คุกตลอดชีวิตโมนา ฆ่าแล้วฝังน้องน้ำ


เพิ่มเพื่อน    


    ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต "โมนา" ผู้ประกวดสาวงาม แต่ใจอำมหิต ทุบตีน้องน้ำลูกจ้างจนตาย ชดใช้อีกกว่า 1 ล้านบาท ส่วนสาวทอมคนสนิทและพี่ชายที่ให้การช่วยเหลือนำศพไปฝัง เจอคุกลดหลั่นกันไป แม่ผู้ตายบอกฟ้ามีตา ไม่วายคับแค้นคนทำผิดไร้สำนึก ยังยิ้มได้แม้ถูกลงโทษ ล่าสุดส่งสาวโหดเข้าคุก รอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาประกันตัว
    เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3966/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.กฤษณา หรือโมนา สุวรรณพิทักษ์ อดีตผู้เข้าประกวดสาวงาม, น.ส.ปรารถนา หรือเม้า ท้วมทรัพย์ และนายปราโมทย์ สุวรรณพิทักษ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 และจำเลยที่ 1 ฐานฆ่าผู้อื่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ซึ่งมารดาผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนด้วยเป็นเงิน 1,465,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี
    กรณีช่วงเดือน ก.พ.2555 น.ส.กฤษณา จำเลยที่ 1 ได้พา น.ส.จริยา ศรีศักดิ์ หรือน้องน้ำ อายุ 15 ปีเศษ มาทำงานรับใช้ในบ้านที่ จ.เพชรบุรี และเมือจำเลยที่ 1 เกิดโมโห อารมณ์ร้าย จะทุบตีน้องน้ำเสมอ กระทั่งวันที่ 11 เม.ย.2555 จำเลยที่ 1 ได้ใช้กระป๋องสเปรย์ยาวประมาณ 1 ฟุต ทุบตีที่ศีรษะหลายครั้ง อีกทั้งใช้กระบอกพลาสติกแข็งทุบตีบริเวณต้นขา และใช้ที่หนีบผมขณะที่ยังมีความร้อนจี้ตามลำตัวจนได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส ก่อนถูกส่งตัวมาอยู่ที่บ้านเลขที่ 599/10 หมู่บ้านกลางกรุงรัชวิภา แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม. และเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 เม.ย.2555 จากนั้นจำเลยที่ 1 ร่วมกับพวก นำศพใส่ท้ายรถเดินทางมาที่บ้านเลขที่ 91 หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนางโดโร ทิมพิทักษ์ มารดาของจำเลยที่ 1 โดยมีจำเลยที่ 2 และ 3 ช่วยกันนำศพน้องน้ำไปฝังอำพรางคดีไว้บริเวณใต้ต้นตาลนอกรั้วบ้าน 
    จำเลยที่ 1-2 ให้การปฏิเสธ ส่วนจำเลยที่ 3 กลับคำให้การรับสารภาพก่อนเริ่มสืบพยาน ซึ่งทั้งสามได้รับการประกันตัว
    ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า โจทก์มีพยานซึ่งเป็นบุตรสาวของจำเลยที่ 1 ที่เห็นเหตุการณ์การทุบตีผู้ตายก่อนเสียชีวิตมาเบิกความ ซึ่งหากไม่เป็นความจริง บุตรสาวคงไม่ให้การถึงมารดาในพฤติการณ์ที่จะเป็นความผิดร้ายแรง นอกจากนี้ยังมีคำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวน ที่ให้การไว้ถึง 5 ครั้ง โดยเป็นเหตุการณ์ตรงกันหมดที่มีการทุบตีทำร้ายผู้ตายจนมาเสียชีวิตภายหลัง ด้วยเหตุว่าจำเลยที่ 1 เห็นว่าผู้ตายดื้อ ใช้อะไรก็ไม่ค่อยทำตาม ซึ่งจำเลยเป็นคนโมโหร้าย และยังเคยมีเหตุการณ์ทำร้ายจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทจนบาดเจ็บ และทำร้ายแฟนหนุ่มบุตรสาวจนหัวแตก เพราะไม่พอใจเรื่องการพาไปเที่ยว 
    การกระทำของจำเลยที่ 1 ในการใช้กระป๋องสเปรย์น้ำยาปรับอากาศที่มีน้ำยาอยู่ด้วยจึงมีน้ำหนักพอสมควร ไปทำร้ายผู้ตายด้วยการตีที่ศีรษะอย่างแรง และต่อมายังใช้ท่อข้อต่อพลาสติกเครื่องดูดฝุ่นตีตามร่างกายผู้ตายอีก รวมทั้งใช้เครื่องม้วนผมที่มีความร้อนจี้ตามลำตัวเป็นบาดแผลนั้น เป็นการเล็งเห็นผลว่าจะถึงแก่ความตายได้
    พิพากษาจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามมาตรา 288 ให้จำคุกตลอดชีวิต และให้ชดใช้มารดาผู้ตาย ที่ต้องขาดไร้อุปการะจากบุตรสาวที่เสียชีวิต รวมทั้งค่าปลงศพด้วย เป็นเงินทั้งสิ้น 1,065,776 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีที่ผิดนัดชำระ นับตั้งแต่วันที่มารดาผู้ตายยื่นคำร้องให้ชดใช้ตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.2555 สำหรับจำเลยที่ 2-3 มีความผิดฐานร่วมกันช่วยเหลือผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษอาญาหรือรับโทษน้อยลง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 ให้จำคุกคนละ 2 ปี โดยคำให้การของจำเลยที่ 2 ในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกไว้ 1 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 รับสารภาพก่อนสืบพยาน ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ แต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์แล้วเป็นการกระทำที่ร้ายแรง ถึงจะเคยเป็นผู้ใหญ่บ้าน ทำคุณงามความดีมาก่อนและเยียวยามารดาผู้ตายแล้วก็ตาม ก็ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
    ด้านนางจันทิรา ศรีศักดิ์ อายุ 49 ปี มารดา น.ส.จริยา ศรีศักดิ์ หรือน้องน้ำ ให้สัมภาษณ์หลังฟังคำพิพากษาว่า ผลการตัดสินเป็นที่น่าพอใจ สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ สิ่งที่ตนร้องขอความเป็นธรรมมาตลอด น้องน้ำได้รับความยุติธรรมแล้ว ฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ ให้คนทำผิดได้รับโทษ
    ผู้สื่อข่าวถามว่าจะอโหสิกรรมให้คนทำผิดหรือไม่ นางจันทิรากล่าวว่า คนที่ก่อเหตุเขาทำโดยที่ไม่คิดอะไรเลยว่าน้องจะเจ็บปวดแค่ไหน แต่ว่าความเป็นแม่ แม่ไม่เคยให้อภัย แต่แม่ขออโหสิกรรมแทนน้อง เพื่อน้องจะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ได้ไปเกิด โดยหลังเสร็จสิ้นทุกอย่าง ตนวางแผนจะทำบุญให้บุตรสาวอีกครั้งหนึ่ง 
    “อย่าคิดว่าการทำผิดแล้วจะไม่ได้รับโทษอะไรเลย แม่เองเป็นผู้เสียหายยังรู้สึกทุกข์ใจ ร้อนรน มีความเจ็บอกเจ็บใจอยู่ตลอดเวลา แต่คนที่ทำผิดกลับไม่รู้สึกอะไร หลังฟังคำตัดสินเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับแม่ ยังยิ้มอย่างสบายใจ หัวใจทำด้วยอะไร เลือดเย็นเหลือเกิน ไม่มีสลด ไม่มีน้ำตา ไม่มีความสำนึกอะไร ยิ่งเห็นการกระทำของเขาแบบนี้ แม่ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมาก ตีน้องเหมือนไม่ใช่คน น้องตัวแค่นั้น ยังทำได้ขนาดนี้” นางจันทิรากล่าว 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำพิพากษา จำเลยทั้งสามก็ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ศาลพิจารณาแล้ว ในส่วนของ น.ส.กฤษณา จำเลยที่ 1  ซึ่งได้ยื่นหลักทรัพย์ 600,000 บาทนั้น ศาลเห็นควรส่งคำร้องขอประกันตัวดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาและมีคำสั่งว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวไปขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างรอฟังคำสั่งประกันตัว ซึ่งคาดว่าศาลอุทธรณ์จะใช้เวลาพิจารณาภายใน 5-7 วันนี้
    ขณะที่ในส่วนของ น.ส.ปรารถนา เพื่อนรุ่นน้องคนสนิทของโมนา จำเลยที่ 2 และนายปราโมทย์ หรือผู้ใหญ่บอย ซึ่งเป็นพี่ชายของโมนา จำเลยที่ 3 ที่ยื่นหลักทรัพย์คนละ 200,000 บาท ขอประกันตัวด้วยนั้น ศาลอาญาพิจารณาแล้วก็มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยที่ 2-3 ระหว่างอุทธรณ์ โดยตีราคาประกันคนละ 200,000 บาท.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"