ฝุ่นรับวาเลนไทน์ กทม.คลุ้งอีกรอบ 7จ.เหนือน่าห่วง


เพิ่มเพื่อน    


     วาเลนไทน์คลุกฝุ่น คพ.คาด PM 2.5 จะกลับมาให้คนกรุงสวมหน้ากากในวันแห่งความรักอีกระลอก “อัศวิน” สั่งรับมือเต็มสูบ ส่วน 7 จังหวัดภาคเหนือยังน่าห่วง พ่อเมืองกำชับเข้มใช้กฎหมายเล่นงานหากมีเผา
     เมื่อวันพุธ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้รายงานสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่าภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) โดยพบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เฉลี่ยระหว่าง 38-77 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นเกือบทุกพื้นที่ ทั้งถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน, ถ.พระราม 4 เขตปทุมวัน, ถ.ลาดพร้าว เขตวังทองหลาง, ถ.ดินแดง เขตดินแดง, อ.คลองหลวง ปทุมธานี, อ.พระประแดง สมุทรปราการ และกระทุ่มแบน สมุทรสาคร
“คาดการณ์วันที่ 14 ก.พ. ในสภาพอากาศปิด จะส่งผลให้ค่า PM 2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น”
    ขณะที่นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า มีจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM 10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมงเกินค่ามาตรฐาน และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 ในหลายอำเภอในจังหวัดทางภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย, เชียงใหม่, ลำปาง, พะเยา, ลำพูน, แพร่ และตาก 
“โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ช้างเผือก และ ต.สุเทพ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่ง ปภ.ได้ประสาน 7 จังหวัดภาคเหนือดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด” นายชยพลกล่าว
         ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติยกระดับแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5-PM 10 เป็นวาระแห่งชาติ ว่าในส่วนของทหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดูแลและเฝ้าระวังอยู่แล้ว
    ส่วนนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวถึงการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ จ.ขอนแก่นและเลย ว่าหลังจากตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ จ.ขอนแก่น และปฏิบัติการในช่วงวันที่ 10-15 ก.พ.นี้ ซึ่งได้ทำฝนหลวงด้วยเครื่องบินขนาดเล็กจำนวน 3 ลำ แบ่งบิน 2 เส้นทางบินคือที่ขอนแก่นและที่ จ.เลย เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองและไฟป่า พบว่าผลการทำฝนหลวงในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ค่าฝุ่นละอองลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ จ.เลยได้เกิดฝนตกจนทำให้การดับไฟป่าประสบผลสำเร็จได้ในหลายจุด อีกทั้งยังมีผลดีต่อเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งด้วย
กทม.พร้อมรับมือฝุ่นหวน
     ขณะที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไมครอน ที่คาดการณ์ในวันที่ 13-15 ก.พ.มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่ตรวจวัดได้อยู่ระหว่าง 27-67 มคก./ลบ.ม. พบว่าเกินค่ามาตรฐาน 3 พื้นที่ (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) ซึ่งคุณภาพอากาศในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในระดับสีส้ม คือ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ในพื้นที่ 3 เขต ได้แก่ เขตหลักสี่ ตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ 54 มคก./ลบ.ม., เขตบางเขน ตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ 67 มคก./ลบ.ม. และเขตบางพลัด ตรวจวัดค่าฝุ่น PM 2.5 ได้ 51 มคก./ลบ.ม. ดังนั้นประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวควรหลีกเลี่ยงหรือลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นขณะอยู่กลางแจ้ง
    “เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในช่วงวันที่ 13-15 ก.พ. กทม.ได้จัดทำเป็นปฏิบัติการควบคุมปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งมีทั้งมาตรการลดปริมาณฝุ่นละออง และมาตรการลดผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละออง” พล.ต.อ.อัศวินกล่าว และว่า ได้เพิ่มความถี่ของการล้างทำความสะอาดถนนทุกสาย นอกจากนี้ กทม.ยังได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศนำเครื่องบินบินฉีดพ่นละอองน้ำบริเวณบางเขนและวังทองหลาง 4 เที่ยว โดยจะขึ้นบินทุกวันถึงวันที่ 15 ก.พ.
    ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นจากวิกฤติปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ว่าประชาชนส่วนใหญ่ 72.2% บอกว่าส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบันมาก, 26.4% บอกว่ากระทบปานกลาง, 0.9% ตอบว่าน้อย และมีเพียง 0.5% ที่ตอบว่าไม่มีผลเลย และเมื่อถามถึงค่าใช้จ่ายจากวิกฤติปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 พบว่าประชาชนส่วนใหญ่คาดว่าจะยังคงมีปัญหาฝุ่นละอองต่อเนื่องไปอีก 6 เดือน ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อเดือนคนละ 802 บาท หรือคิดเป็นค่าใช้จ่าย 6 เดือนรวม 4,812 บาท/คน
    “ศูนย์พยากรณ์ฯ ได้ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยใช้สมมติฐานกรณีว่าจะเกิดขึ้นประมาณ 2 เดือน พบว่ามีมูลค่าผลกระทบประมาณ 6,100 ล้านบาท”
    สำหรับสถานการณ์ฝุ่นในภูมิภาคนั้น นายสมเกียรติ ตันตระกูล รองผู้ว่าฯ จ.ลำปาง ได้ประชุมกับหนวยงานต่างๆ วางแผนในการดับไฟป่าหลังใช้เฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจพื้นที่ที่เกิดไฟป่า ซึ่งล่าสุดยังพบ 3 จุด คือ บริเวณดอยวัดม่วงคำ เขตเมืองเชื่อมอำเภอแม่ทะ, เขตดอยจำนาย ด้านหลังวัดม่อนพระยาแช่ และเขตดอยฝรั่ง ซึ่งเชื่อมต่อบ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง ที่พบไฟเกิดขึ้นจำนวนมาก 
    หลังจากนั้นได้ร่วมกันแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-12 ก.พ.พบว่าเกิดจุดความร้อนสะสม hotspot ใน จ.ลำปางรวม 175 จุด โดยแบ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 112 จุด, พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 36 จุด, พื้นที่เกษตร 16 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 6 จุด นอกนั้นเป็นพื้นที่ริมทางหลวง และพบว่าเกิดในพื้นที่ อ.เถินมากที่สุด รองลงมาคือ อ.แม่เมาะ อ.แม่พริก และ อ.งาว ซึ่งหลังการดำเนินการในการดับไฟป่า ก็คาดว่าจะดับไฟได้ทั้งหมด 
เชียงใหม่จัดหนักหากเผา
    นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าฯ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ประกาศให้ปัญหาจากฝุ่นละอองเป็นวาระสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเกิดไฟป่า การเผาในที่โล่ง ทั้งในเขตเมือง ชนบท พื้นที่เกษตรกรรม ประกอบกับสภาพภูมิอากาศของจังหวัดเป็นแอ่งกระทะ ทำให้ฝุ่นละอองปกคลุมทั่วเมือง และได้กำหนดช่วง 61 วัน ห้ามเผาเด็ดขาดตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-30 เม.ย.2562 หากพบเบาะแสและพบการเผาทั้งในที่โล่งหรือพื้นที่ป่าข้างทาง ก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะดำเนินการจับกุมดำเนินคดี ขณะที่ผู้แจ้งเบาะแสไปจนสามารถจับกุมผู้ที่เผาได้จะมีรางวัลนำจับ
    ส่วนนายมานิต อนรรฆมาศ รองผู้ว่าฯ จ.อุตรดิตถ์กล่าวว่า ได้ออกประกาศและประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันและและควบคุมไฟป่าดังกล่าวอย่างเคร่งครัด เอาจริง 60 วัน ต้องปลอดฝุ่น ควันไฟ ห้ามเผาทุกชนิด    
    ด้านนายพงษ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าฯ จ.แพร่ เป็นประธานระดมอาสาสมัครองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 84 แห่ง ร่วมปล่อยแถวรณรงค์ฉีดน้ำทำความสะอาดพร้อมกันทั้งจังหวัด รวมทั้งออกประกาศปิดป่า ห้ามคนเข้าทำกิจกรรมจุดไฟในป่าสงวนแห่งชาติ 27 แห่ง อุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในจังหวัดแพร่ทั้งหมด และยังกำชับสาธารณสุขจังหวัดแพร่ให้ออกคำเตือนและเตรียมเฝ้าระวังด้านสุขภาพ พร้อมทั้งจากหน้ากากป้องกันฝุ่นให้กับประชาชนที่ต้องการ
    นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าฯ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ค่ามลพิษทางอากาศที่จังหวัดได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ในระดับปานกลางแล้ว และมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการดำเนินการปราบฝุ่น โดยสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่มาตรการปราบฝุ่นของจังหวัดขอนแก่นยังคงดำเนินการตามแผนเดิม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"