22ก.พ.62-เมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดี ที่สนามกีฬากลางจังหวัดชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่ภาคกลาง โดยมีกรรมการบริหารพรรค แกนนำพรรค และผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตหลายจังหวัดในภาคกลาง อาทิ ผู้สมัคร ส.ส.ชัยนาท สิงห์บุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร สุโขทัย ลพบุรี และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ร่วมปราศรัย นำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการในรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง รวมถึงนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาให้กำลังใจ ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมรับฟังกว่า 3,000 คน
นายอุตตม ปราศรัยว่า อีก 31 วันจะเข้าคูหากาเบอร์เลือกตั้ง เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย การเข้าคูหากาเบอร์เหมือนกับชี้ชะตาประเทศและกำหนดอนาคตของประชาชนว่าจะเดินหน้าไปทางไหน พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคใหม่ แต่แตกต่างจากพรรคอื่นจากของเดิม เราขอโอกาสพรรคพลังประชารัฐมีคนและนโยบายที่โดนใจ เรามีผู้นำที่พวกเราคำนึงแล้วว่าเหมาะกับสถานการณ์ของประเทศ ประเทศสงบมาได้ 3-4 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นมีความวุ่นวาย วันนี้ถ้าเดินหน้าต่อต้องมีผู้นำในรัฐบาลต่อไปที่จะสามารถรักษาความสงบสุขให้กับพวกเราได้นำพาประเทศก้าวหน้าไปนำความเจริญและประโยชน์ได้อย่างทั่วถึง นั่นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. วันนี้ เดี๋ยวนี้ ไม่มีใครเหมาะสมกว่า
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทำไมเราต้องสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคเรามีโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลสูงมาก เราต้องเป็นรัฐบาล พรรคเดินทางสายกลาง ในพรรคการเมืองอื่นมีแนวโน้มที่จะไม่ใช่ทางสายกลาง การจัดตั้งรัฐบาลถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่ถ้าเรามีคะแนนเสียงไม่พอเราสามารถรวมกับพรรคอื่นได้ ไม่ได้รังเกียจพรรคการเมืองอื่นใด เพราะเราคือทางสายกลาง บางคนบอกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ อยากให้ย้อนไปปี 2553 – 2557 บ้านเมืองมีแต่ม็อบ มีแต่คนเดินขบวน ประชาชนต่างจังหวัดได้แต่ภาวนาม็อบทั้งหลายจะกลับบ้านหรือหยุด จนได้ พล.อ.ประยุทธ์มาแก้ปัญหา
ชณะนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการบริหารพรรค ปราศรัยว่า วันนี้ไม่ได้มาเล่นๆ ได้ยินข่าวแว่วมา พลังประชารัฐมาชัยนาท มีบางพรรคนั่งนิ่งไม่ได้ พรุ่งนี้จะมาชัยนาท เดี๋ยวต้องรอดูกัน วันนี้ขอพูดถึง พ.ร.บ.ข้าว ที่มีปัญหาอยู่ มีอยู่แค่ 2 มาตราเท่านั้น คือ มาตรา 20 ที่ระบุว่า คนซื้อรับข้าวเปลือกต้องมีใบรับส่งข้าวไปให้กรมการค้า มาตรา 27 บอกว่าคนปลูกข้าวก่อนขาย ต้องไประบุด้วยว่าพันธุ์อะไร คนที่กังวลที่สุด ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นนายอนุชา นาคาศัย เพราะเชื่อว่ากฎหมายเหล่านี้ ยังไม่มีความพร้อมกับประเทศ
“วันนี้ขอยืนยันว่าแกนนำพรรคทุกคนยืนยันเสียงตรงกัน ถ้าเลือกเราได้เป็นผู้แทนราษฎร เราจะยกเลิกมาตรา 20 และชะลอการใช้มาตรา 27 เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ต้องเอา ส่วนตัวไปคุยกับเจ้าหน้าที่กรมข้าว ก็พบว่า สิ่งเหล่านี้ทำไม่ได้จริง วันนี้ชาวนาทำงานเหน็ดเหนื่อย แล้วให้ไปลงทะเบียนทั้งที่ยังไม่พร้อม จะให้ทำนาเสร็จ เอาข้าวไปขาย และชาวนาติดคุกอีก เงินก็ไม่ได้ ทำแบบนี้ใครจะเอา พลังประชารัฐไม่เอาแน่นอน วันนี้เราฟังเสียงประชาชนทุกคน อยู่กับดิน ทุกนโยบายทำจริง ทำได้ ทำทันที ไม่เหมือนบางพรรคจะบอกประชาชนไปดวงจันทร์ ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีคนพูดจาโจมตีว่ามันไม่ดี ถ้าแน่จริง ขอให้ประกาศไปเลยว่าจะยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”นายพุทธิพงษ์ ระบุ
ส่วนนายอนุชา ปราศรัยปิดท้ายว่า พรรค พปชร.กำลังจะเป็นพรรคใหญ่ที่สุดของประเทศ พี่น้องอาจสงสัยว่าทำไมเราจึงมาอยู่พรรค พปชร. จะบอกว่า หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบและตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ตนจึงตัดสินใจให้ภริยามาสมัคร ส.ส.ในสังกัดพรรคเล็กๆ เพราะไม่ต้องการเห็นคนไทยมีรบราฆ่าฟันกัน ไม่ต้องการเห็นการใช้ประชาชนมาเอาอำนาจให้ตัวเอง เราไม่อยากเห็นการปลุกให้คน ไปเดินถนน เพื่ออำนาจส่วนตัว เราไม่อยากเป็นใครเอาคนไทยไปเป็นตัวประกัน และการชุมนุมทุกครั้ง ตนไม่เคยนำประชาชนไปเข้าร่วมด้วย เพราะรู้ถึงเจตนาคนนำพาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ บ้านเมืองเรารบรามา 10 กว่าปี ตนจึงเลือกอยู่ในส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดความแตกแยก
“วันนี้ลุงตู่ เข้ามานำความสงบสุข ทำให้เห็นแสงสว่าง จึงมีผู้ร่วมอุดมการณ์สร้างพรรค พปชร.เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้งของประเทศไทย ทั้งนี้หากพรรค พปชร.ได้เป็นรัฐบาลครบ 4 ปี แล้วพี่น้องเกษตรกรยังเดือดร้อนอยู่ ผมจะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต เมื่อได้มีโอกาสเข้ามา แต่ทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องไม่ได้ ก็อย่าเป็นเสียดีกว่า” นายอนุชา กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |