กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

                ต้องเรียกว่า ฟิตเปรี๊ยะ 3 นายพลสีกากี ทั้ง บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพกรมปทุมวัน พร้อม บิ๊กอวบ-พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เจ้าของนามเรียกขาน พิทักษ์ 2 และ บิ๊กปู-พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พิทักษ์ 3 ที่เข้าร่วมทดสอบสมรรถภาพร่างกายข้าราชการตำรวจปีงบประมาณ 2562 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ณ สนามบุณยะจินดา ล้วนผ่านเกณฑ์การทดสอบทั้ง 3 ด่าน  โดยด่านที่ 1 ลุกนั่งตามเกณฑ์การทดสอบเป็นจำนวนครั้งใน 2 นาที ตำรวจที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี มีเกณฑ์การวัด 3 ระดับคือ 25 ครั้งขึ้นไปถือว่าดีมาก 6-24 ครั้งปานกลาง 5 ครั้งต่ำกว่ามาตรฐาน บิ๊กแป๊ะ ลุกนั่งได้ 25 ครั้งอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ด่านที่ 2 การดันพื้น เกณฑ์การทดสอบนับจำนวนครั้งที่ปฏิบัติใน 2 นาที ตำรวจที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี มีเกณฑ์การทดสอบคือ 25-51 ครั้งดีมาก 18-24 ครั้งปานกลาง 16-22 ครั้งพอใช้ และ 5-15 ครั้งต่ำกว่ามาตรฐาน จากการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ผบ.แป๊ะ สามารถดันพื้นได้ 30 ครั้งอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ส่วนด่านที่ 3 เป็นการทดสอบสมรรถภาพเดิน-วิ่งระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ตำรวจที่มีอายุตั้งแต่ 56 ปีขึ้นไปต้องวิ่งให้ได้ภายในระยะเวลา 20 นาที ผบ.ตร.  ใช้เวลาในการวิ่งเพียง 9.18 นาที แถม ผบ.แป๊ะ ยังโชว์ความฟิตวิ่งเพิ่มอีกเป็นระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลา 11.5 3 วินาที ซึ่งถือว่าร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ๐

                หากมองกันด้วยหุ่นทั้ง 3 นายพล ก็ต้องบอก บิ๊กอวบ-บิ๊กแป๊ะ อาจจะมีพุงไม่มากนัก หลายคนเลยไม่ค่อยเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่ที่อยากรู้คือ บิ๊กปู ที่ดูจะมีพุงมากกว่าเพื่อนร่วมรุ่น นรต.35 และรุ่นน้อง นรต.36 ผ่านแต่ละด่านได้เท่าไหร่ โดยเฉพาะด่านแรกลุกนั่งเป็นจำนวนครั้งใน 2 นาที ปรากฏว่า บิ๊กปู  ทำได้ 13 ครั้ง ถือว่าผ่านเกณฑ์ในระดับดีมาก ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ บอกถึงการดูแลตัวเองว่า "แม้ผมจะใกล้เกษียณแล้ว แต่เรื่องสุขภาพยังคงสำคัญอยู่ ซึ่งจะต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่สม่ำเสมอ" ...ต้องปรบมือดังๆ ในการเป็นแบบอย่างให้ตำรวจรุ่นน้องในการปฏิบัติ ในการดูแลสุขภาพ เพราะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เน้นย้ำว่า "วัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้บุคลากรมีความแข็งแรง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่"...เยี่ยมๆๆ ตำรวจแข็งแรงแบบนี้ ชาวบ้านก็อุ่นใจ ๐

                นี่ก็ฟิตไม่ต่างจาก ผู้บังคับบัญชา ตำรวจกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) ที่ บิ๊กก้อง-พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช นั่งกุมบังเหียน ผบก.ป. นายพลหนุ่มแน่น นรต.50 จัดทดสอบสมรรถภาพร่างกายข้าราชการตำรวจปีงบประมาณ 2562 เช่นเดียวกัน แม้ตามเกณฑ์มาตรฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำหนดการทดสอบสมรรถภาพเดิน-วิ่งระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ตำรวจที่มีอายุตั้งแต่ 56 ปีขึ้นไปต้องวิ่งให้ได้ภายในระยะเวลา 20 นาที แต่ในฐานะหน่วยปฏิบัติอันเลื่องชื่อ ที่คนร้ายได้ยินต้องขาสั่นแทบฉี่ราด บิ๊กก้อง เลยขยับเกณฑ์ให้ลูกน้องหน่วยอาร์มสวยปฏิบัติในการทดสอบสมรรถภาพการวิ่งเพิ่มจาก 1.2 กม. เป็น 2.4 กม. หากเดินก็เพิ่มเป็น 3.2 กม. ภายในเวลา 20 นาที เรียกว่าโชว์ความฟิตเต็มที่ พร้อมส่งเสียงตามหลังลูกน้องที่ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ถ้าใครไม่ผ่านเกณฑ์จะให้แก้ตัวใหม่ในอีก 3 เดือนข้างหน้า แต่ถ้ายังตกซ้ำแล้วซ้ำอีก...ถือว่าไม่มีประสิทธิภาพเตรียมเก็บกระเป๋าย้ายออกจากหน่วยอาร์มสวยได้เลย...ฟังแล้วยะเยือก ๐

                ยอมรับตรงๆ อาจจะ ยาก ในการติดตามตัวผู้ปลอมแปลงราชกิจจานุเบกษาสั่งปลดผู้บัญชาการ 3  เหล่าทัพ เพราะแม้จะทราบตัวผู้กระทำผิดแล้วว่าเป็นใครบ้าง ซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกี่ยวข้องในการกระทำผิด โดยมีต้นตอเซิร์ฟเวอร์อยู่ในกลุ่มประเทศโซนยุโรป แต่ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (รอง ศปอส.ตร.) ก็บอกคงต้องใช้ระยะเวลา "หากอยู่ในภูมิภาคอาเซียนจะรวดเร็วกว่านี้ เพราะในการทำงานจะต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป" เรื่องนี้ขนาด บิ๊กโจ๊ก ที่คลี่คลายคดีมานับไม่ถ้วนยังไม่กล้าฟันธง ก็คงต้องบอกกันตรงๆ คดีนี้ ลอยนวล แน่ๆ ๐

แค่คำว่า หนักแผ่นดิน จากปาก บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) คำเดียวที่กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างร่วมงานสถาปนา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ก็กลายเป็นประเด็นร้อน แต่หากย้อนดูความต่อเนื่องของการพูดของ "บิ๊กแดง"  ก่อนจะมีการเปิดเพลงดังกล่าวในสถานีวิทยุในเครือข่ายกองทัพบก และเสียงตามสายในหน่วยทหารแล้ว ในการประชุมสำนักงานเลขาธิการ คสช.ช่วงเช้าวันเดียวกันนั้น บิ๊กเล็ก-พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม มีการพูดเรื่องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเร่งชี้แจง  ทำความเข้าใจปมที่นักการเมืองนำไปโจมตี บางเรื่องบิดเบือนและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็อยากให้หน่วยงานใช้สื่อที่ตัวเองดูแลอยู่เป็นช่องทางในการเผยแพร่ เพราะตอนนี้นักการเมืองรุมกินโต๊ะทหารที่ผูกติดกับ คสช.อย่างหนัก เพลง "หนักแผ่นดิน" จึงสะท้อนให้เห็นปฏิกิริยาที่อัดอั้นภายในใจผู้นำกองทัพในช่วงนี้ ๐

ที่ผ่านมาปมประเด็นที่จะทำให้กองทัพอ่อนแอ และแปรพักตร์ไปถือหางพรรคการเมือง เพื่อหวังว่าเมื่อพรรคการเมืองที่ตนเองเข้าหาขึ้นมามีอำนาจ จะหนุนส่งตัวเองให้เติบโตในชีวิตราชการ เคยทำให้กองทัพเกิดความแตกแยกมาแล้ว มาในยุค "บิ๊กแดง" จึงเป็นเรื่องท้าทายเลยทีเดียวในการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ที่จะทำอย่างไรให้ทหารทุกสายได้รับความเป็นธรรมเท่าเทียมกัน นำมาซึ่งความเป็นปึกแผ่น เข้มแข็งและเป็นเอกภาพ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ในกรอบกฎหมาย ทำให้บรรยากาศในการทดสอบร่างกายประจำปีที่กองบัญชาการกองทัพบก "บิ๊กแดง" จึงแสดงให้เห็นถึงความ สตรอง และ ยูนิตี ภายใต้การวิ่งเป็นหน่วยและพร้อมเพรียงกัน โดยมีทั้ง พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.หน่วยในระดับกองพลมาร่วมด้วย เช่น พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล. 1 รอ.) พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชากองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีผู้บังคับการกรมฯ จากกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) มาร่วมด้วย  เรียกว่าคอมีสีหรือไม่มีสีก็รักกันหมดตามที่ "บิ๊กแดง" บอกในตอนนี้ ๐

                เป็นอีกเรื่องที่พรรคการเมืองนำไปขายไอเดียในการหาเสียงคือ การยุบ กองบัญชาการกองทัพไทย ทำให้ พล.ต.กฤษณ์ จันทรนิยม โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) ต้องออกมาชี้แจงย้อนตรรกะว่า "คำถามจึงไม่ใช่ทำไมจึงต้องมีกองบัญชาการกองทัพไทย แต่สังคมควรถามว่า ทำอย่างไรเราจึงจะช่วยกันพัฒนาและเสริมสร้างให้กองบัญชาการกองทัพไทยสามารถขับเคลื่อนงานด้านการปฏิบัติการร่วมของกองทัพไทยอย่างมีประสิทธิภาพ" ...เพราะถ้าจะพูดตามจริงแล้ว การปรับให้เป็นแบบเดียวกับนานาอารยประเทศ ก็ต้องทำให้เหล่าทัพมาอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย โดยการให้อำนาจผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) คุมกำลังและงบประมาณ ง่ายต่อการควบคุมเหล่าทัพไม่ให้กระดิกมากกว่า แต่ที่ผ่านมายากที่ใครจะทำได้ เพราะเหล่าทัพประเทศไทยมีการยึดโยงกับหลายอำนาจ  และวัฒนธรรมองค์กรที่ฝังรากลึก ยากที่จะรื้อถอนด้วยการเลือกตั้งอย่างเดียว

                ส่วนประเด็นเรื่องงบประมาณ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดแถลงข่าวแจงยิบ การเพิ่มงบประมาณกองทัพในช่วง 4-5 ปีมานี้ไม่ได้เพิ่มอย่างมีนัยพิเศษ มีตารางละเอียดชี้แจงด้วยข้อมูล งดเว้นการตอบโต้ แถมยังเชิญนักการเมืองมานั่งคุยกัน เสนอความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และหลังการประชุมสภากลาโหมวันจันทร์นี้จะมีการชี้แจงประเด็นที่เสนอให้มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหารอีกรอบ...ศึกครั้งนี้จะชนะด้วยข้อมูลและการอธิบายคำพูดง่ายๆ รวมไปถึงการเผยแพร่ในโลกโซเชียลมีเดียแบบเปรียบเทียบได้อย่างไรนั้น ต้องดูฝีมือทหารในยุค 4.0...

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"