ทางรอดและทางตาย


เพิ่มเพื่อน    

    เกมเปลี่ยน!
    พรรคไทยรักษาชาติกำลังทำอะไร? 
    แน่ใจนะว่า...ยังอยากจะเลือกตั้งวันที่ ๒๔ มีนาคมนี้
    แต่พฤติกรรม...ไม่น่าใช่
    ๘ ประเด็น คำชี้แจงคดียุบพรรค ที่ไปยื่นกับศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา 
    ....ข้อ ๑ การดำเนินกิจการของพรรคไทยรักษาชาติ เป็นไปตามประกาศอุดมการณ์ นโยบายในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    ข้อ ๒ พรรคทำตามประสงค์และความยินยอม ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ภายใต้รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ประกาศพระบรมราชโองการ พ.ศ.๒๕๑๕ และข้อบังคับพรรค ไม่มีกฎหมายใดบัญญัติเป็นข้อห้ามมิให้ ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะนายกรัฐมนตรี
    ข้อ ๓ พรรคเข้าใจโดยสุจริตว่าการเสนอชื่อดังกล่าว ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๘, ๘๙ และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา ๑๓ และ ๑๔ ไม่ใช่เป็นการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    ข้อ ๔ เมื่อมีพระราชโองการวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เวลา ๒๓.๐๐ น. ภายหลังที่พรรคได้แจ้งรายชื่อบัญชีนายกฯ ไปแล้วเมื่อเวลา ๐๙.๐๐ น. พรรคจึงได้แถลงโดยทันทีในวันรุ่งขึ้น เพื่อน้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม ด้วยความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ เป็นการแสดงเจตนารมณ์โดยชัดเจนว่าพรรคไม่ติดใจในการเสนอชื่อนายกฯ
    ข้อ ๕ การกระทำตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๘ และมาตรา ๘๙ ประกอบมาตรา ๘๗ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.๒๕๖๑ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ ให้ถือว่าการเสนอชื่อบุคคลใดที่มิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมายดังกล่าว ให้ถือว่าไม่มีการเสนอชื่อบุคคลนั้น จึงไม่เป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา ๙๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  พ.ศ.๒๕๖๐ ไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดให้ผู้ร้องกล่าวหาผู้ถูกร้องในทางใดๆ ต่อศาลได้
    ข้อ ๖ พรรคเห็นว่าคำว่า “ปฏิปักษ์” ให้ความหมายว่า ฝ่ายตรงกันข้าม ข้าศึก ศัตรู แต่การกระทำของผู้ถูกร้อง ได้กระทำการเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเป็นความประสงค์ของผู้ได้รับการเสนอชื่อ ที่อาสาเข้ามาทำงานให้กับประเทศชาติ และยินยอมให้ผู้ถูกร้องเสนอชื่อ มิใช่เป็นการแอบอ้างโดยพลการ
    ข้อ ๗ กกต.ไม่มีอำนาจหน้าที่นำพระราชโองการมาขยายความกล่าวหาพรรคว่า กระทำผิดตามมาตรา ๙๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ คำขอให้พิจารณาวินิจฉัยเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคนั้น เป็นการขยายความของพระราชโองการที่เป็นโทษ เป็นเรื่องที่มิบังควร และไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง อันเป็นการนำพระราชโองการมาแอบอ้างใช้อย่างมีเจตนาไม่สุจริต เป็นการกล่าวหาโดยสร้างฐานความผิดใหม่ ซึ่งไม่มีฐานกฎหมายใดๆ บัญญัติไว้
    ข้อ ๘ มติในการประชุมครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ของ กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไม่เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก กกต.จงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามมาตรา ๔๑ ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.๒๕๖๐ ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.๒๕๖๑ และมีพฤติกรรมไม่สุจริต ซึ่งพรรคมีหลักฐานนำเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ และพรรคจะใช้สิทธิตามกฎหมายดำเนินการที่พรรคไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อไป
    พรรคไทยรักษาชาติมีความบริสุทธิ์ใจ ที่จะมุ่งนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญ คดีนี้เป็นคดีที่มีข้อกล่าวหาต่อพรรคอย่างรุนแรง ขอศาลรัฐธรรมนูญได้โปรดรับฟังความทั้งสองฝ่ายก่อนมีคำวินิจฉัยใดๆ.....
    ตามข้อ ๒ "พรรคทำตามประสงค์และความยินยอม ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์" 
    ไทยรักษาชาติกำลังจะบอกว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ประสงค์จะเล่นการเมือง แล้วพรรคทำตามประสงค์อย่างนั้นใช่หรือไม่?
    นี่เป็นอีกประเด็นที่ร้ายแรง  
    อย่าลืมว่า ทั้ง ๘ ข้อนี้ เกิดขึ้นหลังพรรคไทยรักษาชาติ ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ว่า
     ....พรรคไทยรักษาชาติ ขอน้อมรับพระราชโองการข้างต้น ไว้ด้วยความจงรักภักดีต่อ พระเจ้าอยู่หัว และพระราชวงศ์ทุกพระองค์....
    ย้อนกลับไปวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ หลังพรรคไทยรักษาชาติยื่นรายชื่อบุคคลซึ่งมีความเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง 
    คำให้สัมภาษณ์ของ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ย้อนแย้งกับคำชี้แจงคดียุบพรรค ในข้อที่ ๒ อย่างสิ้นเชิง
    "....ทางกรรมการบริหารฯ ได้มีการประชุมกันและเสนอชื่อจากสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติถึงบุคคลซึ่งมีความเหมาะสมเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค 
    และกรรมการบริหารพรรคก็เห็นพ้องว่ารายชื่อของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เป็นชื่อที่มีความเหมาะสมที่สุด 
    จึงมีมติให้ความเห็นชอบ 
    หลังจากนั้นพรรคจึงได้ติดต่อและประสาน ซึ่งท่านเองก็มีพระเมตตา พรรคไทยรักษาชาติได้เสนอชื่อท่านให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคไทยรักษาชาติ....
    ...ฉะนั้น วันนี้ผมถือว่าเป็นพระเมตตาที่ท่านได้เสียสละและลงมาทำงานให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านให้เกียรติตอบรับเป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคไทยรักษาชาติ...”
    จะให้แปลความกันอย่างไร?
    อะไรเกิดขึ้นก่อนหลัง
    พรรคไทยรักษาชาติมีมติก่อนแล้วไปเชิญ จากนั้นมีการตอบรับ
    หรือมีประสงค์แล้วพรรคเชิญทีหลัง 
    ศาลรัฐธรรมนูญท่านจะเชื่อ "คำพูดแรก" หรือเปล่า ไม่ทราบได้ 
    แต่คำให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรค มาก่อนคำชี้แจงต่อศาล 
    ย้อนแย้งกันเองอย่างชัดเจน! 
    และความย้อนแย้งนี่เอง อาจกลายเป็นทางรอดของไทยรักษาชาติ 
    แต่ก็อาจเป็นการฝังไทยรักษาชาติได้เช่นกัน 
    เวลานี้เกมของไทยรักษาชาติคือ....ยื้อออกไป
    เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีหลังเลือกตั้ง 
    ถ้าถูกยุบ ผู้สมัครที่สอบได้ ย้ายไปเพื่อไทย 
    หากยุบก่อนคือเจ๊ง!
    ยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเหลว 
    แล้วจะดึงเกมยาวไปหลังเลือกตั้งได้หรือไม่? 
    การใส่พยานเข้าไปในกระบวนการพิจารณาของศาล นั่นคือเจตนาหรือเปล่า
    พรรคไทยรักษาชาติยื่นบัญชีพยานบุคคล 
    กรรมการบริหารพรรค ๑๔ คน
    พยานคนกลาง บุคคลภายนอกอีก ๕ ปาก 
    รวม ๒๑ ปาก 
    ศาลรัฐธรรมนูญจะไต่สวนทั้งหมดหรือไม่ 
    ใช้เวลาเท่าไหร่
    หากพิจารณาตามความเห็นของ "ชูชาติ ศรีแสง" อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ก็พอมองเห็นทิศทาง
    .....พรรคไทยรักษาชาติได้ยื่นรายชื่อบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคต่อ กกต.หรือไม่ และชื่อที่ยื่นคือบุคคลใดนั้น เอกสารที่ยื่นต่อ กกต. เป็นพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่า พรรคไทยรักษาชาติได้ยื่นชื่อบุคคลที่นายกรัฐมนตรีของพรรคและชื่อที่ยื่นคือบุคคลใดต่อ กกต.จริง 
    แม้จะนำพยานบุคคลและพยานเอกสารมาสืบมากมายแค่ไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนข้อเท็จจริงเป็นว่า ไม่ได้ยื่นหรือยื่นแต่ชื่อบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคไม่ใช่ชื่อที่ยื่นต่อ กกต.ได้
    ส่วนประเด็นข้อกฎหมายที่ว่า การยื่นรายชื่อนายกรัฐมนตรีต่อ กกต. เป็นกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา ๙๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.๒๕๖๐ หรือไม่ เป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องวินิจฉัย 
    โดยคู่ความไม่จำเป็นต้องนำสืบพยานใดๆ
    จึงน่าจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำการสืบพยานใดๆ อีก 
    เว้นแต่พรรคไทยรักษาชาติต้องการประวิงคดีให้ล่าช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาคดีนี้หลังวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๒.....
    ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อว่า พยานคนนอก ๕ ปากมีใครบ้าง  
    แต่ไม่น่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์รอบสอง
     ถ้ามี ก็ยิ่งกว่า "มิบังควร"
    ครับ....วานนี้ (๒๑ กุมภาพันธ์) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศว่า
    "....เสียงของเราเปลี่ยนประเทศไทยได้ อนาคตใหม่มุ่งมั่นที่จะเอาสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นธรรมกลับคืนมาให้สังคมไทย ใครฝันเหมือนกันให้มาร่วมลองทำกันให้ได้สักครั้ง สร้างสังคมที่เท่าเทียมให้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย มาร่วมกันทำภารกิจเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕  เพื่อให้ประชาธิปไตยยั่งยืนกัน ซึ่ง ๘๖ ปี ยังทำไม่สำเร็จ ให้สำเร็จกันสักครั้ง...."
    ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ ๑ หรือที่เรียกว่า หลัก ๖ ประการของคณะราษฎร มีดังนี้
    ๑.จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง
    ๒.จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก
    ๓.จะต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก
    ๔.จะต้องให้ราษฎรได้มีสิทธิเสมอภาคกัน ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่
    ๕.จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก ๔ ประการดังกล่าวข้างต้น
    ๖.จะต้องให้มีการศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
    ลูกผู้ชายอย่าคืนคำ ได้อำนาจแล้วทำให้ครบทั้ง ๖ ข้อ 
               -----------------
    ภูเขาอเนกล้ำ          มากมี
    บมิหนักแผ่นธรณี    หน่อยไซร้
    หนักนักแต่กระลี        ลวงโลก
    อันจักทรงทานได้    แต่พื้นนรกานต์
    สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร
                            ผักกาดหอม


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"