"บิ๊กตู่" งานชุก ตรวจงานตลาดนัดจตุจักร กองเชียร์พรึ่บ! ปากหวานดีใจจริงๆ ที่เห็นรอยยิ้ม "หมดเจี๊ยบ" ตามจิก แอบสร้างผลงานหาเสียงชัดๆ ด่าแรงเลิกทำเป็นสั่งสอนเด็กได้แล้วว่าโตไปไม่โกง เพราะอาจโดนเด็กย้อนว่า นี่ก็แก่จนจะเข้าโลงแล้วยังไม่เลิกโกงอีกเหรอ "เจ๊หน่อย" ปราศรัยแจกแหลก ให้เลือกเพื่อไทยเดินออกจากความทุกข์ ส่วน "มาร์ค" ก็บอกประชาธิปัตย์เสียงดีขึ้นทุกวัน กทม.กวาดเกิน 20 ที่นั่งขึ้นไป
ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร กทม. เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม และคณะ ลงพื้นที่ตลาดจตุจักร เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการจัดทำสัญญาให้สิทธินำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในบริเวณตลาดนัดจตุจักร ระหว่างกรุงเทพมหานครกับกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร
โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. และผู้บริหาร กทม.ให้การต้อนรับ ซึ่งมีกลุ่มผู้ค้าถือป้ายไวนิลข้อความต่างๆ อาทิ ขอขอบพระคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และคณะทำงาน กขป.5 สหกรณ์บริการผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร
รวมถึงป้าย "รักลุงป้อม” บิ๊กป้อมสั่งแก้ปัญหาตลาดนัดจตุจักร และป้าย "ชาวตลาดนัดจตุจักรยินดีต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะ" เป็นต้น
นายกฯ กล่าวกับกลุ่มผู้ค้าตลาดนัดจตุจักรว่า ตนต้องขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรี กรุงเทพมหานคร และกระทรวงที่เกี่ยวข้อง วันนี้เป็นวันหนึ่งที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น หลายอย่างเรากำลังปรับปรุงแก้ไขไปตามลำดับ กฎหมายต่างๆ ที่ต้องใช้เราก็ดูแลให้เกิดความเป็นธรรม
"ผมดีใจที่วันนี้ได้เจอคนจตุจักร ผมก็เป็นสมาชิกจตุจักรเก่า สมัยก่อนไม่รู้จะไปไหนก็มาเดินจตุจักร เพราะว่าตลาดจตุจักรเป็นเสน่ห์ของประเทศไทย ทำให้ชาวต่างชาติมาเที่ยว ซึ่งวันหนึ่งมีคนเข้ามาในตลาดจตุจักรเกือบ 200,000 คน รายได้ 8.5 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ของผู้มีรายได้น้อย"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ กฎหมายและระเบียบต่างๆ ทำให้เกิดความเท่าเทียม ทำให้ทุกคนเท่าถึง ซึ่งปัญหาต่างๆ มีจำนวนมาก แต่ก็ต้องช่วยกันแก้ไข รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหา แล้ววันนี้ทุกคนก็ดีใจที่ได้มาทำสัญญา ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง และจากนี้จะต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป อีกทั้งจะต้องดูแลในเรื่องของความสะอาด ขยะ เพราะเสน่ห์ของตลาดคือต้องสะอาด รวมถึงการพูดจาที่ไพเราะและมีรอยยิ้มสดใส ไม่ใช่อารมณ์เสีย ขณะเดียวกัน อยากให้แก้ปัญหารถติดและการจราจรรอบพื้นที่จตุจักร เพื่อความสะดวกขึ้น
"บิ๊กตู่"เน้นเรื่อง"ยิ้ม"
"ดีใจจริงๆ ที่เห็นรอยยิ้ม คนไทยอะไรก็ตามยิ้มเข้าไว้ ถ้ายิ้มไว้จะสู้ได้ทุกอย่าง แต่ถ้าทะมึนทึน ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ได้ นายกฯ ก็ต้องยิ้มสวยๆ ตอนนี้ก็ปรับตัวแล้ว แต่ก่อนไม่ค่อยยิ้ม เพราะเป็นผู้บัญชาการทหารเก่า ดุอะไรไปบ้างก็ต้องขอโทษด้วย เราต้องรักกัน ถ้าไม่รักกัน ไม่ชอบกันเลย แก้อะไรไม่ได้ เพราะต่างคนต่างมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน ขอเถอะครับ ทุกเรื่องประเทศไทยจะได้ไปได้ ผมไม่อยากให้ประเทศไทยแตกแยกกันอีกต่อไป ผมขอแค่นั้นแหละ เพราะวันนี้เห็นวุ่นวายกันเหลือเกิน ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อยู่ที่จิตใจคน ต้องอยู่กันให้ได้ วันนี้เรามาทำความดีให้จตุจักร แม้วันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันหยุด แต่เราต้องไม่หยุดรักกัน ไม่ว่าวันไหนก็ต้องรักกัน ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน"
ช่วงหนึ่งนายกฯ ได้หันไปเห็นผู้ค้าคนหนึ่งชูป้ายข้อความว่า “รักลุงตู่ที่ซู้ดดด...รักพี่ป้อมมากๆ...” จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า เดี๋ยวก็เป็นประเด็นอีก ไม่เอาการเมืองไม่พูด ไม่เกี่ยว เดี๋ยวก็มีเรื่องทุกที ทำงานไม่สะดวก น่าเบื่อเหมือนกัน การเมืองเป็นเรื่องของอนาคต
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินตรวจเยี่ยมตลาดนัดจตุจักร พร้อมทักทายผู้ค้าและประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของ โดยได้พูดคุยกับท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ขณะที่พ่อค้าแม่ค้าบางส่วนได้มอบดอกไม้ ขอถ่ายรูปร่วมกับนายกฯ เป็นที่ระลึก
ขณะที่บางส่วนได้เข้ามาขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ช่วยดำเนินการในการปราบปรามมาเฟียสวนจตุจักร และการจัดระเบียบแผงค้า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ และคณะได้ร่วมกันรับประทานอาหารเช้าที่ร้านเหมียวข้าวแกงใต้ภายในตลาดนัดจตุจักร ก่อนจะเยี่ยมชมร้านค้าในตลาด พร้อมทักทายแม่ค้าผ่านรั้ว บอกความรักไม่มีอะไรขวางกั้น
ทั้งนี้ ระหว่างเดินผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกฯ ว่ารู้สึกอย่างไรที่ผลโพลตอนนี้ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์มาเป็นอันดับ 1 ในการเป็นแคนดิเดตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ได้เพียงแต่ยิ้มและพยักหน้า ทั้งนี้ ภายหลังจากเดินตลาดนัดสวนจตุจักร นายกฯ ได้เรียกผู้สื่อข่าวมาถ่ายรูปร่วมกันอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเมืองอีกฟากมองว่าเป็นเรื่องการหาเสียง ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ผู้สมัคร ส.ส.เขตลาดพร้าว กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่ามาอ้างเลยว่าที่ไปลงพื้นที่ตลาดนัดจตุจักรไม่ใช่เรื่องการเมือง เพราะดูยังไงมันก็คือการไปเดินหาเสียงชัดๆ การที่กรุงเทพมหานครนัดพ่อค้าแม่ค้ามาทำสัญญาเช่าแผงขายของในราคาต่ำกว่าเดิมเดือนละ 1,000 กว่าบาท โดยให้พ่อค้าแม่ค้าเซ็นสัญญาเช่าต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ทำแบบนี้เหมือนจะยกเครดิตให้แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐหรือเปล่า เพราะผู้บริหารระดับสูงของกรุงเทพมหานครก็เป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเต็มไปหมด
"นี่พวกท่านกำลังจะบอกพ่อค้าแม่ค้าเป็นนัยๆ ว่า เหตุที่แผงขายของในตลาดจตุจักรราคาถูกลงเป็นเพราะฝีมือแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐอย่างนั้นหรือ"
"หมวดเจี๊ยบ"ด่าแรง
หมวดเจี๊ยบยังกล่าวว่า ยังน่าสงสัยว่านี่เป็นทฤษฎีการสมคบคิดวางแผนหาเสียงล่วงหน้าโดยการใช้นโยบายประชานิยมเพื่อซื้อเสียงหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลอยู่เฉยๆ มาเกือบ 5 ปี ก็ไม่เคยคิดจะลงมือทำอะไร แต่พอรู้ตัวว่าอีก 2-3 เดือนจะมีการเลือกตั้ง ก็รีบเร่งรัดออกมติ ครม. สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรีบโอนความรับผิดชอบในการบริหารตลาดนัดจตุจักรไปให้กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นองค์กรที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐนั่งเป็นใหญ่ในฐานะผู้บริหารอยู่เต็มไปหมด
จากนั้นก็รีบลดราคาค่าเช่าแผงในตลาดก่อนจะเลือกตั้งไม่กี่วัน และเมื่อถึงวันเซ็นสัญญา ก็เชิญแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ มานั่งชูคอรับความดีความชอบเหมือนเป็นผลงานชิ้นโบแดง ซึ่งเป็นการรับลูกกันเป็นทอดๆ แบบนี้เท่ากับใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ในการหาเสียง ซึ่งถือเป็นการโกงเลือกตั้งอย่างหนึ่ง
"เลิกทำเป็นสั่งสอนเด็กได้แล้วว่าโตไปไม่โกง เพราะอาจโดนเด็กย้อนว่า นี่ก็แก่จนจะเข้าโลงแล้วยังไม่เลิกโกงอีกเหรอ”
ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ก็พูดออกไมโครโฟนอย่างชัดเจนทำนองว่าพ่อค้าแม่ค้าคงจะดีใจที่ค่าใช้จ่ายถูกลง แถมยังสัญญากับพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดนัดจตุจักรว่าจะทำให้มีลูกค้ามาเดินที่ตลาดวันละ 3 แสนคน ทั้งๆ ที่การพูดหาเสียงแบบนี้เข้าข่ายการสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง และในอดีตเคยมีผู้สมัคร ส.ส.ถูกจับแพ้ฟาล์วเพราะพูดสัญญาว่าจะให้ในลักษณะนี้มาแล้ว แต่พอเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งกำลังใหญ่โตคับบ้านคับเมือง ก็ไม่ทราบว่าจะมีใครกล้าตรวจสอบไหม เพราะหน่วยงานที่มีหน้าที่ต้องตรวจสอบก็ล้วนแต่เป็นลูกน้อง พล.อ.ประยุทธ์ทั้งนั้น เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งโดย คสช.กันทุกคน ตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวน
"หากคนไทยปล่อยให้ผู้มีอำนาจฮั้วกันได้ นานๆ ไป ก็ระวังจะเกิดการกินรวบประเทศไทย หรือการฮั้วอำนาจกันระหว่างผู้มีอำนาจ นายทุน และคนมีปืน เมื่อสบโอกาสคนเหล่านี้ก็จะยึดกุมอำนาจของประเทศในทุกเสาหลักแบบเบ็ดเสร็จโดยไม่จำเป็นต้องฟังเสียงใคร เพราะมีอำนาจล้นฟ้า กลายเป็นวงจรอุบาทว์ทำให้บ้านเมืองตกต่ำ และจะเกิดหายนะทางเศรษฐกิจจนประเทศหมดสิ้นอนาคต แล้วลูกหลานคนไทยในวันข้างหน้าจะมีชีวิตอยู่ในสภาพไหนก็ลองนึกภาพดู" หมวดเจี๊ยบกล่าว
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ปราศรัยที่บริเวณหน้าศาลาว่าการกรุงเทพฯ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมาเดินทางพบประชาชนทั่วประเทศ ต่างบ่นว่าเศรษฐกิจแย่ ค้าขายไม่ได้ วันนี้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่กรุงเทพฯ อยากถามว่า 4-5 ปีมานี้ พี่น้องกระเป๋าตุงหรือกระเป๋าแฟบ คือความเจ็บปวดของพวกเรา เศรษฐกิจแย่ คนแก้ได้แน่ๆ มีพรรคเดียวคือพรรคเพื่อไทย
หมดเวลารัฐบาลรถถัง
"วันนี้หมดเวลารัฐบาลรถถัง ได้เวลาเพื่อไทยมาพลิกฟื้นเศรษฐกิจ จะปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ให้ทุกคนยืนอยู่ได้ เพราะอยากแจกบัตรคนรวย เร่งเติมเงินทุนให้ประชาชนคนตัวเล็ก ด้วยธนาคารพัฒนารายได้แต่ละจังหวัด ที่สำคัญประชาชนต้องมีที่ขายของโดยจัดระเบียบแบบชาญฉลาด ให้ประชาชนมีที่ขายของเพื่อให้นักท่องเที่ยวอย่างมากินสตรีทฟู้ด เอาสินค้าไทยไปบุกตลาดโลก ขจัดอุปสรรคการทำมาหากินที่เป็นกฎหมายต่างๆ ยุ่งยาก"
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลที่ใช้เงินเยอะ จึงต้องหาเงินเป็น ไม่ใช่ขึ้นภาษีอย่างเดียว พรรคเพื่อไทยจะลดภาษีอย่างชาญฉลาด ไม่ทำให้รายได้หายไปโดยขยายฐานภาษี และถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ภายใน 6 เดือนราคาสินค้าจะกลับไปรุ่งเรืองทุกตัว อย่างน้อยต้องขึ้น 30% ภายใน 6 เดือน จะเพิ่มนักท่องเที่ยวกว่า 50 ล้านคนภายใน 2 ปี จะสร้างความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว เที่ยวไทยปลอดภัยทุกที่ทุกเวลา เพื่อดึงเงินจากการท่องเที่ยวให้ได้ 3 ล้านล้านให้ได้ และจะยกเลิกวีซ่าระหว่างไทยจีน
อีกทั้งยังจะให้คนทำงานรุ่นใหม่ได้เป็นเถ้าแก่ด้วยการตั้งศูนย์เถ้าแก่ใหม่ โดยขอลดงบกระทรวงกลาโหม 10% จากเดิมที่ได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท เราขอมาสักสองหมื่นล้านบาท มาใช้ และจะไม่มีการเกณฑ์ทหารให้เด็กรุ่นใหม่เข้า เราจะมีศูนย์เถ้าแก่ใหม่ smart small business ส่วนกรณีที่มีฝุ่นพิษนั้น เราจะแก้ใน 3 ปี และใน 4 ปีหากได้เป็นรัฐบาล เราจะเปลี่ยนรถทั้งหมดเป็นรถไฟฟ้า
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พี่น้องต้องเลือกเพื่ออนาคตตัวเองและลูกหลาน ถ้าไม่ไปเลือกตั้งคราวนี้ อาจต้องอยู่ในสภาพเหมือนที่ผ่านมา เราจะอยู่ในสภาพอย่างนี้กับนายกฯ คนเดิมไหวหรือ ถ้าไม่ไหว กุญแจดอกเดียวที่จะไขออกจากความทุกข์ได้คือพรรคเพื่อไทย ต้องไปเลือกเพื่อไทยให้ถล่มทลาย ให้ท่วม ส.ว. 250 คน พรรคเพื่อไทยจะนำความสุขอย่างแท้จริงกลับคืนมา นำความสงบมาให้ประเทศ
"การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งตามปกติ แม้ชนะมาทีหนึ่ง แต่ถ้าไม่ท่วมท้น จะแพ้ ส.ว. 250 คนอยู่ดี เราต้องจับมือเดินไปข้างหน้า เลือกเพื่อไทยอย่างถล่มทลาย ถ้าทำภารกิจสำเร็จ 24 มีนา.จะเป็นวันพลิกฟื้นเศรษฐกิจ วันเดินออกจากความทุกข์ ได้เวลาทวงคืนความสุข ทวงเงินในกระเป๋ากลับคืนมา กุญแจดอกเดียวที่จะทำได้คือพรรคเพื่อไทย" ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยกล่าว
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า จากการลงพื้นที่ในหลายวันที่ผ่านมา พบว่ากระแสของพรรคเพื่อไทยนั้น ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ปัญหาสำคัญของประชาชนในตอนนี้คือเรื่องของปากท้อง ราคาผลผลิตการเกษตรตกต่ำ เชื่อว่าประชาชนจะให้ความมั่นใจกับพรรคเพื่อไทย โดยเห็นว่าผลงานที่ได้ทำมานั้นจะตอบโจทย์ช่วยเหลือประชาชนได้
"ชัชชาติ"หยาม"บิ๊กตู่"
เขากล่าวว่า ส่วนตัวไม่กังวลกับคู่แข่งอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะประชาชนเห็นแล้วว่าที่เศรษฐกิจไม่ดีในปัจจุบันนั้นเป็นเพราะอะไร หากไม่ใช่ผลงานของรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ถือว่าเป็นกระแสบวกของพรรคพลังประชารัฐ ต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่ประชาชนเห็นว่าเมื่อได้มีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ก็ทำให้เศรษฐกิจดี แก้ไขปัญหาปากท้องได้
สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีหลายบทบาทในเวลาเดียวกัน ส่วนตัวไม่ได้เป็นกังวล เพราะอยู่ที่พี่น้องประชาชน จะมองว่าเป็นธรรมหรือไม่ หากไม่เป็นธรรมก็จะเป็นเครื่องมือบ่งบอกถึงอนาคตว่าควรจะเลือกใคร
นายชัชชาติกล่าวว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแจกเงิน แต่ตั้งโจทย์ที่การทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น เพื่อประชาชนจะได้ส่วนแบ่งที่มากขึ้น วันนี้โลกเปลี่ยนไปมาก คนที่จะเป็นรัฐบาลใหม่ จะต้องเข้าใจอนาคต ประชาชน และวิธีการปฏิบัติ ซึ่งที่แล้วมาพรรคเพื่อไทยแสดงให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในตรงนี้
"การเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา ทำให้เห็นแล้วว่า อำนาจดังกล่าวนั้นไม่ได้ช่วยอะไร เพราะการเลือกตั้งอยู่ที่ว่า ใครเข้าใจปัญหาและอนาคตมากกว่ากัน หากอำนาจเช่นนั้นดีจริง รัฐบาลทหารทุกชุดคงชนะการเลือกตั้งไปแล้ว ซึ่งส่วนตัวไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใด และไม่ได้มองว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นศัตรู เพราะนี่คือการแข่งขัน จึงต้องมาแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม ด้วยการเสนอทางเลือกให้ประชาชน ซึ่งประชาชนและสื่อมวลชนจะต้องช่วยกันตรวจสอบว่าเป็นการแข่งขันที่เป็นธรรมหรือไม่ เพราะคนไทยไม่ชอบความอยุติธรรม ถ้ายิ่งเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม กระแสก็จะตีกลับมาให้พรรคเพื่อไทยเอง"
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ถูกยุบ จะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยมากหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า คิดว่าไม่ เพราะถือว่าต่างคนต่างเดิน เป็นอิสระต่อกัน นโยบายของพรรคแยกจากกัน หากเกิดอะไรขึ้นกับพรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อไทยต้องเดินหน้า ไม่หวั่นไหว อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวไม่ได้ประเมินว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง แต่นาทีนี้ ทุกคนต้องตั้งเป้าที่จะวิ่งสู่เส้นชัย จะไปกังวลกับผลโพลที่มีหลากหลายไม่ได้
ถามว่าตอนนี้พรรคอนาคตใหม่ค่อนข้างมีกระแสที่ดี นายชัชชาติตอบว่า เป็นเรื่องดีที่มีพรรคทางเลือกใหม่ๆ ให้ประชาชน ซึ่งจะทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัวมากขึ้นด้วย ถือเป็นเรื่องดี ถึงวันนี้มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม เพราะถึงเวลานี้แล้ว คงไม่มีใครที่จะฝืนการเลือกตั้งไปได้
ขณะที่นายยุทธพร อิสรชัย รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) กล่าวว่า หากมีการตัดสินยุบพรรคไทยรักษาชาติจริง ต้องดูว่าเกิดขึ้นช่วงใด หากยุบก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส.ในพรรคไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร ส.ส.ได้ เนื่องจากไม่มีพรรคการเมืองสังกัด ผู้สมัครของ ทษช.ในพื้นที่ใดก็ตาม ถ้าประชาชนกาเลือก จะกลายเป็นบัตรเสียทันที อาจนำไปสู่การจัดเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ผู้สมัครจาก ทษช.ได้รับชัยชนะ
ตัดสิทธิ์แบบไหน?
แต่หากยุบพรรคหลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ต้องไปหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 90 วันสำหรับกรรมการบริหารพรรค ไม่ว่าเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง ต้องดูว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตีความไปถึงจุดไหน หากเป็นการยุบพรรค แต่ไม่ได้ลงโทษกรรมการบริหารพรรคคงไม่มีอะไร หากสั่งยุบพรรคพร้อมลงโทษกรรมการบริหารพรรคเป็นเรื่องการตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องใน 3 ประเด็น คือ 1.ตัดสิทธิ์การใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 2.ตัดสิทธิ์การลงสมัครรับเลือกตั้ง และ 3.การตัดสิทธิ์การดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากตัดสิทธิ์ทั้ง 3 พ.ร.ป.พรรคการเมืองระบุให้ตัดสิทธิ์ 10 ปี แต่ในรัฐธรรมนูญกำหนดว่า หากตัดสิทธิ์ทางการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะการลงสมัครรับเลือกตั้งและการดำรงตำแหน่งทางการเมืองถือว่าตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ปราศรัยใหญ่ภาคตะวันออก ระบุการที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะดูแลเด็กแรกเกิดถึง 8 ขวบ เป็นนโยบายลอกเลียนแบบว่า ตนคิดว่าปัญหาในพรรคประชาธิปัตย์ที่นายอภิสิทธิ์ต้องไปแก้ เฉพาะที่เป็นข่าวก็มากเหลือเกิน เช่น กรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรค บอกว่าถูกประหารชีวิตทางการเมือง แพ้ทุนพรรค ถูกจัดปาร์ตี้ลิสต์ลำดับท้าย นางภักดิพร สุจริตกุล แม่ของนายสุรบถ หลีกภัย โพสต์เดือดปลื้ม-ชวน โดนหลอกใช้ ทำอะไรไม่เห็นหัว
ดังนั้น ก่อนไปกล่าวหาคนอื่นลอกนโยบาย เอาเวลาไปแก้ปัญหาในพรรคก่อนดีกว่า ทุกฝ่ายอยากเห็นบรรยากาศการแข่งขันกันนำเสนอนโยบายต่อประชาชนอย่างสร้างสรรค์ การดูแลเด็กปฐมวัยถึง 8 ขวบ เป็นเรื่องที่ทุกองค์กรระดับโลกให้ความสำคัญ เช่น ธนาคารโลก รวมถึง TDRI ของไทย
เขากล่าวว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย ลงลึกถึงการพัฒนายกระดับให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอัจฉริยะ 20,000 แห่ง ก้าวข้ามการลดแลกแจกแถม แข่งกันว่าใครจะให้มากกว่า ถ้าใครมาพูดเรื่องเดียวกัน ถือว่าลอกนโยบายไปหมด ตรรกะนี้คงไม่ถูกต้อง เพราะถ้าตรรกะผิด พอใครพูดเรื่องเกษตร ประมง ท่องเที่ยว ก็จะกล่าวหาว่าลอกอีก
"20 ปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งมาตลอด ในขณะที่นายอภิสิทธิ์นำพรรคแพ้การเลือกตั้งมาตลอดเช่นกัน คนชนะจะไปลอกคนแพ้เพื่ออะไร นายอภิสิทธิ์ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงมากล่าวหาพรรคเพื่อไทยลอกนโยบาย ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ แข่งขันกันนำเสนอนโยบาย แล้วให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจว่า ชอบนโยบายของพรรคไหนในวันเลือกตั้ง" นายอนุสรณ์กล่าว
"มาร์ค"บอก ปชป.เสียงดี
ที่ตลาดวัฒนานันท์ ดอนเมือง (ฝั่งโขง) เขตดอนเมือง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 11 พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่หาเสียงพบปะพี่น้องชาวดอนเมือง
นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า กระแสตอบรับในพื้นที่ดี ส่วนใหญ่ยืนยันสนับสนุนพรรค เราคิดว่าครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งเพื่อกำหนดทิศทางของประเทศ ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม ความเหมาะสมที่จะพาประเทศพ้นจากปัญหาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ
ส่วนการปราศรัยใหญ่ที่แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งมีพรรคการเมืองอื่นๆเปิดปราศรัยใหญ่ด้วยเช่นกันนั้น ตรงนี้เราก็อยากให้เวทีเปิดกว้าง เพื่อให้ประชาชนทราบว่าทางเลือกของประเทศเป็นอย่างไร ยิ่งมีการแลกเปลี่ยนกันเท่าใดก็ยิ่งมีประโยชน์กับประชาชน ประโยชน์กับประเทศ อย่างไรก็ตาม การปราศรัยหาเสียงของพรรคการเมืองมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่รู้สึกว่าบางพรรคที่ปราศรัยไปเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา จะพูดหยาบคายไปนิดหนึ่ง
เมื่อถามว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ครบทั้งหมดหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีปัญหา 1 เขตที่เขาไปเป็นหุ้นส่วนแล้วห้างหุ้นส่วนนั้นไปเป็นเจ้าของวิทยุชุมชนก็มีถูกตัดสิทธิ์ไป 1 ราย แต่พรรคกำลังดูข้อกฎหมายกันอีกครั้ง และข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ส่วนจะต้องยื่นศาลฎีกาด้วยหรือไม่นั้น ตรงนี้ต้องดูข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมายประกอบกัน และความจริงเขาก็พยายามจะลาออก พยายามขจัดการเป็นหุ้นส่วน แต่เข้าใจว่าไม่ทัน
ถามว่าจุดแข็งของผู้สมัครหน้าใหม่จะสามารถเรียกคะแนนนิยมให้พรรคได้หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตอบว่า สำหรับเขตดอนเมืองคนใหม่ แต่ไม่ใหม่ เขาทำงานมาต่อเนื่องเป็นปี และแสดงความจำนงอยากจะลงสมัครรับเลือกตั้งที่เขตนี้ เพราะเขาเข้าหาพบปะประชาชน ทราบปัญหาดี ฉะนั้นเขตดอนเมืองตนไม่ได้หนักใจอะไร เพราะที่ผ่านมาอย่างที่ตนบอก เราไม่ได้ทำกิจกรรมทางการเมือง แต่ว่าเราไม่เคยหยุด พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยปิดพรรค ใช้เวลา 5 ปีหาบุคคลที่พร้อมอยากมารับใช้ประชาชน และ 5 ปีที่เราไปรับฟังปัญหาและศึกษาการแก้ไขปัญหาต่างๆ เราถึงมีความพร้อม ส่วนมั่นใจมากแค่ไหน เพราะเดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นของพรรคเพื่อไทยนั้น ไม่มีพื้นที่ไหนง่าย สำหรับเราถือว่าทุกพื้นที่ต้องทำงานหนัก แต่เราก็หวังว่าประชาชนจะเห็นว่าสิ่งที่เรานำเสนอจะเป็นทางออกให้กับชีวิตและประเทศอย่างไร
ขอ 20 ที่นั่งขึ้นไป
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรค กล่าวถึงโอกาสและความเป็นไปได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะปักธงในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า เท่าที่ประเมินพรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส. 20 คนขึ้นไป โดยเชื่อว่า ส.ส.เดิมจะรักษาพื้นที่ไว้ได้ เพราะเขาอยู่กับประชาชน อยู่ติดกับพื้นที่เลือกตั้งมาตลอด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทุกคนทำงานมาตลอด ไม่เคยปล่อยพื้นที่เลย อีกทั้งพรรคยังส่งผู้สมัครหน้าใหม่ที่คิดว่าก็มีการคัดมา นำคนที่มีความตั้งใจเข้ามา ก็มีโอกาสสูงที่น่าจะนำชัยชนะมาให้กับพรรคได้ในเขตเดิมที่เราไม่มี ส.ส. เช่น เขตสายไหม-มีนบุรี รวมถึงเขตเลือกตั้งเดิมที่พรรคเคยมี ส.ส. แต่ได้นำผู้สมัครที่เป็นคนรุ่นใหม่จากกลุ่ม New Dem เข้ามาแทนในอีก 3 เขต ที่เป็นเขตซึ่งน่าจะมีโอกาส ทำให้โดยภาพรวมเชื่อว่าไม่เกินความจริงคือ 20 คนขึ้นไป
ส่วนกรณีที่มีบางพรรคใช้วิธีส่งคนลงสมัครแบบแยกเขต แยกพรรค ที่มองเป็นการฮั้วกันนั้น รองหัวพรรคประชาธิปัตย์มองว่า สุดแล้วแต่ว่าพรรคไหนจะมีแนวทางเป็นอย่างไร เราจะไม่ไปดิสเครดิตหรือไปกังวลใจกับใคร แต่เราจะมองที่พรรคเราเป็นหลักว่าเราจะทำงานให้ประชาชนได้อย่างไร นั่นคือเหตุผลที่เราได้ทุ่มเททำงานในพื้นที่มาตลอด 5 ปีเต็ม
"Government Technology ที่เป็นแนวคิดว่าในอนาคต การให้บริการประชาชนของภาครัฐต้องเปิดพื้นที่ให้สตาร์ทอัพ กลุ่มที่มีแนวคิดการใช้เทคโนโลยี ไม่ใช่ชุดความคิดของพรรคอนุรักษนิยมสุดโต่งอย่างที่เป็นวาทกรรมของบางกลุ่มพยายามยัดใส่ให้พรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคอนุรักษนิยมคิดแบบนี้ไม่ได้ และประชาธิปัตย์ไม่ได้แค่คิดอย่างเดียว แต่ทำแล้ว มีพรรคไหนมีความก้าวหน้าแบบนี้อย่างพรรค ปชป. ผมก็อยากรู้เหมือนกัน" ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่บังคับให้เลือกคนและพรรครวมกันในบัตรใบเดียว ทุกพรรคจึงล้วนมุ่งหวังคะแนนสะสมจากเขตต่างๆ ทั้งประเทศรวมกันให้ได้มากที่สุด โดยพรรคไหนได้ราว 80,000 คะแนน ก็จะได้ ส.ส.ราว 1 ที่นั่ง จึงทำให้พรรคเล็กพรรคน้อยเกิดขึ้นมากมาย ส่วนบางนโยบายซ้ำซ้อนจนเหมือนลอกกันมาก็มีนั้น นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลอกเลียนใคร เพราะคิดจากอุดมการณ์ที่มีมายาวนาน 72 ปี และเป็นการต่อยอดนโยบายรัฐบาลประชาธิปัตย์ในอดีตจนกลายเป็นนโยบาย "แก้จน สร้างคน สร้างชาติ" ในวันนี้
“นโยบายหลายพรรคอาจเหมือนกันเป๊ะ แค่ไปแก้ตัวเงินใหม่ให้มากขึ้น เหมือนเกทับกันไปเกทับกันมาก็ตาม แต่ไม่อยากโทษว่าใครลอกใคร อยากฝากประชาชนเพียงว่า นอกจากจะดูที่ตัวนโยบาย พรรคไหนให้เท่าไหร่แล้ว อยากให้ดูด้วยว่าพรรคนั้นจะมีโอกาสได้นำนโยบายไปทำหรือไม่ประกอบด้วย เพราะถ้าไม่มีโอกาสแน่ๆ นโยบายนั้นจะเลิศหรูแค่ไหนก็ไม่มีความหมาย” นายจุรินทร์กล่าว
ภูมิใจไทยงง
ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคการเมือง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กรณี กกต.ประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทยแล้ว แต่ไม่มีการประกาศผู้สมัครจำนวน 6 คน รวมถึงนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับที่ 9 เนื่องจากขาดความเป็นสมาชิกพรรคนั้น ว่าปัญหาเกิดจากฐานข้อมูลของ กกต.กับฐานข้อมูลของพรรคไม่ตรงกัน ซึ่งพรรคก็ได้ยืนยันความเป็นสมาชิกที่ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายไปตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. แต่ กกต.กลับไม่รับฟัง และไม่มีการประกาศชื่อผู้สมัคร ซึ่งหาก กกต.จะได้เอาจริงเอาจังกับการพิจารณาตามข้อเท็จจริงตามคำชี้แจง ก็จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้สมัครและพรรคการเมือง และเป็นภาระแก่ศาลฎีกาในการต้องมาพิจารณาคดีที่สามารถยุติเสียแต่ในชั้น กกต. โดยไม่ต้องนำคดีมาสู่ศาลให้เสียเวลาของทุกฝ่าย
นายศุภชัยยังกล่าวว่า กรณีนายกรวีร์มาสมัครเป็นสมาชิกพร้อมกับพี่ชายคือนายภราดร มีหมายเลขสมาชิกติดกัน เป็นข่าวออกสื่อมวลชนทั้งประเทศ เมื่อวันที่ 12 พ.ย.62 พี่ชายลงสมัครได้ แต่น้องชายไม่ได้ ซึ่ง กกต.ก็ทราบ จึงอยากให้ กกต.ทบทวน ทำระบบฐานข้อมูลของ กกต. และเห็นว่า กกต.ควรต้องให้ความเชื่อถือระบบฐานข้อมูลของพรรคการเมืองเป็นสำคัญ
ขณะที่นายกรวีร์กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าเอกสารทุกอย่างที่ยื่นสมัครตามที่ กกต.กำหนดไว้นั้นได้ยื่นครบถ้วน และยิ่งมั่นใจเมื่อมาตรวจสอบกับฝ่ายทะเบียนของพรรค ก็ยิ่งมั่นใจและสบายใจ ไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดพลาดแต่อย่างใด หลังจากนี้การช่วยผู้สมัครหาเสียงไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดใดก็แล้วแต่ของพรรคภูมิใจไทย ตนจะเดินหน้าต่อไป และภายใน 7 วัน จะไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิ่มรายชื่อเข้าไป เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดพลาด
นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า พร้อมไปยืนยันกับ กกต.ต่อกรณีการลาออกของนายกรวีร์จากพรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2561 ในฐานะผู้อำนวยการพรรค ได้เห็นหนังสือการลาออกของนายกรวีร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นจึงยืนยันการพ้นสมาชิกภาพของพรรคชาติไทยพัฒนาได้
อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนที่อาจมีการอุทธรณ์คำประกาศรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคนั้น สามารถทำได้ในกระบวนการยื่นต่อศาลฎีกา ที่จะมีแผนกที่ว่าด้วยการเลือกตั้ง และทางศาลสามารถพิจารณาด้วยความรวดเร็ว ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น และทราบว่าหลายพรรคการเมืองมีปัญหาเช่นเดียวกันนั้น ตนเชื่อว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากระบบข้อมูลของ กกต.ที่มีความผิดพลาด ดังนั้นในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า กกต.ควรตรวจสอบระบบของตนเอง ทั้งในระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบเอกสาร
แนะร้องศาล 2 วันจบ
นายนิกรกล่าวด้วยว่า หาก กกต.ไม่ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และยึดเฉพาะข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากมีความผิดพลาดอาจเกิดความเสียหายได้ โดยเฉพาะกรณีที่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ที่ก่อนหน้านี้พบปัญหาของระบบทางอินเทอร์เน็ตไม่สามารถใช้งานได้ รวมไปถึงการเตรียมระบบเพื่อให้การใช้สิทธิ์เลือกตั้งผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อาจมีปัญหาตามมาได้
เขายังกล่าวถึงกรณีนายฉัตรมงคล พงศธร หรือ ทนายขาว ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา จ.ร้อยเอ็ด เขต 3 ที่เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาขอแสดงความเสียใจกับกรณีดังกล่าว โดยทางแกนนำของพรรคจะส่งตัวแทนเพื่อร่วมงานดังกล่าว แต่ไม่สามารถส่งพวงหรีดร่วมไว้อาลัยได้ เนื่องจากกฎหมายเลือกตั้งกำหนดไว้อย่างเข้มงวด ทั้งนี้ตนยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อยุทธศาสตร์เลือกตั้งของพรรคเพียงเล็กน้อย โดยเฉพาะพื้นที่เขต 3 เนื่องจากพรรคไม่สามารถส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงแทนนายฉัตรมงคลได้ แต่โดยรวมแล้วไม่ถือว่าเป็นภาพใหญ่ที่กระทบกับพรรคมากนัก
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า มีผู้สมัคร ส.ส.จำนวนมากที่ไม่ได้รับการรับรอง เพราะสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วันตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากในช่วงท้ายที่เปิดให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองมีย้ายพรรคจำนวนมาก ทำให้ความเป็นสมาชิกพรรคไม่นิ่ง ซึ่ง กกต.จะยึดข้อมูลในระบบตามที่นายทะเบียนแต่ละพรรคส่งมา
“เรากำชับไปแล้วว่า ให้แต่ละพรรคตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครแต่ละคนให้ดี ซึ่งผู้สมัครเองต้องรู้คุณสมบัติของตัวเองด้วย บางกรณีลาออกจากพรรคแรกแล้วไปสมัครพรรคใหม่ แต่พรรคที่ลาออกไม่ได้คีย์ข้อมูลออกจากระบบก็มี” พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าว
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า หลังจากนี้ผู้ที่ไม่ได้รับการรับรองฯ จะต้องรวบรวมหลักฐานไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา ซึ่งใช้เวลาพิจารณา 1-2 วันก็แล้วเสร็จ โดยศาลจะให้กรอกแบบฟอร์มพร้อมแนบหลักฐาน ไม่ต้องไปเบิกความขึ้นศาลตามที่หลายคนเข้าใจ ซึ่งระบบนำสืบของศาลไม่ยุ่งยาก โดยจะพิจารณาจากเอกสารหลักฐานที่ยื่นมาเป็นหลัก
พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีโพลที่สำรวจความเห็นของประชาชนถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ไม่มีชื่อได้รับความนิยมว่า การสำรวจของแต่ละโพลมีการจัดเก็บข้อมูลแตกต่างกัน พรรคภูมิใจไทยไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไร บางอันไม่ตรง แต่ขอยืนยันว่าเวลานี้พรรคเดินทางมาถูกทางแล้ว อะไรที่เขาติติงเราจะนำมาแก้ไข ผู้สมัครของเราทำงานหนัก ใกล้ชิดประชาชนมาตลอด และพรรคภูมิใจไทยก็เป็นที่รู้จัก และนโยบายต่างๆ ประชาชนชื่นชอบ
เชิญลงทะเบียนล่วงหน้า
ดร.รยุศด์ บุญทัน โฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีการประชาสัมพันธ์ให้คนลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตว่า ค่อนข้างมีการประชาสัมพันธ์น้อยกว่าที่ควร ทั้งที่ส่วนใหญ่คนทำงานในเมืองมักจะมีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด เดินทางเข้ามาทำงานในเมืองหลวง ด้วยความเป็นประชาชนคนไทย ทุกคนก็อยากจะทำหน้าที่คนไทยสักครั้งด้วยการเลือกตั้ง เลือกคนที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประเทศ โดยเฉพาะครั้งนี้ ที่มีการเว้นระยะการเลือกตั้งมานานถึง 5 ปี ถ้าคิดดีๆ นานกว่านั้นด้วยซ้ำ เพราะเมื่อปี 2557 บางคนก็ไม่สามารถเดินทางไปเลือกตั้งได้ แม้ได้เลือก แต่การเลือกครั้งนั้นก็โมฆะ
"การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นความหวังของคนไทยทุกคน ว่าจะสามารถแก้ปัญหา หาทางออกให้ประเทศได้ อีกไม่กี่วันจะหมดเขตลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว มาใช้สิทธิเพื่อใช้อำนาจของตนเองตามรัฐธรรมนูญ ให้บ้านเมืองกลับมาเป็นประชาธิปไตย ไม่ให้ คสช.สืบทอดอำนาจต่อไปได้"
ทั้งนี้ ตนก็ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทุกช่วงอายุ ทั้งวัยทำงาน นิวโหวตเตอร์ทั้งหลาย รวมถึงพี่ๆ สื่อมวลชน ผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าได้จนถึงวันที่ 19 ก.พ. โดยสามารถยื่นคำขอผ่านนายทะเบียนอำเภอ นายทะเบียนท้องถิ่น สถานเอกอัครราชทูต ผ่านช่องทางไปรษณีย์หรืออินเทอร์เน็ต.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |