เตือนคสช.สุมฟืนเข้าเตาไฟ!


เพิ่มเพื่อน    

 “บิ๊กจิน” ยันไม่ห้ามม็อบแสดงความเห็น แต่อย่าละเมิดกฎหมาย “อภิสิทธิ์” เตือนสุมไฟ หาก คสช.เห็นเล่นบทโหด “ทั่นเต้น” อัดมาร์คอย่าคิดเป็นพระเอกถ่ายเดียว เตะตัดขาเด็กทั้งที่ทำเพื่อประชาธิปไตย ลั่นแดงพร้อมร่วมขบวนแต่ไม่ขอนำ “มีชัย” เผยอย่าฟันธงล้มกฎหมายลูกล่วงหน้า
เมื่อวันจันทร์ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งว่า เรื่องการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการเห็น แต่ขึ้นอยู่ที่ความพร้อมของกฎหมายลูกต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทยอยออกมาบังคับใช้ ถ้าพร้อมทั้งหมดก็ต้องเดินหน้าตามกระบวนการแน่นอน 
“รัฐบาลไม่ได้จำกัดสิทธิในการแสดงความเห็นเรื่องนี้ แต่มีหลายประเด็นที่ทุกคนต้องคำนึง ไม่ให้การกระทำสิ่งหนึ่งไปละเมิดอีกสิ่งหนึ่ง ต้องแยกให้ดีระหว่างประชาธิปไตย การเลือกตั้ง และการละเมิดสิทธิ์ เพราะบางส่วนมีความคาบเกี่ยวกัน ยืนยันว่ารัฐบาลอยากให้บ้านเมืองสงบอยู่แล้ว” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
ด้าน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ 
เมื่อถามว่าได้ประเมินหรือไม่ สถานการณ์ขณะนี้อาจพัฒนาจนบานปลายซ้ำรอย 14 ตุลาคม 2516  เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า คิดว่าทุกคนต้องร่วมมือช่วยกันทำให้บ้านเมืองเรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการดำเนินการ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ด้านการข่าวก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง 
    พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในการประชุมสำนักเลขาธิการ คสช.ได้กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่จะเข้าสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการไทยนิยม ยั่งยืน บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและทุกภาคส่วนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ในการลงพื้นที่พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนเพื่อค้นหาความต้องการของประชาชน นำไปเสนอรัฐบาลตามกรอบการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ใน 10 เรื่องตามวัตถุประสงค์ของโครงการไทยนิยม โดยขอให้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าวมากที่สุด        
ส่วนความคิดเห็นของซีกนักการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการต้องถามถึงการชุมนุมของกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยว่า กลุ่มคนดังกล่าวมีหมายมีคดีที่ค้างอยู่ แต่ได้แสดงออกว่าไม่กลัว อีกทั้งการชุมนุมในครั้งนี้เป็นการชุมนุมอย่างสงบ เมื่อถูกจับกลุ่ม เขาคิดว่าจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดแนวร่วม ซึ่งจะทำให้ คสช.อยู่ในสถานะลำบาก ถ้าไม่จับก็ไม่ได้ แต่ถ้าทำแบบเคร่งครัดเท่ากับเป็นการเติมฟืนเข้าเตาไฟ นอกจากนี้เหตุผลที่ทำให้กล้าชุมนุมมากขึ้น เพราะเขารู้ว่าสังคมกำลังไม่พอใจ คสช. ทั้งเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ การปฏิรูปที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความไม่แน่นอนและความน่าเชื่อถือ
แดงพร้อมร่วมขบวน
ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกล่าวเช่นกันว่า การที่ประชาชนออกมาเรียกร้องการเลือกตั้ง มันไม่ผิดทั้งในแง่ข้อกฎหมายและในแง่รัฐศาสตร์ เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนมีประโยชน์ต่อพัฒนาการทางการเมือง ที่น่าสังเกต ประชาชนที่ออกไปรวมตัวเรียกร้องการเลือกตั้งครั้งนี้ มีทั้งคนที่เคยสวมเสื้อเหลืองและเสื้อแดงมาร่วมเคลื่อนไหว สะท้อนว่าเป็นการสลายสีเสื้อ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์เรียกร้องมาตลอดไม่ใช่หรือ  เหตุใดจึงไม่รีบส่งเสริมและเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงออกอย่างเต็มที่ การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปิดปากคนคิดต่างเพื่อขู่ให้คนอื่นในสังคมกลัวนั้น มันเป็นแค่มุกฝืดๆ ของเผด็จการทั่วโลกทั้งเชยทั้งล้าสมัย ตบตาใครไม่ได้แล้วในโลกยุคปัจจุบัน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ไม่เข้าใจเจตนาของนายอภิสิทธิ์ที่ออกมาทำโพลเรื่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง แล้วอธิบายชี้นำไปว่าจะนำไปสู่ระบอบทักษิณ ทั้งที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มคือการเลือกตั้งตามโรดแมปเดิม ซึ่งตรงกับสิ่งที่ตัวเองเรียกร้องอยู่ ไม่ได้เกี่ยวกับขั้วอำนาจทางการเมือง เพราะถ้ามีเลือกตั้งทุกพรรคก็ลงสนามได้ แพ้ชนะอยู่ที่ประชาชน และไม่ใช่การล้มรัฐบาลด้วย เพราะถ้ามีการเลือกตั้งตามโรดแมป รัฐบาลนี้ก็ต้องพ้นไปตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
    “การก้าวเดินของคนหนุ่มสาวคืออนาคตของสังคมไทย หากไม่คิดช่วยเด็กก็อย่าไปเตะตัดขา ถ้ามีใครบอยคอตเลือกตั้ง 2 ครั้งแล้วร่วมขัดขวางกระบวนการลงคะแนนจนเกิดรัฐประหาร เป็นภาระให้ประชาชนต้องออกมาต้านเผด็จการก็ควรทบทวนตัวเองบ้าง ไม่ใช่คิดถึงแต่บทพระเอกของตัวเอง หรือจ้องจะยัดเยียดบทผู้ร้ายให้คนอื่น” นายณัฐวุฒิกล่าว
แกนนำ นปช.รายนี้กล่าวอีกว่า พรรคการเมืองหรือฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองจะต่อสู้กันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องภายใต้หลักการและกติกาประชาธิปไตย วันนี้สิ่งที่ควรจะเป็นคือ ช่วยกันทำให้บ้านเมืองกลับสู่แนวทางที่ถูกต้องโดยเร็ว แล้วให้ประชาชนตัดสินอนาคตประเทศ ส่วนกรณีที่มีเสียงเรียกร้องจากกลุ่มคนอยากเลือกตั้งให้นักการเมืองร่วมต่อสู้นั้น เป็นเรื่องเข้าใจได้ และคิดว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพียงแต่เห็นว่าในสถานการณ์นี้ด้านที่แข็งแรงที่สุดในการขับเคลื่อนคือพลังของคนหนุ่มสาว นิสิต และนักศึกษา เชื่อมั่นในวิจารณญาณของส่วนต่างๆ ว่าจะจัดวางบทบาทให้สอดคล้องได้ 
“นปช.เราไม่กลัวตกขบวน เพราะตั้งแต่เริ่มต้นก็ไม่เคยลงจากรถ และพร้อมเป็นแนวร่วมกับทุกฝ่ายที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยโดยสันติวิธี ไม่มีแนวคิดผูกขาดการนำ วันหนึ่งเราอาจเดินอยู่แถวหน้า แต่ในบางวันเราก็พร้อมร่วมไปในขบวนจนกว่าจะถึงเส้นชัย” นายณัฐวุฒิกล่าว 
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกระแสข่าวการคว่ำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่มีการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ว่าขณะนี้ยังไม่มีประเด็นใดที่ต้องกังวลต่อกรณีการลงมติไม่เห็นชอบ หรือคว่ำร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เพราะเชื่อว่า สนช.จะรับฟังเหตุและผลที่ กรธ.เสนอ  อีกทั้ง กรธ.ยังมีสิทธิ์เข้าชี้แจงต่อที่ประชุม สนช.เพราะถือว่าเป็น กมธ.
อย่าฟันธงเหตุยังไม่เกิด
“อย่าคาดเดาหรือกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดทั้งที่เหตุนั้นยังมาไม่ถึง ผมเชื่อว่าในชั้น กมธ.จะใช้วิธีพูดคุยกันตามเหตุและผล ไม่ใช่การโต้แย้งเพื่อเอาชนะคะคานกัน ส่วน กรธ.เองต้องรับฟังเขาเช่นกัน  หากเห็นว่าสิ่งที่เขายืนยันเป็นประโยชน์อาจจะเห็นด้วยก็ได้” นายมีชัยกล่าว
นายมีชัยกล่าวถึงข้อกังวลต่อกระบวนการทำร่าง พ.ร.ป.หลัง สนช.ลงมติไม่เห็นชอบว่า ตามรัฐธรรมนูญระบุว่าการทำร่าง พ.ร.ป.เป็นหน้าที่ของ กรธ. ดังนั้นเมื่อ กรธ.ยังอยู่และต้องอยู่ไปจนกว่าที่ร่าง พ.ร.ป.ทั้ง 10 ฉบับจะลงประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ต้องนำกลับมาพิจารณาและยกร่างใหม่ ซึ่งยืนยันว่า กรธ.ไม่มีเจตนายื้อเพื่อให้กระทบต่อกระบวนการทางการเมือง และหากมีเหตุการณ์ สนช.ลงมติคว่ำเนื้อหา กรธ.จะใช้เวลา 1-2 วันพิจารณาให้แล้วเสร็จ
     เมื่อถามว่าจะมีปัจจัยภายนอกที่ คสช.ให้ใบสั่ง สนช.เพื่อลงมติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า “จะมีหรือ หากมีผมจะขอใบสั่งบ้าง แต่ผมไม่บอกคุณว่าจะขอใบสั่งให้ไปทางไหน”
ส่วนนายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายว่า มีหลายประเด็นที่ กกต.ได้ทำความเห็นแย้งไป เชื่อว่าประธาน กกต.มีข้อมูลและรายละเอียดอยู่ในมือ จะสามารถชี้แจงต่อ กมธ.หรือหากต้องชี้แจงต่อที่ประชุม สนช.ก็เชื่อว่าจะชี้แจงได้หมด ซึ่งประเด็นที่ กกต.มีความเห็นแย้งเป็นการพิจารณาจากประสบการณ์ในการปฏิบัติ และมองว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เราไม่ได้มีการคาดเดาว่าจะปฏิบัติได้หรือไม่ได้หรือมีข้อขัดข้อง กกต.พร้อมปฏิบัติตามเมื่อออกมาบังคับใช้เป็นกฎหมายอย่างไม่มีอิดออด เพราะฉะนั้น สนช.ตัดสินออกมาอย่างไร กกต.ก็พร้อม    
"เราให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมา เมื่อกฎมายให้เราทำความเห็น เราก็ได้เสนอไปแล้ว ส่วนผลการพิจารณาของที่ประชุม สนช.จะเป็นอย่างไรเราก็พร้อมยอมรับ"นายประวิชกล่าว
เมื่อถามถึงกระแสคว่ำร่างกฎหมาย ส.ว.อาจทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป นายประวิชกล่าวว่าไกลเกินกว่าที่ต้องคิด. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"