจงสิ่งที่ทำอย่างเดียวไม่พอ ต้องชี้แจงในสิ่งที่ไม่ได้ทำแล้วเขาหาว่าทำ รวมถึงชี้แจงสิ่งที่สังคมเข้าใจผิด บิดเบือนทุกเรื่อง ตรงนี้ทุกคนรู้ที่ผ่านมาเขาก็ทำอยู่แล้ว แต่อาจยังไม่บูม สัปดาห์หน้าจะหาวิธีว่าจะทำอย่างไรกันบ้าง ซึ่งนายกอบศักดิ์จะเข้ามาช่วย เพราะนายกฯ ระบุว่านายกอบศักดิ์มีจุดแข็งเรื่ององค์ความรู้ สุภาพ เรียบร้อย แต่คงไม่มีการแบ่งหน้าที่ในการตอบโต้ประเด็นการเมือง เนื่องจากนายกฯ ไม่ต้องการให้ตอบโต้ในประเด็นนี้มากนัก” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

ด้าน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวลือบิดเบือนต่อรัฐบาลออกสื่อออนไลน์มากในช่วงนี้ ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มักมีคนเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน แต่ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด ในระยะหลังนี้มีการบิดเบือนข้อมูลรัฐบาลแบบนี้ออกมามากขึ้น อาจเป็นไปได้ว่าเป็นช่วงที่ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกที จึงมีความเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งนายกฯ ไม่ได้กังวลในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด นายกฯ มีแต่ตั้งใจทำงานให้ประชาชน และไม่ได้สั่งการศูนย์ไซเบอร์ให้ตรวจสอบในเชิงลึกแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า มีการตรวจสอบหรือไม่ว่าแหล่งที่ปล่อยข้อมูลบิดเบือนดังกล่าวมาจากเซิร์ฟเวอร์จากต่างประเทศหรือในประเทศ พล.อ.วัลลภกล่าวว่า หากพบว่าเซิร์ฟเวอร์ต้นทางอยู่ในต่างประเทศคงขอความร่วมมือในการปราบปรามได้ยากอยู่บ้าง ส่วนกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ยังเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เราทราบข่าวกันอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะผสมกันระหว่างกลุ่มการเมืองและกลุ่มที่มุ่งโจมตีรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง แต่เราต้องขอความร่วมมือไปยังทุกภาคส่วนในการติดตามบุคคลและข้อมูลข่าวสารต่างๆ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"