22 ก.พ. 2562 นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคมค้าปลีกไทย เปิดเผยว่าสมาคมเห็นด้วยที่คณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) บอร์ดทอท.) แยกสัญญาในการให้สิทธิบริหารพื้นที่ให้บริการในสนามบินแต่ละแห่งภายใต้ความดูแลออกเป็น 3 สัญญา ได้แก่ กิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (Duty Free) กิจกรรมเชิงพาณิชย์ (Retail, F&B, Service และ Bank) และกิจการให้บริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Duty Free Pick-up Counter) ออกจากกัน
“สมาคม ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยที่จะกำหนดเกณฑ์เงื่อนไขให้สิทธิสัมปทานร้านดิวตี้ฟรีของสนามบินสุวรรณภูมิเป็นแบบรายเดียว (Master Concession) โดยเห็นว่าควรจะแยกเปิดประมูลตามหมวดหมู่สินค้าอย่างน้อย 4 หมวด ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง,แฟชั่นและเสื้อผ้า, แอลกอฮอล์และยาสูบ และ เครื่องใช้ไฟฟ้า ควรเปิดประมูลหลายราย ลดการผูกขาด ไม่มีระยะเวลาสัมปทานยาว ยิ่งมีหลายรายยิ่งมีความโปร่งใส แข่งขัน Service"นายวรวุฒิ”นายวรวุฒิ กล่าว
นอกจากนั้น ยังเห็นว่าในการประมูลหาเอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่ในส่วนต่าง ๆ นั้น ภาครัฐหรือ ทอท.ควรได้รับผลประโยชน์ตอบแทนไม่ต่ำกว่า 30% โดยกำหนดระยะเวลาสัมปทานคราวละ 5-7 ปี แต่หาก ทอท. ระบุว่าบริหารจัดการยุ่งยากก็ควรจ้างเอเยนซี่มาบริหารแทน เพราะไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสูงมากนัก และเพื่อให้รับผลประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย
นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า ด้วยศักยภาพของไทยที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากปีละประมาณ 60 ล้านคน และกรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงอันดับหนึ่งของจุดหมายนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่กลับทำรายได้จากการช้อปปิ้งต่ำมาก เพราะมีผู้บริหารดิวตี้ฟรีเพียงรายเดียว หากมีหลายรายเข้ามาบริหารพื้นที่ให้มีความหลากหลากก็เชื่อว่าจะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้มากกว่า 5 หมื่นล้านบาท และผลประโยชน์เข้ารัฐมากขึ้นแทนที่จะให้รายเดียวผูกขาดอย่างปัจจุบันที่ให้ผลตอบแทนราว 15-19%
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับสนามบินอื่นมีผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี ได้แก่ สนามบินอินชอนของเกาหลีใต้ มีผู้บริหารดิวตี้ฟรี 12 ราย สนามบินฮ่องกง 4 ราย สนามบินชางงี สิงคโปร์ 3 ราย สนามบินนาริตะ 4 ราย แม้แต่กัมพูชา 3 ราย โดยสนามบินอินชอนมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพียง 1 ใน 3 ของไทย แต่มีผู้ประกอบการมากกว่าไทย
สำหรับรายละเอียดของเงื่อนไขการประมูลและประกาศเชิญชวนเอกชน (ทีโออาร์) ควรระบุการให้ผลตอบแทนขั้นต่ำให้รัฐที่ระดับ 30% และการให้คะแนนด้านเทคนิคมีน้ำหนักมากสุดก็มีโอกาสเกิดความไม่โปร่งใสได้ โดยขณะนี้ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีต่างชาติกำลังจับตาอยู่ทั้ง ล็อตเต้ ดีเอฟเอส เพราะมองว่าประเทศไทยควรจะทำได้ดีกว่าปัจจุบัน
นายวรวุฒิ กล่าวว่า ส่วนการประมูลบริการ Duty Free Pick-up Counter ควรเปิดประมูลและต้องไม่ให้ผู้ประกอบการดิวตี้ฟรีเข้าประมูล เพราะจะเห็นข้อมูลของคู่แข่ง และเห็นว่าควรจะมี Down town Dutyfree ในเมืองอย่างน้อย 3-4 ราย เชื่อว่าจะไม่กระทบกับผู้ประกอบการค้าปลีกรายเดิม เพราะร้านดิวตี้ฟรีทำมาเพื่อนักท่องเที่ยวไม่ใช่ผู้บริโภคในประเทศ และปัจจุบันก็มีสินค้าหนีภาษีและขายผ่านออนไลน์จำนวนมาก ทำให้ธุรกิจค้าปลีกเดือดร้อนอยู่แล้วขณะที่การบริหารพื้นที่ Retail นั้น ทางสมาคมเห็นว่า ทอท.ควรบริหารจัดการพื้นที่เอง โดยไม่ต้องผ่านบริษัทกลาง เพื่อไม่ให้สินค้าไม่แพงเกินไป เพราะที่ผ่านมามีการเช่าช่วงทำให้ค่าที่แพงขึ้นส่งผลราคาสินค้าอาหารภายในสนามบินสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ทิศทางของสมาคมต่อจากนี้ จะยังคงเฝ้าจับตาสถานการณ์การประมูล รายละเอียดเงื่อนไขของการประมูล ตลอดจนกระบวนการในการคัดเลือกผู้มีคุณสมบัติและการเปิดซองประมูล และรวมถึงกระบวนการหลังการประมูล ทุกขั้นตอน ที่ต้องโปร่งใส เป็นธรรมและ ตรวจสอบได้ สมาคมฯขอย้ำจุดยืนที่ชัดเจนมาตลอดว่า ไม่ว่าผลของการประมูลจะเป็นอย่างไร สมาคมฯยังคงยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ ตอนนี้เรารอทีโออาร์ออกมาก่อน คิดว่าข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับรู้ จะทำมุมมิบไม่ได้ อย่าเอาผลประโยชน์ประเทศชาติมาให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |