หนุ่มผูกใจเจ็บอริต่างหมู่บ้านมีเรื่องกันตั้งแต่ช่วงปีใหม่ รู้ข่าวอีกฝ่ายไปเที่ยวงานดนตรี ชวนพรรคพวกไปดักรอทำร้าย พอประจันหน้าก็ชักปืนยิงใส่ 2 นัดก่อนเผ่นหนี หารู้ไม่ กระสุนเจาะเบ้าตาเด็กหญิงวัย 14 นักเรียน ม.2 ที่ซ้อนท้ายเพื่อน เสียชีวิตอนาถ ตำรวจตามจับดำเนินคดีข้อหาฉกรรจ์ 
    เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ได้จับกุมนายพิชิต มะณีเติม หรือหมี่ อายุ 30 ปี ชาว ต.บ้านยาง อ.ลำปลายมาศ พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนดังกล่าวดักยิงกลุ่มวัยรุ่นคู่อริบ้านกวางงอย ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากเที่ยวชมขบวนแห่ดนตรีในงานทำบุญฉลองอัฐิ ที่บ้านหนองกระทุ่ม ต.บ้านยาง เมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ ด.ญ.ปาริชาติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ลำปลายมาศ ที่นั่งซ้อนท้ายมากับกลุ่มวัยรุ่นบ้านกวางงอย ถูกกระสุนปืนเข้าเบ้าตาซ้าย 1 นัด ทะลุออกหลังใบหูขวา บาดเจ็บสาหัส ถูกหามส่งโรงพยาบาลลำปลายมาศ แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา 
    จากการสอบสวน นายพิชิตให้การว่า วันเกิดเหตุได้มีการจัดงานขบวนรถแห่ดนตรีในงานทำบุญฉลองอัฐิในหมู่บ้านหนองกระทุ่ม เมื่อทราบว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นบ้านกวางงอย ซึ่งเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ตนจึงได้ชวนเพื่อนรวม 3 คนขับขี่รถจักรยานยนต์ไปดักรอกลุ่มวัยรุ่นคู่อริบริเวณสะพานระหว่างบ้านหนองกระทุ่มกับบ้านกวางงอย กระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. หลังขบวนแห่ดนตรีเสร็จ กลุ่มวัยรุ่นคู่อริประมาณกว่า 10 คนก็พากันขี่รถจักรยานยนต์ออกมาเพื่อจะกลับบ้านที่ ต.โคกกลาง พอตนเห็นกลุ่มคู่อริมีมากกว่า จึงชักอาวุธปืนออกมาขู่ แล้วได้ยินเสียงคู่อริตะโกนว่า “ยิงมันเลย” ทำให้ตนเข้าใจว่ากลุ่มคู่อริมีอาวุธ จึงยิงปืนขู่ไปก่อน 1 นัด แต่กลุ่มคู่อริกลับวิ่งกรูเข้ามาหา จึงตัดสินใจยิงใส่อีก 1 นัด จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แล้วนำอาวุธปืนไปฝากเพื่อนไว้ ซึ่งตอนแรกก็ไม่ทราบว่ามีคนถูกยิง กระทั่งตำรวจมาติดตามตัวที่บ้านและแจ้งว่าตนเองยิงคนเสียชีวิตก็ตกใจ พร้อมทั้งขอโทษครอบครัวของน้องที่เสียชีวิต และยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
    ด้าน ร.ต.อ.เรืองศักดิ์ แสงคำ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ลำปลายมาศ เจ้าของคดี หลังทำการสอบสวนนายพิชิต ผู้ต้องหา ต่อหน้าทนายความ ก็ได้แจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนสรุปสำนวนเสนออัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไป.