สอท.ห่วงแรงงานไทยส่อเตะฝุ่นกว่า 5 แสนคน เจอเทคโนโลยีแย่งงาน


เพิ่มเพื่อน    

 

18 ก.พ. 2562 นายถาวร ชลัษเฐียร รองประธานงานสถาบันเสริมสร้างขีดความสามารถมนุษย์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า  แนวโน้มที่ผู้ประกอบการจะใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ระบบหุ่นยนต์ หรือเทคโนโลยีจะมีมากขึ้นต่อเนื่องในการบริหารจัดการโดยเฉพาะในโรงงานภาคการผลิต ซึ่งย่อมจะกระทบต่อการตกงานของคนไทยในอนาคตที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆหากทุกฝ่ายไม่เร่งปรับตัวรองรับโดยเฉพาะการเพิ่มทักษะฝีมือแรงงานและการพัฒนาการศึกษาที่ให้สอดรับกับกระแสเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลง(ดิสรัฟทีฟ เทคโนโลยี)

 “ เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงมาตลอดที่ผ่านมาแต่ช่วงนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เร็วกว่าเดิมหลายเท่าเราพูดถึงแต่เรื่องนวัตกรรมแต่เราลืมเรื่องคนไปซึ่งไทยเองกำลังจะประสบปัญหาในแง่การเข้าสู่สังคมสูงวัยระยะใกล้ปี 2563ที่จะมีคนสูงวัยในระบบกว่า 20% ของวัยทำงานและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆดังนั้นคนไทยเองก็จะไม่พอเพียง การพัฒนาคนเพื่อให้ใช้เทคโนโลยีในการดำเนินธุรกิจจะเป็นสิ่งที่สำคัญในอนาคตมาก”นายถาวรกล่าว

สำหรับแนวทางหลักคือ1. การเพิ่มทักษะแรงงานที่ภาคธุรกิจทุกส่วนต้องเร่งดำเนินการเพื่อพัฒนาบุคคลากรซึ่งส.อ.ท.เองได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในระดับอาชีวะที่จะส่งเสริมให้แรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมทำงานไปเรียนไป และมีการปรับหลักสูตรและฝึกงานในระยะที่เหมาะสม เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อยกระดับคุณภาพของแรงงานไทยที่มีอยุ่ปัจจุบันให้มีความรู้ความสามารถที่จะใช้เทคโนโลยีใหม่ๆให้เป็นไม่เน้นการรับค่าจ้างขั้นต่ำเช่นที่เป็นอยู่

 2.การพัฒนาหรือปฏิรูปการศึกษาเพื่อสร้างแรงงานใหม่ ให้สอดรับกับความเป็นจริง ที่ขณะนี้ผู้ที่จบปริญญาตรีสายสามัญเช่น สังคมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ ฯลฯพบว่ามีถึง 70% เมื่อเทียบกับสายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ฯลฯ โดยเห็นควรควรจะสลับสัดส่วนดังกล่าวเพื่อทำให้ประเทศพัฒนาไปในทิศทางที่ถูกต้อง

“สายอาชีวะเป็นสายที่ตรงกับความต้องการแรงงานในประเทศ ขณะที่อุดมศึกษาบ้านเราก็ยังเน้นผลิตคนทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีน้อยมากไทยเองเป็นฐานเกษตรน่าจะส่งเสริมการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีจากสิ่งนี้เข้าไปก็จะเพิ่มมูลค่าได้มาก เราจะคิดแบบเดิมๆไม่ได้อีกแล้วเพราะถ้าจบปริญญาตรีปริญญาเอกมากมายแต่ทำงานไม่เป็นก็ไร้ประโยชน์”นายถาวรกล่าว

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) กล่าวว่า แนวโน้มอัตราการว่างงานของคนไทยปี 2562 ทั้งปีคาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 1.2-1.3% ของกำลังแรงงานทั้งหมดที่คาดว่าจะอยู่ประมาณ 38-39 ล้านคนหรือเฉลี่ยอัตราการว่างงานประมาณ 4-5 แสนคนซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2561 ที่มีอัตราการว่างงานเฉลี่ยระดับ 1% โดยการว่างงานหลักๆจะมาจากที่ภาคการผลิตส่วนใหญ่ปี 2562 จะไม่รับแรงงานเข้าทำงานใหม่เพิ่มขึ้นเนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกชะลอตัวที่จะกระทบต่อการส่งออกที่เติบโตลดลง โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน ขณะที่การลงทุนใหม่ที่จะก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นในประเทศยังคงชะลอดูผลการเลือกตั้ง รวมถึงผู้ผลิตบางส่วนจะหันไปใช้เครื่องจักรแทนแรงงานคนเพื่อปรับเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0

“ ไตรมาสแรกปีนี้แนวโน้มการว่างงานส่วนหนึ่งจะสูงมาจากการที่จะมีนักศึกษาจบใหม่เข้ามาในช่วงเดือนมี.ค.นี้โดยนักศึกษาจบใหม่จะเข้ามาเติมระบบราว 5 แสนคน และส่วนใหญ่จะพบว่ายังคงเป็นปัญหาเดิมๆที่แรงงานเหล่านี้กว่า 63% เป็นการจบปริญญาตรีมาและปริญญาตรีส่วนนี้เกือบ 50% เป็นสายสามัญที่ไม่ใช่วิชาชิพตามที่ตลาดแรงงานไทยต้องการมากนัก ส่วนนี้ก็จะหางานยากอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเมื่อการจ้างงานใหม่ช่วงไตรมาสแรกยังคงไม่ชัดเจนก็จะทำให้ดูเลขจะสูงขึ้นมาก ”นายธนิต กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"