“ประยุทธ์” แจงงบกองทัพได้ตามปกติเหมือนทุกกระทรวง ซัดนักการเมืองแกล้งโง่ไม่เข้าใจกฎหมาย ปั่นกระแสสร้างความเกลียดชัง ข้องใจมีคนมุ่งทำร้าย “สถาบัน-ทหาร” หรือไม่ “บิ๊กป้อม” ได้ทียกเหตุ “ซี 130” แสดงถึงความจำเป็น ทอ.ชี้นักบินปฏิบัติตามหลักมาตรฐานสากล
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า นับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2551 เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการหดตัว ทำให้ภาครัฐเข้ามามีบทบาทช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และเร่งผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนตามมา ซึ่งการลงทุนภาครัฐก็ถือเป็นอีกค่าใช้จ่ายที่จะส่งผลกระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศ โดยในปีงบประมาณ 25561 รายจ่ายประจำมีสัดส่วน 73% และรายจ่ายลงทุนของภาครัฐมี 22% ของงบประมาณ ซึ่งรัฐบาลได้เร่งลงทุนในโครงการต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สัดส่วนการลงทุนภาครัฐปรับขึ้น 5% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ไทยมีหนี้สาธารณะเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) อยู่ที่ 41.8% ซึ่งแม้ต่ำกว่าเกณฑ์สากลที่ 60% แต่รัฐบาลนี้ก็ให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการคลัง เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ทั้งในระยะปานกลางถึงระยะยาว หากเปรียบเทียบแล้วระดับการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ขณะที่การลงทุนในประเทศอื่นๆ สามารถฟื้นตัวกลับมาแล้ว ซึ่งแนวทางสำคัญที่รัฐบาลนำมาใช้คือ โมเดลธุรกิจแบบร่วมทุน หรือการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ที่เรียกกันย่อๆ ว่าพีพีพี ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทของโครงการ เช่น โครงการรถไฟฟ้า ที่รัฐร่วมลงทุนที่ดินและก่อสร้างให้ ส่วนเอกชนเป็นผู้ลงทุน ตัวรถ ระบบเดินรถและการเดินรถ ซึ่งเอกชนต้องรับความเสี่ยงจากผลประกอบการและต้องส่งมอบกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินของโครงการให้แก่ภาครัฐเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาสัญญา เป็นต้น จึงไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลนี้จะยกทรัพย์สินของรัฐให้เอกชนไปเลย
“ที่ผ่านมารัฐบาลนี้สามารถทำให้มีรถไฟฟ้าสำหรับพี่น้องประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ทั้งหมด 10 สาย รวมส่วนต่อขยาย เทียบกับก่อนเข้ามาบริหารประเทศ ซึ่งดำเนินการอยู่เพียง 2 สาย” นายกฯ ระบุ
นายกฯ กล่าวอีกว่า การลงทุนแบบพีพีพี นอกจากแบ่งเบาภาระของภาครัฐแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ภาครัฐสามารถบริหารงบประมาณแผ่นดินไปเร่งลงทุนในโครงการที่จำเป็นและสำคัญอื่นๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับศักยภาพของประเทศในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ด้วย ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐทั้งปวงต้องช่วยกันดูแลให้ รายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันตามกำหนดเวลา โดยต้องมองภาพแผนการใช้จ่ายในระยะปานกลางถึงระยะยาว เพื่อรักษาวินัยการคลังของประเทศด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงงบประมาณของทุกกระทรวง ทั้งฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายอื่นๆ ว่าให้ดูจากข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร รายได้ของประเทศเพิ่มขึ้นหรือไม่ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปีปัจจุบัน แล้วการจัดสรรงบประมาณให้แต่ละกระทรวงเพิ่มขึ้นอย่างมีสัดส่วนสัมพันธ์กันอย่างไร ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายความมั่นคง แต่ทุกกระทรวงย่อมกำหนดสัดส่วนในงบประมาณรายรับ-รายจ่ายอย่างชัดเจน รัฐบาลทุกรัฐบาลจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับทุกหน่วยงาน ทุกกิจกรรมทั้งในส่วนของประชาชน และในส่วนของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ซึ่งจะเห็นได้ว่างบประมาณที่ลงไปสู่ประชาชนมากกว่าเดิมในทุกมิติ จึงไม่อยากให้นักการเมืองและพรรคการเมืองนำมาหาเสียงที่คลุมเครือ ไม่ชัดเจน จนนำมาซึ่งการสร้างความเกลียดชัง โดยไม่มีหลักการ ไม่เข้าใจกฎหมายพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี หรือ พ.ร.บ.การเงินการคลังของรัฐ
“รัฐบาลนี้ยังไม่ได้ทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้น หรือกองทุนเงินสำรองของประเทศลดน้อยลงไปแต่อย่างใดนะครับ การใช้จ่ายงบประมาณด้านความมั่นคงก็ใช้งบที่ได้รับจัดสรร ใช้ในการซ่อมแซม จัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อให้สามารถดำรงสภาพและศักยภาพของกองทัพของเราทุกคน ดังนั้นสิ่งที่เราคนไทยควรระลึกถึง คิดให้ถูกต้อง ก็คือความมั่นคง ความมีเสถียรภาพศักยภาพความสงบเรียบร้อย เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ถ้าบ้านเมืองไม่มั่นคง ไม่มีเสถียรภาพ เราก็จะทำอย่างอื่นๆ ไม่ได้เลย สิ่งที่หลายคนพยายามโจมตีให้ดูว่าความมุ่งหมายอย่างไร คืออะไรนะครับ วันนี้มีเพียงทหารและสถาบันที่เข้มแข็ง หากจะมีใครมุ่งทำลาย 2 สิ่งนี้อยู่หรือไม่ ช่วยกันคิดดูนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีเครื่องบินซี 130 ของกองทัพอากาศ ที่นำคณะนายกฯ ไปตรวจราชการที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานีและกระบี่ เกิดใบพัดขัดข้อง หลังขึ้นบินได้ 45 นาที ต้องบินวนกลับมาเปลี่ยนเครื่องใหม่ ว่าเครื่องเก่าแล้ว กำลังคิดอยู่ที่จะปรับเปลี่ยน ก็ต้องดูงบประมาณ เมื่อถามว่าจากกรณีที่เกิดขึ้น ถือได้ว่างบประมาณของกองทัพยังจำเป็นในการนำไปซื้อยุทโธปกรณ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็จำเป็นและเครื่องนี้เก่าแล้ว ใช้มานานกว่า 30 ปีแล้ว และงบประมาณของกระทรวงกลาโหมจำเป็นอยู่แล้วในการซื้อยุทโธปกรณ์ รวมถึงงบประมาณของกระทรวงกลาโหมก็ใช้ไปตามความจำเป็น ไม่ได้มากขึ้น งบประมาณเท่าเดิมทุกอย่าง ประมาณ 7.5%
ถามต่อว่า กรณีที่เกิดขึ้นสามารถหักล้างข้อกล่าวหาบางพรรคการเมืองที่หาเสียงจะลดงบประมาณกองทัพได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า งบประมาณกระทรวงกลาโหมมีความจำเป็น เพราะต้องใช้กับประชาชนด้วย และใช้ในการป้องกันประเทศ ซึ่งมีความสำคัญก็ไปคิดดูแล้วกัน
ขณะที่ พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษก ทอ. กล่าวชี้แจงเรื่องนี้ว่า เครื่องบินซี 130 เลขที่ 60109 ของ ทอ. ออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 โดยมีภารกิจเดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งระหว่างบินขึ้นไปได้ 15 นาที นักบินได้ตรวจพบว่ารอบความเร็วของเครื่องยนต์ที่ 2 เกิดอาการสวิงส่ายไปส่ายมาเกินเกณฑ์ ไม่สามารถคอนโทรลเครื่องยนต์ได้ จึงต้องดับเครื่องยนต์กลางอากาศ ตัดสินใจบินกลับมาลงที่ท่าอากาศยานทหาร 2 เพราะเกิดเหตุขัดข้องของเครื่องยนต์
พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์กล่าวว่า มีคนถามกันมากว่าทำไมนักบินไม่นำเครื่องบินไปลงที่สนามบินเกาะสมุย และทำการแก้ไขเครื่องยนต์ เรื่องนี้ต้องขอชี้แจงว่า ทอ.ไม่มีช่างเครื่องยนต์ที่สนามบินดังกล่าว รวมถึงนักบินไม่สามารถทำการบินด้วยเครื่องยนต์ 3 เครื่องที่เหลือจากสนามบินสมุยได้ เพราะไม่ปลอดภัย ด้วยกฎระเบียบของสนามบินนานาชาติ หากสภาพเครื่องยนต์ขาดความพร้อม ห้ามไม่ให้ทำการบินขึ้นจากสนามโดยเด็ดขาด และเพื่อให้เกิดความมั่นใจ 100% ของนักบิน ถือว่าเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนปกติของการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ต้องทำตามขั้นตอนคือการบินกลับมาดอนเมืองเท่านั้น
พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์กล่าวอีกว่า พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. ได้รับรายการแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งต้องชื่นชมนักบินที่คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรกของผู้โดยสารระดับวีไอพี ดังนั้นเป็นการปฏิบัติที่ดีที่สุดในการตัดสินใจของนักบินกองทัพอากาศ ทั้งนี้ อยากให้ประชาชนเข้าใจด้วยว่าภารกิจของเครื่องบินซี 130 ลำดังกล่าวได้รับการตรวจเช็กบำรุงรักษาตามวงรอบตลอดเวลา แต่เนื่องจากมีอายุการใช้งานมาเกือบ 40 ปี ซึ่งเครื่องบินลำดังกล่าวบรรจุเข้าประจำการตั้งแต่ปี 2523 จึงมีโอกาสเกิดเครื่องยนต์ขัดข้องได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกระแสพรรคการเมืองเสนอให้ลดงบประมาณกองทัพว่า ทุกฝ่ายจำเป็นต้องไปศึกษาให้ดีในเรื่องของงบประมาณ ทั้งนี้ จะลดหรือการเพิ่มงบประมาณ หากทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็สนับสนุนทั้งนั้น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |