รัฐบาลอังกฤษถอนสัญชาติอังกฤษของสาวแม่ลูกอ่อนวัย 19 ปีที่หนีออกจากบ้านพร้อมเพื่อนไปเข้าร่วมกับไอเอสในซีเรียเมื่อ 4 ปีก่อน และต้องการจะนำลูกที่เพิ่งเกิดเดินทางกลับมาเลี้ยงดูที่อังกฤษ เจ้าตัวโวยวายไม่ยุติธรรม

แฟ้มภาพ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2558 ภาพถ่ายของชามินา เบกัม ที่พี่สาวของเธอนำมาแสดงต่อสื่อระหว่างให้สัมภาษณ์ / AFP

    เรื่องราวของชามินา เบกัม พลเมืองชาวอังกฤษเชื้อชาติบังกลาเทศ กำลังเป็นประเด็นถกเถียงในอังกฤษ ภายหลังหญิงสาวร้องขอเดินทางกลับมายังประเทศอังกฤษพร้อมกับลูกน้อยของเธอ ที่เพิ่งเกิดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขอให้รัฐบาลอังกฤษ "เห็นใจ" และอนุญาตให้เธอพาลูกชายกลับมาเลี้ยงดูที่อังกฤษ

    เบกัมหนีออกจากบ้านในกรุงลอนดอนพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนเพื่อไปเข้าร่วมกับเครือข่ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่ซีเรีย เมื่อ 4 ปีก่อน เวลานั้นเธอมีอายุเพียง 15 ปี เธอแต่งงานกับนักรบไอเอสและเคยคลอดลูก 2 คน ซึ่งเสียชีวิตแล้วทั้งคู่อาจเพราะล้มป่วยและขาดสารอาหาร ปัจจุบันหญิงสาวอาศัยอยู่ในค่ายลี้ภัยทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ร่วมกับผู้คนอีกนับพันคนที่มีความเกี่ยวโยงกับไอเอส ซึ่งหนีการสู้รบในภาคตะวันออกของซีเรีย

    เมื่อวันอังคาร ทนายความของเธอเปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้ส่งหนังสือแจ้งมายังแม่ของเธอที่อาศัยอยู่ในกรุงลอนดอน ว่ากระทรวงตัดสินใจเพิกถอนสัญชาติอังกฤษของชามินา เบกัม แล้ว แต่เธอยังมีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์

แฟ้มภาพ ภาพนิ่งจากกล้องวงจรปิดที่ตำรวจนครบาลลอนดอนเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 ชามินา เบกัม (ขวาสุด) พร้อมอามิรา อาเบส (ซ้ายสุด) และคาดิซา ซุลตานา ที่สนามบินแกตวิก ก่อนหนีไปซีเรีย / AFP

    มีรายงานว่ากระทรวงมหาดไทยเชื่อว่าเบกัม ซึ่งมีเชื้อสายบังกลาเทศ สามารถยื่นขอสัญชาติบังกลาเทศได้ "เพื่อปกป้องประเทศนี้ กระทรวงมหาดไทยมีอำนาจที่จะเพิกถอนสัญชาติของชาวอังกฤษผู้หนึ่งผู้ใด ที่จะไม่ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นบุคคลไร้รัฐ" คำแถลงกล่าว

    เบกัม ซึ่งยังไม่แสดงความสำนึกเสียใจกับการเข้าร่วมไอเอส กล่าวให้สัมภาษณ์กับสกายนิวส์ไว้ระหว่างการอ้อนวอนขอกลับบ้านว่า เธอเห็นว่าคนไม่น้อยควรเห็นใจเธอกับทุกสิ่งที่เธอต้องผ่านพ้นมา ตอนที่จากไปนั้น เธอไม่รู้หรอกว่ากำลังจะไปเจอกับอะไร แต่ในคำให้สัมภาษณ์บีบีซีเมื่อวันจันทร์ เธอกลับเปรียบเทียบการวางระเบิดสังหารหมู่ผู้ชมคอนเสิร์ตที่แมนเชสเตอร์อารีนา กับการที่กองทัพโจมตีที่มั่นของไอเอส โดยกล่าวว่าการก่อการร้ายครั้งนี้เป็น "การแก้แค้น"    

    ภายหลังรับทราบข่าวการถอนสัญชาติ เบกัมบอกกับสถานีไอทีวีนิวส์เมื่อวันพุธว่า เธอค่อนข้างช็อก หัวเสียและผิดหวัง รู้สึกว่าตัวเธอและลูกชายไม่ได้รับความยุติธรรม

    กรณีของหญิงสาวสะท้อนถึงภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกที่หลายประเทศในยุโรปกำลังเผชิญในช่วงยามที่คอลิฟะห์ล่มสลาย จากการต้องเลือกว่า จะอนุญาตให้พวกนักรบญิฮาดและพวกไปเข้าร่วมกับไอเอสเดินทางกลับประเทศมารับการพิจารณาคดีหรือไม่ หรือจะห้ามคนเหล่านี้เข้าประเทศด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง.