การเมืองทะลุจุดเดือด! "บิ๊กแดง" ฮึ่มใส่ "เจ๊หน่อย" ตัดงบกลาโหม ให้ไปฟังเพลง "หนักแผ่นดิน" สั่งกรมกิจการพลเรือนทหารบกเปิดเพลงปลุกใจทหารสถานีวิทยุกองทัพบกทั้ง 126 คลื่น เช้า เที่ยง เย็น ก่อนสั่งงดให้เน้นเฉพาะเสียงตามสายในหน่วยทหารทั่วประเทศ "บิ๊กตู่" ซัดนักการเมืองหาเสียงเอาแต่สนุกปาก ไม่นึกถึงประเทศ วันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นรับผิดชอบกันเอง "จตุพร" ได้กลิ่นรัฐประหารซ้อน
ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะรอง ผอ.รมน. เดินทางมาเป็นประธานพิธีวันคล้ายวันสถาปนา กอ.รมน.ครบรอบ 11 ปี ประจำปี 2562
ภายหลังจบพิธีการ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม พล.อ.อภิรัชต์ถึงการดูแลสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงหาเสียงขณะนี้ โดย พล.อ.อภิรัชต์ย้อนถามกลับว่า "เพลงอะไรที่กำลังฮิตตอนนี้ ก็เพลงหนักแผ่นดินไง" ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามต่อถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยเสนอนโยบายตัดงบกลาโหม 10 เปอร์เซ็นต์ และยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า "ก็ให้ไปฟังเพลงหนักแผ่นดินไง"
ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์ได้สั่งการให้กรมกิจการพลเรือนทหารบกนำเพลงแนวปลุกใจทหาร เช่น เพลงมาร์ชกองทัพบก, เพลงหนักแผ่นดิน และเพลงความฝันอันสูงสุด เป็นต้น ไปเปิดในสถานีวิทยุกองทัพบกที่มี 126 สถานีทั่วประเทศทุกวัน ยกเว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 07.20 น. ในรายการ "ทบ.เพื่อประชาชน" เวลา 12.20 น. ในรายการ "รู้รักสามัคคีทำความดีเพื่อแผ่นดิน" ช่วงเย็นเวลา 16.20 น. รายการ "ใจถึงใจ" พร้อมทั้งเชื่อมต่อกับเสียงตามสายภายในกองทัพบกด้วย
โดยเฉพาะในช่วงเวลา 12.20 น. ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังพลอยู่ระหว่างพักกลางวัน จุดประสงค์เพื่อให้ทหารทุกคนตระหนักในการทำหน้าที่ของตัวเอง สำนึกต่อความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพราะที่ผ่านมามีบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์แล้วนำข้อมูลที่บิดเบือนมาโจมตี เพื่อสร้างความเข้าใจผิดต่อการปฏิบัติงานของรัฐบาลและกองทัพ ดังนั้นหน่วยงานต้องชี้แจงผ่านสื่อในสังกัดและหน่วยงานของตนเองอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 16.00 น. กรมกิจการพลเรือนทหารบก (กร.ทบ.) ได้แจ้งให้ผู้จัดรายการของสถานีวิทยุในเครือ ทบ.งดเปิดเพลงหนักแผ่นดิน, มาร์ชกองทัพบก และความฝันอันสูงสุดในรายการวิทยุของ ทบ.ทั้งหมด เพราะเกรงว่าจะทำให้สังคมนำไปตีความในทางที่ผิด เพราะแนวทางของ ผบ.ทบ.ต้องการให้กำลังพลตระหนักในหน้าที่และสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง โดยให้เปิดเพลงผ่านเสียงตามสายในกองบัญชาการกองทัพบก 3 เวลา คือ 07.20 น., 12.20 น. และ 16.20 น. โดยให้หน่วยทหารทั่วประเทศเปิดเพลงดังกล่าวด้วย
สำหรับบรรยากาศที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 16.30 น.มีการเปิดเพลงทั้ง 3 เพลงผ่านเสียงตามสายจริง ซึ่งเป็นเวลาที่กำลังพลกำลังเลิกงานและทยอยกลับบ้าน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "แหม เดี๋ยวนี้คำถามดุเดือดทุกวันเลย"
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีความเห็นอย่างไรที่หลายพรรคการเมืองชูนโยบายหาเสียงยกเลิกการเกณฑ์ทหารและลดงบกระทรวงกลาโหม นายกฯ ตอบว่าเรื่องนี้ต้องไปดู และทุกคนต้องเข้าใจว่าหน้าที่ในการป้องกันประเทศไม่ใช่ทหารอย่างเดียว แต่เป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคนในประเทศนี้ที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ซึ่งการเกณฑ์ทหารหรือการเป็นทหารนั้นถือเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่คนไทยทุกคนต้องเป็นทหาร แต่ไม่ได้เป็นทั้งหมด ใช้หลักการพอเพียง อาทิในยามสงครามถ้ามีการสู้รบกันจริงๆ แต่หลายคนอาจจะบอกว่าวันนี้ไม่มีสงคราม แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่มี มันอาจจะเริ่มมาจากความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ จากนั้นก็จะมีการใช้อาวุธต่อกัน ในอดีตก็เคยเกิดขึ้นอย่างนี้
ไม่ได้แก้ตัวให้ใคร
"เรื่องนี้ผมไม่ได้ไปแก้ตัวให้ใคร แต่พูดในหลักการของรัฐบาล เพราะเรามีหน้าที่ในการป้องกันประเทศ ป้องกันชายแดน น่านน้ำ และน่านฟ้า รวมทั้งภารกิจที่ไม่ใช่สงคราม เช่น ปัญหายาเสพติด แรงงานต่างด้าว การลักลอบเข้ามาในประเทศ รวมทั้งการลักลอบค้าขายสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งหมดก็ต้องผ่านการดูแลของทหาร 7 กองกำลัง ซึ่งดูแลตามแนวชายแดนของประเทศกว่า 5,000 กิโลเมตร"
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทหารทำก็คือการช่วยพัฒนาประเทศ มีหน่วยงานต่างๆ ทั้งกองบัญชาการทหารสูงสุด, หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ทั้งหมดที่ตั้งขึ้นมาก็เพื่อสนองต่อหน้าที่ทั้งหมด ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ในการเสริมกำลังพลให้หน่วยงานต่างๆ เช่น ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยซึ่งก็มีบุคลากรจำกัด ทหารก็ต้องใช้เครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ไปช่วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของพลทหารนั้น ทุกคนต้องเข้าใจว่าหน่วยงานของทหารนั้นมีองค์ประกอบหลายส่วน ทั้งในส่วนของนายทหาร นายสิบ พลทหาร ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญ เช่น หมู่ปืนเล็ก หมู่หนึ่งจะมีผู้บังคับหมู่ 1 คน รองผู้บังคับหมู่ 1 คน ที่เหลือเป็นพลทหาร และมีหัวหน้าฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการประกอบกำลัง ไม่เช่นนั้นก็รบไม่ได้ในยามสงคราม ซึ่งทุกประเทศก็เป็นแบบนี้
"ส่วนใหญ่เราก็นำแนวทางมาจากตะวันตกตั้งแต่โบราณมา เราต้องมีการเตรียมความพร้อม ถ้าหากต้องใช้กำลังก็ต้องมียุทธวิธี จึงต้องเตรียมการไว้ให้พร้อม ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วไปเกณฑ์คนเข้ามา แล้วจะใช้อาวุธกันเป็นหรือ สิ่งสำคัญเราไม่ได้มองในแง่สงครามเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่เกิดได้ก็เป็นเรื่องดี แต่ผลกระทบตามแนวชายแดนเกิดขึ้นได้ตลอด ถ้าเราไม่เข้มแข็งเพียงพอ ไม่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสม ไม่มีเทคโนโลยีเข้าไปเสริมจะใช้คนอย่างเดียวก็ลำบาก"
นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยเพราะตามหลักการแล้วทุกคนต้องเป็น แต่เมื่อเรากำหนดกรอบว่าเราต้องการเท่าไหร่ เราก็ต้องคัดเลือกเอาที่จำเป็นไว้ก่อน แต่ถ้าเกิดสงครามขึ้นจริงก็ต้องเกณฑ์คนเพิ่ม เราต้องเตรียมการและเตรียมความพร้อมไว้เพื่อการช่วยเหลือหน่วยงานอื่น ไม่ใช่ว่าจะเตรียมการไว้เพื่ออย่างนั้นอย่างนี้ หรือเพื่อไปต่อต้านการเมือง-มันไม่ใช่ หน้าที่ของทหารและกระทรวงกลาโหมต้องปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้ารัฐบาลอยู่แล้ว ในการสั่งการที่ถูกต้องจะต้องรู้กติกาเหล่านี้ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องก็ไปกันไม่ได้ เราต้องรู้ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในส่วนของการเสนอให้ลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ก็ต้องไปดูว่า แต่ละกระทรวงมีงบประมาณเท่าไหร่ โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมแต่ละหน่วยมีงบประมาณอย่างไร แล้วทำไมจึงต้องมีการเพิ่ม ส่วนหนึ่งก็ต้องไปจัดซื้อของใหม่ๆ เข้ามา เพราะของเก่าชำรุด เราใช้มาตั้งนานแล้ว 20-30 ปี บางอย่างหมดอายุ ซ่อมมาจนไม่รู้จะซ่อมอย่างไรแล้ว ก็ต้องจัดหายุทโธปกรณ์ขนาดหนัก เราต้องมี ไม่อย่างนั้นจะเทียบเคียงประเทศอื่นไม่ได้ มีปัญหาในการฝึกร่วมกับต่างประเทศ รวมถึงการลาดตระเวนชายฝั่งชายทะเล หรือเมื่อภูมิภาคมีปัญหา ขอให้คิดตรงนี้ ขณะที่หลายกระทรวงก็มีการเพิ่มงบประมาณทุกปีตามสัดส่วน ซึ่งมีหลักการอยู่แล้ว ขอให้เข้าใจด้วย ไม่ใช่ไปลดคนนั้นให้คนนี้ ให้คนนั้นคนนี้ แต่จะต้องพิจารณาในรูปแบบคณะกรรมการ
อย่าเอาแต่สนุกปาก
"ฉะนั้นการหาเสียงจะเอาแต่สนุกปาก พูดอะไรก็ได้ไม่ต้องนึกถึงประเทศชาติและความเป็นจริง วันหน้าท่านก็รับผิดชอบนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา ต้องรับผิดชอบทั้งหมด ในเรื่องของการช่วยเหลือภัยพิบัติ เรื่องน้ำท่วมอะไรต่างๆ ที่มีแต่ทหารที่จะออกมาทำงานได้ ยุทโธปกรณ์ทางทหารกว่า 50 เปอร์เซ็นต์จะเห็นว่านำมาใช้ดูแลประชาชนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยานพาหนะ ไม่ใช่เก็บไว้ใช้ทางทหารอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ รถดับเพลิงรถน้ำก็ไปแจกชาวบ้านตลอดเวลา ถ้าไปตัดงบทั้งหมดแล้วสิ่งเหล่านี้จะหายไป มันพังจะทำอย่างไร มันก็มีอายุการใช้งานทั้งสิ้น"
ทั้งนี้ ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่าได้ฟังเพลงฮิตในช่วงนี้แล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ตอบกลับมาทันทีว่า "ไม่รู้ ไม่ได้ยิน ไม่ได้ฟัง"
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีบางพรรคการเมืองเสนอนโยบายตัดงบกระทรวงกลาโหมว่า "ให้ไปฟังเพลงที่ ผบ.ทบ.บอกให้ฟัง"
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า รู้สึกเป็นห่วงวิธีคิดของ ผบ.ทบ.ที่ถือเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของประเทศ ที่มีท่าทีอ่อนน้อมอย่างยิ่งกับคนที่เสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่มีที่มาจากการรัฐประหาร แต่แข็งกร้าวกับคนที่เสนอตัวมาเป็นตัวแทนประชาชนตามครรลองประชาธิปไตยแบบไร้เส้น ทั้งที่โดยสถานะ ผบ.ทบ.ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ท่าจะต้องให้บอกว่าจะเพิ่มงบให้กลาโหมจากแสนกว่าล้านบาทเป็นสองแสนกว่าล้านบาทแบบที่รัฐบาลนี้ทำ จึงจะไม่เป็นคนหนักแผ่นดินในสายตา ผบ.ทบ.
"ดิฉันจะขอยืนยันในความถูกต้อง ที่ได้เสนอขอปรับลดงบกลาโหม ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศในปัจจุบัน ที่ประชาชนคนส่วนใหญ่กำลังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสกับปัญหาปากท้อง และในเวลานี้ยังไม่ปรากฏภัยคุกคามทางความมั่นคงของประเทศ ถึงขั้นจะต้องใช้กำลังคนและอาวุธยุทโธปกรณ์มากไปกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน"
เธอยังระบุว่า ขออนุญาตพูดอีกครั้งหนึ่งเผื่อผู้มีอำนาจจะฟังบ้าง เราเสนอให้ลดงบประมาณลงเพียง 10% ในส่วนที่ใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่เราเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้ออย่างมากมายในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศที่แย่อย่างทุกวันนี้ เราชวนกลาโหมให้มาช่วยกันสร้างโอกาส สร้างรายได้ให้คนรุ่นใหม่และประชาชนคนตัวเล็กๆ ในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำและตำแหน่งงานน้อยลง งานหายากขึ้น และคนจะตกงานมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ จากภาวะเศรษฐกิจและความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เข้ามากระทบต่ออาชีพต่างๆ ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมให้ประชาชนคนไทยและเด็กรุ่นใหม่ของเรา
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เราต้องการปรับโครงสร้างให้กองทัพกะทัดรัด ทันสมัย เป็นสากล มีจิตสำนึกประชาธิปไตย เพราะกองทัพมีภารกิจหลักกับภารกิจรอง โดยภารกิจหลักคือการเตรียมกำลังในยามปกติ และการใช้กำลังยามมีภัยคุกคาม ส่วนภารกิจรองคือการบรรเทาสาธารณภัยและการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ซึ่งภารกิจรองนี้จึงควรลดให้สอดคล้องกับนานาประเทศ แล้วปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองรับผิดชอบ เพราะเป็นงานในหน้าที่โดยตรง กระทรวงกลาโหมที่เป็นพี่เลี้ยงอยู่ควรถอยออกไป นโยบายนี้ไม่ใช่เป็นการกดดันกองทัพ แต่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายในการทำเรื่องความมั่นคงไปเกื้อหนุนเรื่องเศรษฐกิจ
พล.ท.ภราดรกล่าวว่า ยังมีแนวคิดในการแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงให้ทันสมัยด้วย เช่นเรื่องกฎอัยการศึก ที่ปัจจุบันหน่วยคุมกำลังสามารถประกาศเองได้แล้วต้องมีพระบรมราชโองการในการยกเลิก พรรคเห็นว่าผู้ประกาศกฎอัยการศึกควรเป็นฝ่ายการเมืองเหมือนที่ทุกประเทศเขาใช้กัน เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับในสายตานานาชาติเมื่อถึงคราวจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึก
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า จากการมองสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศ การติดตามการขับเคลื่อนทางการเมืองของแต่ละฝ่าย พบว่าบรรยากาศขณะนี้คล้ายช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 16, 6 ตุลา 19 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ซึ่งเพลงหนักแผ่นดินถูกนำมาใช้ก่อนเกิดเหตุการณ์
แผนล้มเลือกตั้ง
เขากล่าวว่า การที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้หยิบยกเพลงหนักแผ่นดินสื่อสารไปยังพรรคการเมืองที่เสนอตัดงบกองทัพ เป็นการส่งสัญญาณว่าบรรยากาศของบ้านเมืองจะจบลงเหมือนเหตุการณ์ 6 ตุลาหรือไม่ นอกจากนี้บรรยากาศการปราศรัยของซีกการเมืองอีกขั้ว ทำให้ตนนึกย้อนกลับไปก่อนยึดอำนาจวันที่ 22 พ.ค.57 มีการยกวาทกรรมเรื่องเผาบ้านเผาเมืองมาขยายความอย่างต่อเนื่อง ตนในฐานะประธาน นปช. ถ้าปล่อยให้ผ่านเลยไปคิดว่าจะมีปัญหาในอนาคตได้ ตนเข้าใจว่าเจตนาการพูดเรื่องดังกล่าวเพื่อนำไปสู่การล้มกระดานไม่ให้มีการเลือกตั้ง เป็นวาทกรรมที่ถูกนำมาใช้ทั้งการเลือกตั้งปี 2554 นำพาไปสู่การยึดอำนาจ 22 พ.ค.57 ซึ่งจะนำไปสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดความขัดแย้งรอบใหม่
"ผมแปลกใจว่าบรรยากาศการหาเสียงก็อึมครึมอยู่แล้ว เพราะไม่แน่ใจว่าจะเกิดรัฐประหารซ้อนหรือไม่ ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก และบรรยากาศปราศรัยเมื่อคืนของพรรคการเมืองฝั่ง คสช.ต้องการให้เกิดเรื่อง ให้ล้มกระดานการเลือกตั้ง และท่วงทำนองของ ผบ.ทบ.ที่หนักหน่วง ผมอยากให้ประชาชนได้ติดตาม เชื่อว่าเราจะเดินไปวันที่ 24 มี.ค.ได้ยากเต็มที ผมขอเตือนอะไรที่เป็นเงื่อนไขให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นไม่ได้ ทุกคนต้องเสียสละ" นายจตุพรกล่าว
ประธาน นปช.กล่าวด้วยว่า จากการประเมิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะไม่มีวันชนะในสนามการเลือกตั้ง แม้ว่าจะตั้ง ส.ว. 250 คนเข้ามา แต่สำหรับประชาชนในสนามการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวันชนะในสนามของประชาชน สนามเดียวที่ พล.อ.ประยุทธ์จะชนะคือสนามแห่งการยึดอำนาจ
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช.ระบุว่าได้กลิ่นยึดอำนาจรัฐประหารโชยมา ขอให้ไม่จริงเถอะ การใช้เพลง "หนักแผ่นดิน" มาปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังอาฆาตแค้นพยาบาทกัน และอาจนำไปสู่การประณามอีกฝ่ายว่าทำลายชาติบ้านเมือง จนอาจจะไปสู่การใส่ร้ายป้ายสีเดิมๆ ที่ว่าไม่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังที่เคยเกิดขึ้นตลอดปี 2519
หาก ผบ.ทบ.ไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นโต้แย้งอย่างเป็นเหตุเป็นผล และใช้เครื่องมือสื่อสารของกองทัพ รวมทั้งช่องทางสื่อทุกช่องทางในการช่วยเผยแพร่เหตุผลโต้แย้งดังกล่าว แล้วในที่สุดก็ยุติลงด้วยการตัดสินใจทางการเมืองของประชาชนว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่ไม่ใช่มาปลุกระดมสร้างความแตกแยกอย่างรุนแรงเฉกเช่นเหตุการณ์ 6 ตุลา 19
ให้ไปถาม 'บิ๊กจ๊อด'
"ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ผบ.ทบ.กำลังส่งสัญญาณอะไรอยู่ ท่านกำลังสร้างเงื่อนไขที่จะนำประเทศไปสู่การรัฐประหารยึดอำนาจเช่นนั้นหรือไม่" นพ.เหวงระบุ
ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผบ.ทบ.ไม่ควรเอาเวลามาแทรกแซงการเมืองหรือชี้นำลูกน้องให้เลือกใครเป็นนายกฯ ทั้งนี้คนไทยรักทหารและรู้ว่าทหารส่วนใหญ่เป็นคนดีและเสียสละเพื่อประเทศชาติ แต่ประชาชนอยากเห็นกองทัพเดินกลับกรมกองแล้วทำหน้าที่แบบทหารอาชีพ ไม่ใช่เป็นทหารนักธุรกิจหรือทหารนักการเมือง ถ้าใครอยากวิ่งเต้นประมูลงานของรัฐหรืออยากเล่นการเมืองก็ควรถอดเครื่องแบบ แล้วมาแข่งขันกับคนอื่นแบบแมนๆ อย่าดึงกองทัพมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ผบ.ทบ.ควรไปฟังเอง พ่อเขา (พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ) ยึดอำนาจมาเขาจึงชอบ ตอนพ่อเขาเสียชีวิตเมียหลวงเมียน้อยก็ฟ้องแย่งสมบัติ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากจากการยึดอำนาจเพราะยึดอำนาจแล้วรวย ซึ่ง พล.อ.อภิรัชต์เทียบกับตนแล้วเป็นเด็กเมื่อวานซืน
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ไม่มีใครหนักแผ่นดิน ทุกคนหนักเท่ากันบนแผ่นดินนี้ ทำงานจ่ายภาษีเหมือนๆ กัน แต่ที่เรารู้แน่ๆ คืองบประมาณกองทัพหนักและเป็นภาระแผ่นดินมากเกินความจำเป็น เวลานี้เพลงหนักแผ่นดินถือว่าเชยไปแล้ว ตีตราประชาชนร่วมชาติที่เห็นต่าง ถ้าอยากฟังเพลงที่ทันสมัยควรฟังประเทศกูมีหลายๆ รอบจะดีกว่า ซึ่งถึงตอนนี้เพลงประเทศกูมียอดวิวแล้วกว่า 56 ล้านวิว เทียบกันแล้วย่อมเห็นได้ว่าประชาชนต้องการฟังอะไร และมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไร ทุกคนอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของประเทศ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |