เอกสารวิเคราะห์ภายในของสหรัฐฯ เองบอกว่า ตอนนี้จีนกับรัสเซียกำลังฉวยจังหวะความสับสนของสหรัฐฯ รุกหนักเพื่อเบียดมะกันออกจากสมการแห่งอำนาจ
พูดง่ายๆ คือฝ่ายความมั่นคงที่วอชิงตันกำลังบอกว่าอเมริกากำลังสูญเสียความเป็นผู้นำของโลก
จีนกับรัสเซียกำลังจับมือกันบ่อนทำลายความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
นี่มิใช่เป็นแค่ความเห็นของใครคนใดคนหนึ่ง หากเป็นบทวิเคราะห์ทางการของผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (National Intelligence Agency) ที่ชื่อ แดน โคตส์ (Dan Coats) ที่เปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ
เป็นรายงานหนา 36 หน้าที่อ่านแล้วรู้ว่าอเมริกากำลังจะถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ "สิ่งแวดล้อมทางยุทธศาสตร์" ไม่เหมือนเดิมเป็นครั้งแรกในเกือบหนึ่งศตวรรษ
ความเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้คือบทบาทของสหรัฐฯ ที่ถูกปรับเปลี่ยนตั้งแต่โดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีเมื่อสองปีก่อน
รายงานนี้ไม่ได้ระบุชื่อทรัมป์โดยตรง แต่ผมอ่านแล้วก็จับความได้ทันทีว่าเหล่าบรรดาผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ กำลังหวั่นเกรงว่า ภายใต้การนำของทรัมป์ที่เน้นเรื่อง America First นั้นกำลังจะสร้างความถดถอยให้สถานภาพของสหรัฐฯ
คำขวัญ Make America Great Again (MAGA) ของทรัมป์เป็นการตอกย้ำให้ผลประโยชน์ของอเมริกามาก่อนคนอื่น
แต่ "ความยิ่งใหญ่" ที่ทรัมป์พูดถึงมิใช่แนวทางความเข้มแข็งระดับโลกอย่างที่ผู้นำอเมริกันในอดีตใช้เป็นนโยบายหลัก
ทรัมป์ต้องการจะต่อรองกับทุกประเทศเพื่อให้ซื้อของอเมริกามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมิตรสหายเก่าหรือเป็นศัตรูในอดีต
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ ทรัมป์เรียกคิมจองอึนเป็น "เพื่อนรัก" ขณะเดียวกันก็กดดันให้เกาหลีใต้ต้องควักกระเป๋าตัวเองปีละหลายร้อยล้านเหรียญเพื่อลดภาระของสหรัฐฯ ในประเทศนั้น
บทวิเคราะห์ของผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ บอกว่า ปัจจัยท้าทายความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯ วันนี้มีหลายประการ เช่น
ความเสื่อมทรุดของสถาบันระหว่างประเทศทั้งหลาย
การโจมตีระบอบประชาธิปไตยตะวันตก
และแนวโน้มนโยบายโดดเดี่ยวตัวเองจากสังคมโลกของหลายประเทศ
ความจริงคำว่า isolationist tendencies หรือแนวโน้มโดดเดี่ยวตัวเองนั้น เริ่มต้นจากทรัมป์ที่ดึงสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงระหว่างประเทศหลายองค์กร ไม่ว่าจะเป็น Paris Agreement, TPP และกำลังจะไม่ให้ความสำคัญกับองค์การการค้าโลก หรือ WTO
แต่ในเวลาเดียวกันจีนกับรัสเซียก็รุกหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ, การเมืองและสังคม รายงานนี้บอกว่า
"รัสเซียได้เพิ่มความพยายามในการสร้างอิทธิพลและอำนาจที่ขัดแย้งกับเป้าหมายและการจัดลำดับความสำคัญของสหรัฐฯ ในหลายๆ จุดของโลก...”
อีกด้านหนึ่ง "จีนก็กำลังพัฒนาแสนยานุภาพทางทหารเคียงคู่กับการสร้างความโดดเด่นทางด้านเศรษฐกิจและพื้นที่ภูมิศาสตร์ในย่านแปซิฟิกและอื่นๆ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องกังวล..."
รายงานฉบับนี้บอกว่าแม้จะมีความขัดแย้งกับจีน แต่สหรัฐฯ กับปักกิ่งก็มีโอกาสที่จะสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหาอันเกิดจากความห่วงใยของทั้งสองฝ่าย
รวมถึงการเจรจากับเกาหลีเหนือเรื่องอาวุธนิวเคลียร์
ทรัมป์พยายามจะแสดงความสนิทสนมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และมักจะคุยว่ามีความใกล้ชิดกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน
แต่ทรัมป์คงหวังแต่เพียง "ต่อรอง" เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางการค้าจากสองประเทศยักษ์นี้ โดยที่ไม่ได้ซาบซึ้งถึงยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ ที่เป็นเสาหลักของการดำรงไว้ซึ่งอิทธิพลของสหรัฐฯ ในเวทีระหว่างประเทศอย่างที่เคยเป็นมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจในอวกาศ
รายงานนี้พูดถึง cyber weapons หรืออาวุธไซเบอร์ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งทั้งจีนและรัสเซียได้พัฒนาถึงจุดที่สหรัฐฯ ควรกังวลไม่น้อย
ทรัมป์เคยประกาศจะตั้ง Space Force หรือกองกำลังอวกาศเป็นสาขาใหม่ของกองทัพสหรัฐฯ แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าในทางปฏิบัติจะเห็นผลเมื่อใด
ขณะที่จีนและรัสเซียได้รุกหนักทางอวกาศอย่างต่อเนื่อง และในหลายๆ ด้านเพื่อสร้างความเป็นเลิศให้ตัวเองทางด้านนี้อย่างชัดเจน
รายงานบอกว่าทั้งสองประเทศนี้ได้เดินหน้าพัฒนา "อาวุธต่อต้านดาวเทียม" ของมะกันเพื่อบั่นทอนประสิทธิภาพและความมั่นคงของอเมริกา
เท่ากับยอมรับว่าสหรัฐฯ มิใช่เป็นผู้นำของโลกอีกต่อไป
สมการแห่งอำนาจกำลังเปลี่ยน ระเบียบโลกกำลังจะถูกเขย่า เราพร้อมหรือยัง?
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |