นักข่าวกับอำนาจการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

    เธอเป็นนักข่าวหัวเห็ด ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม รายงานข่าวตรงไปตรงมา วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีดูเตอร์เตแห่งฟิลิปปินส์อย่างกล้าหาญ
     สัปดาห์ที่ผ่านมา Maria Ressa ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบรัฐบาลบุกเข้าจับถึงห้องข่าวของ Rappler ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวที่เธอก่อตั้งขึ้นมาหลังจากออกจากการทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวประจำฟิลิปปินส์ให้กับหลายสำนักข่าวระดับโลกรวมถึง CNN 
    ก่อนหน้านี้เธอและสำนักข่าวของเธอถูกคุกคามมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยข้อหาทางธุรกิจ เช่น อ้างว่ามีผู้ถือหุ้นต่างชาติเกินระดับที่กฎหมายอนุญาตบ้าง ข้อหาหลีกเลี่ยงภาษีบ้าง ซึ่งเธอก็ต่อสู้ด้วยหลักกฎหมายมาตลอด
    มาเรียเพิ่งได้รับเลือกเป็นหนึ่งใน "บุคคลแห่งปี" ของนิตยสารไทม์ ในฐานะเป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพของสื่ออย่างต่อเนื่อง
    แถลงการณ์จากเธอและ Rappler หลังจากการข่มขู่คุกคามล่าสุดบอกว่า
    "นี่เป็นความพยายามที่จะคุกคามเราอีกครั้งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง แต่ความพยายามของรัฐบาลเช่นนี้จะไม่สำเร็จ เหมือนความพยายามครั้งก่อนๆ ที่เคยล้มเหลวมาแล้ว เราจะเดินหน้าทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนต่อไป เราจะพูดความจริงต่อไป และเราจะรายงานสิ่งที่เราพบและได้ยินอย่างตรงไปตรงมา เราเป็นคนทำสื่อ เราเป็นผู้บอกความจริงและเราจะไม่ยอมให้ใครมาคุกคามเรา..."
    มาเรียบอกว่าไม่ว่ารัฐบาลจะพยายามอ้างประเด็นกฎหมายหรือการโฆษณาชวนเชื่อใส่ร้ายป้ายสีเธอ รวมถึงการใช้เรื่องโกหกมดเท็จมากมายเพื่อปิดปากคนทำสื่อของฟิลิปปินส์ เธอจะเดินหน้าสู้ต่อไป
    "ดิฉันถือว่านี่เป็นการเล่นกายกรรมทางกฎหมายของผู้มีอำนาจ นี่แสดงถึงความพยายามของรัฐบาลที่จะทำทุกอย่างเพื่อปิดปากสื่อ รวมถึงการหาเหตุเพื่อบังคับให้ดิฉันต้องถูกจับเข้าห้องขังด้วย..."
    มาเรียไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวในวันที่ถูกจับวันแรกจึงนอนอยู่ในคุก 1 คืน ได้ประกันตัวในวันรุ่งขึ้น เท่ากับเสียเสรีภาพไปเพราะวิธีการคุกคามของผู้มีอำนาจโดยแท้
    ผมรู้จักมาเรียมาหลายปี เคยขึ้นเวทีอภิปรายเรื่องเสรีภาพของสื่อหลายครั้ง และยืนยันได้ว่าเธอเป็นสื่อมืออาชีพที่กล้าหาญและทุ่มเท
    เธอเคยเป็นหัวหน้าสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นประจำฟิลิปปินส์
    แต่เมื่อโลกเทคโนโลยีเปิดกว้าง เธอก็ตัดสินใจผละจากงานเป็นลูกจ้างสำนักข่าวต่างประเทศมาก่อตั้งสำนักข่าวออนไลน์ชื่อ Rappler ร่วมกับคนทำสื่ออื่นๆ เมื่อปี 2012 หรือเมื่อ 6 ปีก่อน
    เจอกันครั้งล่าสุดที่สิงคโปร์ ผมถามเธอถึงสถานการณ์ของเธอเป็นอย่างไร มาเรียบอกว่างานด้านข่าวไปด้วยดี “แต่การเมืองกำลังเล่นเรา เพราะเราทำข่าวเจาะลึกเกี่ยวกับนโยบายของดูเตอร์เต โดยเฉพาะเรื่องวิสามัญฆาตกรรมในการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด”
    ถึงวันนี้ มีคนถูก “วิสามัญ” ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4,000 คน ท่ามกลางความสงสัยคลางแคลงว่าเขาเหล่านั้นได้กลายเป็น “เหยื่อ” ของนโยบายเหวี่ยงแหของดูเตอร์เตหรือไม่
    ดูเตอร์เตได้รับเลือกตั้งจากประธานาธิบดีโดยประชาชนอย่างล้นหลาม เพราะแนวทาง “เท้าติดพื้น” ของเขา แต่เมื่อได้อำนาจมาแล้วก็เริ่มจะไม่ยอมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์
    เว็บไซต์ Rappler เป็นสื่อไม่กี่รายที่กล้าท้าทายรัฐบาลและเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลของนโยบายหลายประการของดูเตอร์เต
    นั่นคือที่มาของการใช้วิธีข่มขู่คุกคามสื่อที่ไม่ยอมก้มหัวให้
    ตำรวจออกคำสั่งจับมาเรียล่าสุดอ้างกฎหมาย “cyber-libel” หรือข้อหาหมิ่นประมาทผ่านเนื้อหาทางออนไลน์
    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลดูเตอร์เตเล่นงานมาเรียด้วยข้อหาหลบเลี่ยงภาษี แต่เธอก็ตอบโต้ด้วยการแย้งว่านี่เป็นแผนร้ายทางการเมืองที่ต้องการกลั่นแกล้งเธอเป็นหลัก
    ดูเตอร์เตออกมาวิพากษ์ Rappler และนักข่าวของสำนักข่าวแห่งนี้บ่อยๆ และเคยสั่งห้ามนักข่าวของมาเรียไปทำข่าวของกิจกรรมทางการ
    ปีที่แล้วทางการฟิลิปปินส์สั่งถอนใบอนุญาตของสำนักข่าวแห่งนี้เพื่อสกัดกั้นการทำหน้าที่รายงานข่าวที่รัฐบาลไม่พอใจ
    แต่เธอก็ต่อสู้อย่างไม่ลดละ
    “คุณไม่รู้จักตัวเองจริงๆ จนกว่าคุณถูกบังคับให้ต้องสู้เพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ว่าคุณจะแพ้หรือชนะ ไม่ว่าจะประนีประนอมหรือไม่ ท้ายที่สุดการต่อสู้ของคุณจะเป็นตัววัดคุณค่าของความเป็นคุณ” มาเรียประกาศอย่างมุ่งมั่น วันนี้เธอถูกทดสอบอีกครั้ง
    การต่อสู้ของคนทำสื่อเพื่อเสรีภาพในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนเป็นภารกิจร่วมของคนข่าวทั่วโลกไม่ว่าที่ไหน รวมทั้งประเทศไทยของเรานี้ก็กำลังเผชิญกับปัญหานี้อยู่เช่นกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"