อนาคตใหม่ที่ย้อนกลับไปอดีต


เพิ่มเพื่อน    

                 ถ้าจะมองหาเรื่องเบาสมอง...

                ก็พอมีอยู่นะ

                วันก่อนเกิดสงครามเพลง

                ประเทศกูมี

                หนักแผ่นดิน

                เติมความปรองดอง สมานฉันท์ไปหน่อย

                เป็น....ประเทศกูมีคนหนักแผ่นดิน

                เห็นมั้ย มันอยู่ที่วิธีคิด

                ถ้าคิดแต่จะไล่งับกัน หลังเลือกตั้งคงได้ฟัดกันนัวเนีย

                แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างนำเสนอแนวความคิด วิธีการ แก้ปัญหาชาติ โดยไม่ท้าทายกัน

                มันก็จะไปจบที่ วาทกรรมอันโก้หรู....

                ความเห็นที่แตกต่างคือ ความสวยงามของประชาธิปไตย

                แต่วันนี้มองหาความแตกต่างที่สวยงามไม่ได้เลย 

                มีแต่การท้าทาย

                ยืนเท้าสะเอวชี้หน้าด่ากันทั้งสิ้น 

                ครับ...หลายพรรคการเมือง อาศัยความไม่รู้ของประชาชน ประโคมว่าจะตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหม

                จะรื้อโครงสร้างกองทัพ

                ที่หนักหน่อยบางพรรคประกาศจะแก้พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ให้นักการเมืองกลับเข้าไปมีอำนาจในการโยกย้ายทหาร

                เรื่องตัดงบกลาโหมพูดกันเยอะ จนเลอะ

                ตัวเลขมันทนโท่ รัฐบาลทุกยุคไม่ได้เติมเงินให้กองทัพจนไปเบียดบังงบประมาณด้านอื่นๆ

                สัดส่วนงบประมาณทุกกระทรวง เพิ่มไปตามเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีในสัดส่วนเดิมๆ

                ไม่มีกระทรวงไหนเพิ่ม หรือลด จนมีนัยสำคัญว่าจะกระทบต่องบประมาณโดยรวม

                และนักการเมืองที่จ้องตัดงบทหาร ส่วนใหญ่ล้วนผ่านเวทีการพิจารณางบประมาณแผ่นดินมาแล้วทั้งสิ้น 

                จะใสซื่อบริสุทธิ์ เพราะไม่เคยผ่านงานใหญ่ ก็ดูจะมีแค่ พรรคอนาคตใหม่ เท่านั้น

                ฉะนั้น ถามหน่อยเถอะ ไอ้คนที่ประกาศปาวๆ ตัดโน่นลดนี่ ที่ผ่านมาเคยคิดจะเสนอลดเงินเดือนตัวเองบ้างหรือเปล่า

                เห็นประกาศกันลั่น....

                ประชาชนไม่มีอะไรจะกินแล้ว!!!

                ทำไมไม่สงเคราะห์หน่อย

                ส.ส.หนึ่งคน กินเงินเดือนตัวเอง แสนบาท แล้วยังมีตำแหน่งพ่วง

                ที่ปรึกษา รับค่าตอบแทนเดือนละ ๑๖,๐๐๐ บาท

                นักวิชาการ รับค่าตอบแทนเดือนละ ๑๒,๘๐๐ บาท

                เลขานุการ รับค่าตอบแทนเดือนละ ๙,๖๐๐ บาท

                คูณไปซิครับ ๕๐๐ ได้เท่าไหร่       

                ประเภทจับชื่อลูกเมียยัดเข้ามาไม่ต้องทำงาน รับแต่เงินเดือน...ก็เยอะ

                ยังไม่เห็นมีพรรคการเมืองไหนยอมเฉือนเนื้อ....เสนอตัด

                ฉะนั้นนโยบายเกี่ยวกับกองทัพ ไม่ควรเกิดเพราะนักการเมืองหน้ามืด

                ไม่ควรมาจากความรู้สึก ต้องการแก้แค้น อยากเอาคืนทหาร 

                โดยเฉพาะพรรคตระกูลเพื่อ ย้อนกลับไปดูงบกระทรวงกลาโหม สมัยทักษิณ-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์ ต่างจากยุค คสช.มากหรือ

                หรือเพราะคิดว่าสถานการณ์แบบนี้ ตีทหารให้หนักเข้าไว้ แล้วคะแนนจะไหลมาเทมา

                ใช้ทหารเป็นเครื่องมือในมุมกลับ เพื่อปีนขึ้นสู่อำนาจ

                การปฏิรูปกองทัพควรจะเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะมีพื้นฐานมาจากความคิดที่ว่า ป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร

                เป้าหมายการปฏิรูปกองทัพ ควรอยู่ที่การเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันประเทศ เป็นหลัก

                หากอยากจะป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารกันจริงๆ นักการเมืองทำได้เลย

                คือ...ไม่โกง

                แต่...แทบทุกพรรคการเมืองก็ไม่มีความชัดเจนในนโยบายแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ว่าจะทำให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร

                ขณะที่ประชาชนยังต้องกล้ำกลืนฟังนักการเมืองลูกสมุนโจรปล้นชาติที่เคยอยู่ร่วมขบวนการโกง  ลอยหน้าลอยตาพูดเรื่องปราบการทุจริต อย่างไม่กระดากปาก

                ครั้งหนึ่งของการมีอำนาจ นักการเมืองบริหารประเทศเกิดความสูญเสียด้านงบประมาณ เป็นหมื่นเป็นแสนล้าน

                สารพัดค่าโง่ สารพันการโกง

                ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวเท่าไหร่

                ขาดทุนยับ ๖.๘๒ แสนล้านบาท

                แล้วรับผิดชอบอะไรบ้าง?

                หนีทำไม?

                กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณมากสุด ๒ แสนล้าน

                คนที่จ้องจะตัดงบ มีตัวเลขหรือเปล่าว่า กลาโหมบริหารงบประมาณสูญเสีย ผิดพลาดไปเท่าไหร่ 

                มีทหารหนีเพราะสร้างความเสียหายให้งบประมาณบ้างหรือไม่

                ฉะนั้นสิ่งที่นักการเมืองต้องทำอย่างเร่งด่วนคือ...

                ปรับตัวเองเสียก่อน                     

                แต่ไม่ใช่ปรับแบบที่พรรคอนาคตใหม่กำลังบอกว่า ถ้ามีอำนาจแล้วเจอกัน

                วันนี้คนรุ่นใหม่ พากันชื่นชม "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ส่วนหนึ่งเพราะอะไรรู้หรือเปล่า?

                ก็เพราะนักการเมืองรุ่นเก่าบางคนมันเฮงซวย

                ประเทศเปลี่ยนไปมากโข แต่นักการเมืองรุ่นเก่าพวกนี้ไม่เคยปรับตัว

                วนอยู่กับการเล่นเกมเพื่อชิงอำนาจ

                ฉะนั้นจะไปโทษว่าเด็กรุ่นใหม่ ไม่รู้เรื่องไม่ได้

                "ธนาธร" ได้เปรียบตรงที่เป็นหน้าใหม่

                ความดียังไม่มี ความชั่วยังไม่ปรากฏ

                คล้ายๆ กับสมัยที่ "ทักษิณ" เข้าสู่การเมืองใหม่ๆ

                ประชาชนอยากลองของใหม่

                แต่ลอง "ธนาธร" ต้องระวัง!

                "ธนาธร" พูดถูกอยู่เรื่องหนึ่ง คือ ร่วมกันทำภารกิจเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ เพื่อให้ประชาธิปไตยยั่งยืน ซึ่ง  ๘๖ ปี ยังทำไม่สำเร็จ               

                ใช่ครับ....ยังมีภารกิจที่ไม่เคยประสบความสำเร็จจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

                ถ้าจะเจาะลงไปการเมืองตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ ยันปี ๒๕๐๐ ผู้นำประเทศสลับขึ้นลงในหมู่คณะราษฎร                 แต่หลัก ๖ ประการของคณะราษฎร

                ...เอกราช

                ปลอดภัย

                เศรษฐกิจ

                เสมอภาค

                เสรีภาพ

                การศึกษา....

                ล้วนไปไม่ถึงฝัน

                สาเหตุเพราะอะไร

                หากคนรุ่นใหม่จะทำในสิ่งที่ "ธนาธร" ชักชวน อย่างแรกที่ต้องทำคือ กลับไปศึกษาการเมืองหลังปี  ๒๔๗๕ เสียก่อน

                แค่ปีแรกของการปกครองประเทศโดยคณะราษฎร ก็เกิดการรัฐประหารแล้ว

                เหตุการณ์ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๖ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาปิดสภาผู้แทนราษฎร พร้อมงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา

                เหตุสืบเนื่องจากการนำเสนอเค้าโครงเศรษฐกิจของนายปรีดี พนมยงค์

                ฉบับที่เรียกว่า "สมุดปกเหลือง"

                ที่หลายฝ่ายมองว่า คล้ายกับเค้าโครงเศรษฐกิจของคอมมิวนิสต์

                ก่อให้เกิดความเห็นขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในหมู่คณะราษฎรด้วยกันเอง

                นั่นคือเบื้องแรกของความขัดแย้งทางการเมือง ที่เกิดขึ้นทันทีหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง

                คนรุ่นใหม่จึงต้องเรียนรู้ว่าความขัดแย้งมีสาเหตุจากอะไร

                และจะระงับด้วยอะไร

                ฝ่ายที่นับถือปรีดีมีเยอะ เช่นเดียวกับฝั่งที่ชื่นชอบจอมพล ป.ก็มีไม่น้อย

                คณะราษฎรได้อำนาจมา แต่จัดสรรและบริหารการใช้อำนาจไม่ได้

                ความล้มเหลวจึงตามมา

                คณะราษฎรไม่ลงรอยกันจนถึงปี ๒๕๐๐ ก่อนเข้าสู่ยุคการรัฐประหารต่อเนื่องยาวนาน นั่นคือการปูพื้นฐานให้การเมืองไทย

                และเป็นมรดกสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้

                ฉะนั้นถ้าจะย้อนกลับไปทำในสิ่งที่คณะราษฎรทำไม่เสร็จ ก็ต้องย้อนถามก่อนว่า แล้วจะขจัดความขัดแย้งที่มีได้อย่างไร

                คนรุ่นใหม่ คิดกันออกหรือเปล่า

                ในขณะที่คณะราษฎรเองยังทำไม่ได้

                อีกสิ่งที่ต้องตระหนักให้มาก พรรคอนาคตใหม่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงประเทศแบบถอนรากถอนโคน

                มีกลิ่นของการปฏิวัติวัฒนธรรมเจือจางอยู่

                ถ้านึกไม่ออก ลองไปดูการปฏิวัติวัฒนธรรมในจีนเป็นตัวอย่าง

                ถ้าอยากจะเลือกอนาคตใหม่ ที่พาย้อนอดีตไปหาคณะราษฎร คนรุ่นใหม่ต้องทำการบ้านให้หนัก

                แค่กรี๊ดว่า...ฟ้ารักพ่อ เพราะพ่อฟ้าหล่อ...

                มันไม่พอ.

                ผักกาดหอม

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"