"บิ๊กตู่" นำคณะเยี่ยมสุราษฎร์ฯ-กระบี่  ระทึก! C-130 ใบพัดดับ 1 เครื่อง ต้องบินกลับกรุงเปลี่ยนลำใหม่ อ้อนคนใต้มาด้วยความรักไม่มีอะไรขวางได้ พร้อมขอโทษที่มาช้า ลงทุนปีนตัดลางสาดชม "หรอยแรง" โชว์กวนกะละแม แถมฮัมเพลง "แต่ปางก่อน"
    ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง  เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลา 07.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ออกเดินทางด้วยเครื่องบิน C-130 ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติสมุย ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดกระบี่ 
    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุระทึกขึ้นเมื่อเครื่องบิน C-130 เลขที่ 60109 ของกองทัพอากาศ ซึ่งนายกฯ และคณะใช้เดินทาง โดยตามกำหนดการเดิมจะถึงท่าอากาศยานสมุยในเวลา 08.20 น. แต่ปรากฏว่าเมื่อเครื่องบินบินไปได้ประมาณ 45 นาที ใบพัดที่ 4 ของเครื่องเกิดขัดข้อง ทางกัปตันและเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจบินวนเครื่องกลับมาที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง เพื่อเปลี่ยนเครื่อง เป็นเครื่องบิน CN 295 เลขเครื่อง 16150 ของกองทัพบก ทำให้การลงพื้นที่ของนายกฯ ครั้งนี้ล่าช้าออกไปประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที 
    ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงลานอเนกประสงค์ ท่าเทียบเรือเกาะสมุย ต.หน้าทอน อ.เกาะสมุย เพื่อเป็นประธานในพิธีส่งน้ำประปาผ่านท่อลอดใต้ทะเลจากเมืองสุราษฎร์ธานีมายังเกาะสมุย ซึ่งมีระยะทางรวม 125 กิโลเมตร และเป็นโครงการวางท่อประปาที่ยาวที่สุดในประเทศ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้ง โดยทันทีที่เดินทางมาถึง นายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับกว่า 1,000 คน พร้อมยื่นมือทั้งสองข้างสัมผัสมือกับชาวปักษ์ใต้ โดยประชาชนได้ตะโกน "นายกฯ สู้ๆ" นายกฯ จึงทำมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู จากนั้นได้ร่วมชมการแสดงรำมโนราห์ ก่อนเป็นสักขีพยานในโอกาสที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหนังสือโครงการป่าชุมชน บ้านธารน้ำร้อน แก่ผู้แทน 1 ราย และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ภายในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.4-01) ให้ตัวแทนเกษตรกร จำนวน 10 ราย
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอโทษประชาชนที่เดินทางมาล่าช้าว่า “วันนี้เดินทางมาไกล แต่ยืนยันไม่มีอะไรจะมาสกัดกั้นการเดินทางของนายกรัฐมนตรีได้ แม้แต่เครื่องบินที่ใบพัดจะดับไปเครื่องหนึ่ง ผมก็บอกกับนักบินประจำเครื่องว่า แม้ใบพัดจะดับไปเครื่องหนึ่ง แต่ยังสามารถบินต่อไปได้หรือไม่ เพราะความจริงสามารถบินต่อได้ มีใบพัดแค่ 3 เครื่อง ก็นั่งมาหลายครั้งแล้ว แต่นักบินไม่ยอม ก็เลยต้องบินกลับไปที่กรุงเทพฯ บินกลับไปอีกครึ่งชั่วโมง เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่มา ไม่เช่นนั้นก็มาถึงสมุยเร็วกว่านี้ ต้องขอโทษประชาชนทุกคน และขอให้รู้ไว้เลยว่า การที่เราต้องซื้ออุปกรณ์กองทัพเป็นอย่างไร เพราะเป็นอย่างที่เห็น อีกทั้งไม่ใช่ผมเพียงคนเดียวที่นั่ง แต่ในวันข้างหน้าก็ต้องใช้ขนประชาชน และใช้ในยามที่เดือดร้อน เช่น พายุปาบึก ทุกคนก็ต้องขึ้นลำเดียวกับผม ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เครื่องบินบางลำอายุมากกว่าผมอีก เวลากำลังพลขึ้นยุทโธปกรณ์ ต้องยกมือไหว้ นักบินเองต้องยกมือไหว้ พร้อมบอกว่าอย่าเป็นอะไรนะเว้ย ปลอดภัยนะ เจ้าหน้าที่เสี่ยงกันขนาดนั้น เห็นใจเขาบ้าง นึกถึงคนใช้งานบ้าง ทุกคนเขามีความรับผิดชอบ”
    นายกฯ กล่าวว่า วันนี้โลกเปลี่ยนแปลง ต้องคิดให้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง อย่างปัจจุบันทุกคนอยากเขียน อยากแสดงความคิดเห็น จริงบ้างไม่จริงบ้างก็โพสต์ข้อความ สิ่งเหล่านี้บางครั้งก็สร้างความกดดัน ทำให้การทำงานยากขึ้น อะไรก็ไม่ได้ การเคลื่อนไหวต่างๆ ต้องให้คนในพื้นที่ เพราะถ้าให้คนนอกพื้นที่มาทำจะไปต่อไม่ได้ เพราะไม่รู้จริงถึงความเดือดร้อน รัฐบาลนี้ไม่ใช่เลือกข้างใคร ในวันข้างหน้าใครจะมาเป็นก็ได้ แต่ให้ทำอย่างที่ตนทำ คือไม่เลือกว่าเป็นพื้นที่ของใคร เพราะทั้งหมดคือคนไทยทั้งประเทศ อย่าไปแยกแยะคนนั้นคนนี้ 
    พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองหนึ่งที่ระบุจะควบคุมช่วยเหลือชาวนาอย่างแท้จริง รัฐบาลจะรับซื้อข้าวทุกเมล็ดจากชาวนานั้นว่า จะใช้งบประมาณจากไหนมารับซื้อในราคาสูง แต่ละปีชาวนาผลิตข้าวได้จำนวนกี่ล้านตัน จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ จะเอาคลังที่ไหนไปเก็บข้าว ซื้อมาแล้วจะบวกให้อีก 10-15 เปอร์เซ็นต์เป็นราคาขาย ที่ผ่านมาซื้อแล้วก็มาเก็บในคลัง เน่าอยู่แบบนั้น เพราะขายใครไม่ได้ ตนไม่ได้ว่าใคร แต่ก็ต้องสอนวิธีคิดใหม่ ต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบ รัฐบาลทำเองทั้งหมดไม่ได้ และไม่มีใครในโลกนี้ทำกัน ซึ่งพูดตรงกลาง ไม่ว่าใคร พรรคไหนจะออกมาพูดเช่นนี้ก็ทักท้วงทั้งหมด รวมถึงพรรคที่เอาชื่อตนไปขึ้นด้วย
    ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องอยู่กันด้วยความรัก ความสามัคคี วันนี้เรามีปัญหามากมายเราต้องแก้กันด้วยกฎหมาย ทยอยแก้ไข ถ้าไม่ใช้กฎหมายเรื่องจะทับซ้อนเป็นปัญหาหมักหมม ยืนยันไม่ได้ฟังข้อมูลจากราชการเพียงฝ่ายเดียว ตนไม่ฉลาดน้อยแบบนั้น ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ อยากได้นายกฯ อย่างไรก็ไปเลือกตั้งกันมา รักใครชอบใครก็เลือกคนนั้น แต่ต้องนึกถึงบ้านเมืองด้วยว่าจะอยู่ต่อไปอย่างไร
     "วันนี้ผมมาด้วยความรัก ถ้าไม่รักก็ไม่มา แม้เครื่องบินเหลือเพียง 2 เครื่องยนต์ก็จะมา แต่โชคดีเป็นเครื่องบินทหารมี 4 ใบพัด ดับไปใบหนึ่ง ถ้าบินต่อก็ได้ แต่มันก็เสี่ยงไปนิด จึงต้องกลับมาเปลี่ยน วันนี้รักทุกคน อย่าเกลียดชังฉันนักเลย เพราะถ้าตามใจมากก็จะเละเทะ ทุกอย่างต้องมีการหารือและแก้ปัญหา" นายกฯ ระบุ
    ต่อมาเวลา 12.10 น. ที่ชุมชน OTOP นวัตวิถีบ้านหินลาด หมู่ที่ 2 อ.เกาะสมุย นายกฯ เยี่ยมชมสวนลางสาดของนายประวิทย์ พรหมรักษ์ ซึ่งเป็นผลไม้ประจำถิ่นสายพันธุ์ และเป็นผลไม้ที่มีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมของคนภาคใต้ โดยนายกฯ ได้ตัดช่อลางสาดและชิม พร้อมชมเป็นภาษาใต้ว่า "หรอยแรง หรอยจังฮู้" ซึ่งแปลว่าอร่อยมากๆ และระบุอีกว่าจะกลับมาเยี่ยมเยียนอีก 
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์นั่งรถรางเยี่ยมชมสินค้าของชุมชนบ้านหินลาดและของดีเมืองสมุย โดยมีประชาชนมารอต้อนรับ พร้อมตะโกนบอก "รักลุงตู่ เอฟซีลุงตู่นะคะ" โดยได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับประชาชนอย่างอารมณ์ดี จากนั้นได้รับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับชุมชนบ้านหินลาด ก่อนจะทดลองชิมผลไม้ของภาคใต้ และชิมน้ำพริก พริกไทยดำ โดยทันทีที่ตักเข้าปาก นายกฯ ถึงกับสะดุ้ง เพราะมีรสเผ็ด พร้อมกล่าวว่า "สมัยหนุ่มๆ กินได้อยู่ แต่เดี๋ยวนี้แก่แล้ว"
    นอกจากนี้ นายกฯ ยังทดลองกวนกะละแมอายุยืน โดยระหว่างกวนได้ร้องเป็นเพลงว่า "กวนกะละแมกัน กวนกะละแมกัน" พร้อมชวนให้ชาวบ้านช่วยกันร้องเพลง จากนั้นนายกฯ ได้ใส่หมวกจักรยานที่ทำจากกะลามะพร้าว สินค้า OTOP นวัตวิถีบ้านหินลาด ขณะที่ชาวบ้านยังได้มอบปิ่นโตเป็นอาหารกลางวันให้กับนายกฯ หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์และคณะ เดินทางไปยังศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน ต.ปากน้ำ อ.เมืองฯ จ.กระบี่ โดยเป็นประธานในพิธีมอบธงสัญลักษณ์ในการจัดงานการแสดงศิลปกรรมร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, 2020 ให้กับ จ.นครราชสีมา ก่อนเป็นพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ให้แก่ราษฎร  1 ราย และมอบหนังสือโครงการป่าชุมชน บ้านคีรีวงศ์ ให้แก่ราษฎร 1 ราย 
    นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างมอบนโยบายแก่ข้าราชการและหน่วยงานในท้องถิ่นว่า ขอโทษที่มาช้า วันนี้ไม่ได้มาหาเสียง แต่มาเพราะคิดถึง และไปทุกที่ ยิ่งด่ายิ่งไป เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย พูดเรื่องการบ้านไม่ได้พูดการเมือง นั่งเฉยๆ กดดันรัฐบาล ไปไม่ได้ ล้มละลายทั้งประเทศ อนาคตเชื่อว่าประเทศจะมีสิ่งที่ดี ขอบคุณทุกคน และขอความระลึกถึงคนที่ไม่ได้มา
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ชมประติมากรรมจากไม้มะหาด และกล่าวกับประชาชนว่า “รักคนกระบี่ ไม่ใช่รักวันนี้ ไม่ใช่รักเฉพาะเลือกตั้ง แต่รักมา 5 ปีแล้ว ทำงานมา 5 ปีแล้ว พร้อมร้องเพลง “แต่ปางก่อน รอคอยมาแสนนาน ทรมานวิญญาณหนักหนา”
    โดยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมเด็กชาวต่างชาติที่ถูกสุนัขรุมกัดอ่าวนาง ที่โรงพยาบาลกระบี่นครินทร์ อินเตอร์เนชั่นแนลด้วย.