จับหนุ่มวัย 25 อ้างตัวเป็นพันตรีปลอมไลน์นายกฯ หลอกเหยื่อร่วมลงทุนซื้อขายหุ้นต่างประเทศทำกำไรระยะสั้น แค่เดือนเดียวมีผู้หลงเชื่อเสียหาย 50 ล้าน ก่อนจะรู้ตัวเข้าร้องเรียน ศปอส.ตร. อยู่ระหว่างตามจับ 2 เพื่อนร่วมแก๊ง
    ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) วันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. แถลงผลการจับกุมนายจิตรภณ นิศารัตน์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ 259/2562 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง และร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน
    สืบเนื่องจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนกว่า 100 ราย ว่าตกเป็นเหยื่อกลุ่มคนร้ายหลอกลวงให้ร่วมลงทุนโครงการซื้อขายทำกำไรระยะสั้นของหุ้นต่างประเทศ (ชอร์ตหุ้น) มูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท จึงดำเนินการสืบสวนก่อนมีการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว
    พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า พฤติการณ์ของกลุ่มนี้มีผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน คือ นายศรฉัตร กล่ำแสง อายุ 40 ปี และนายพีระยุทธ อาจอำนวย อายุ 34 ปี มีหน้าที่ประสานงานและเป็นผู้ดูแลโปรแกรมการลงทุน ได้ประกาศชักชวนผู้เสียหายให้เข้ามาเป็นสมาชิกร่วมลงทุนกับกลุ่มเอนปี (NEW BLOCD) ที่บริหารงานโดยนายจิตรภณ เป็นการนำเสนอโครงการเพื่อนำเงินไปชอร์ตหุ้นต่างประเทศ (การซื้อขายทำกำไรระยะสั้นของหุ้น) ซึ่งอ้างว่าจะมีผู้บริหารระดับประเทศทั่วโลกไปดำเนินการซื้อขายหุ้นในช่วงตลาดหุ้นของวอลล์สตรีทปิดทุกวัน โดยเสนอผลตอบแทนการลงทุนในอัตราร้อยละ 10 ต่อเดือน ตลอดชีวิต และสามารถตกทอดเป็นมรดกได้ ทั้งยังได้ผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษจากการชอร์ตหุ้นอีกเดือนละ 1 ครั้ง โดยการลงทุนขั้นต่ำ 300,000 บาท
    นอกจากนี้ นายศรฉัตร และนายพีระยุทธ ได้กล่าวอ้างกับผู้ลงทุนว่า นายจิตรภณเป็นนายทหารยศพันตรี เป็นลูกรองประธานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ก.ล.ต. พร้อมอ้างว่ามีกลุ่มนายทหารและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พร้อมทำปลอมไลน์ "นายกฯ ลุงตู่" เป็นหลักฐานว่ามีการพูดคุยทางไลน์กับนายกฯ จริง ทำให้เหยื่อตายใจเข้าร่วมลงทุน
    พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ในระยะแรกผู้ร่วมลงทุนได้รับเงินปันผลที่เป็นดอกเบี้ยตอบแทนประมาณ 3-4 เดือน แต่หลังจากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาขอเลื่อนจ่ายเงินปันผลออกไปเรื่อยๆ และปฏิเสธการจ่ายเงิน ก่อนจะหลบหนีไป จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ กระทั่งวันที่ 19 ก.พ.62 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศปอส.ตร.ติดตามจับกุมตัวนายจิตรภณ ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ย่านพระโขนง ส่วนนายศรฉัตร และนายพีระยุทธ ผู้ต้องหาอีก 2 ราย อยู่ระหว่างติดตามจับกุม 
    คดีนี้เพียง 1 เดือน สามารถทำความเสียหายได้สูงถึง 50 ล้านบาท ตำรวจจะเร่งรัดนำทรัพย์มาคืน เพราะที่ผ่านมามีการจับผู้กระทำผิดในลักษณะแบบนี้ พบว่ามีผู้เสียหายมูลค่าหลายล้านบาท ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน พร้อมฝากถึงประชาชน หากมีผู้มาเสนอให้ร่วมลงทุนแลกกับผลตอบแทนที่สูง ให้ตรวจสอบให้ดี หรือจะตรวจสอบกับ ก.ล.ต.ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกหลอกลวง" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กล่าว.