บิ๊กตู่ปลื้มบางแคเชียร์นายกฯต่อ


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กตู่" ปรับลุคส์ส่งยิ้มอ้อนคนบางแค   หวานบอกแคร์ทุกคนหลังชาวบ้านเชียร์เป็นนายกฯ ทุกสมัย ลั่นไม่ได้มาหาเสียงแค่ทำตามหน้าที่ดูแล ปชช. โอด 5 ปีทำงานโดนจนน่วม "อภิสิทธิ์-ธนาธร" ซัดอาสาเป็นผู้นำประเทศต้องดีเบตไม่ใช่พูดคนเดียว "เพื่อชาติ" ทวงถาม กกต.แจงโต๊ะจีนพลังประชารัฐ "โพล" ชี้คนอีสานยังชอบพรรคเพื่อไทย "อนาคตใหม่" แรงมาที่สอง
    เมื่อวันที่ 13 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม, นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่ตรวจราชการ ติดตามการแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนเพชรเกษม บริเวณตลาดแสงฟ้า บางแค โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ข้าราชการ และประชาชนประมาณ 1,000 คน ให้การต้อนรับ 
    อย่างไรก็ตาม ได้มีนายกฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายโกวิทย์ ธารณา ที่ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาช่วยงานพรรค พปชร. มารอต้อนรับ ซึ่งนายกฤชนนท์ชี้แจงว่า มารอรับนายกฯ ในฐานะที่อยู่ในพื้นที่เขตบางแค ไม่มีเจตนาหวังผลทางการเมืองแต่อย่างใด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคพลังประชารัฐ โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตรวจเช็กคนเข้า-ออกอย่างรัดกุม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ยังเก็บเก้าอี้สีแดงที่เตรียมไว้ออกไป โดยนำเก้าอี้สีเขียวมาให้ประชาชนนั่งแทน และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะมาตรการคุ้มกันนายกฯ ในระยะประชิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่า เนื่องจากใกล้ช่วงเลือกตั้ง จึงต้องเพิ่มมาตรการมากขึ้น 
    พล.อ.ประยุทธ์ได้ถือไมโครโฟนกล่าวกับประชาชนว่า วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมบางแค เพราะอะไร เพราะบางแคต้องแคร์ทุกคน เป็นรัฐบาลต้องแคร์ทุกคน ต้องแคร์ทุกที่ ดีกับทุกคน เมื่อกี้นั่งรถมาก็เห็นว่ารถติดเยอะ ก็เกรงใจเราทุกคน แต่ก็ต้องการมาหาประชาชน เพื่อทำความเข้าใจว่ารัฐบาลไม่ได้ทอดทิ้ง เราต้องดูแลประชาชนที่มีรายได้น้อยให้หากินได้ พร้อมแก้ไขปัญหาการจราจร แก้ไขปัญหาถนนชำรุด วันพรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ จึงถือโอกาสมามอบความรักให้ก่อน และอย่าลืมมอบความรักให้นายกฯ ด้วย สมัยหนุ่มๆ เคยซื้อดอกกุหลาบให้สาวเหมือนกัน เชื่อว่าอีกไม่นานราคาดอกกุหลาบจะดีขึ้น 
    ผู้สื่อข่าวรานงานว่า ระหว่างการเดินลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนต่างส่งเสียงเชียร์ “ลุงตู่สู้ๆ”  พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า “ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้มีรายชื่ออยู่ในพรรคการเมืองแล้ว ก็ไปว่ากัน เป็นเรื่องของพรรค เพราะวันนี้มาดูในฐานะนายกฯ และคณะรัฐมนตรี แต่ก็ขอบคุณทุกคนด้วยที่มาให้กำลังใจ มอบกุหลาบในวันนี้”
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นายกฯ รักทุกคน แต่การจะทำให้ 70 ล้านคนรักนายกฯ คนเดียว คงทำไม่ได้ แต่ก็ต้องรับฟังเสียงทุกคน ซึ่งบางทีนายกฯ อาจดุบ้างเล็กน้อย แต่ตัวจริงไม่ดุ เพราะการทำงานบางครั้งก็เครียด นายกฯ รักทุกที่ดีทุกคน ขออย่ามอบความรักให้กันแค่วันวาเลนไทน์ แต่ต้องมอบทุกวัน 
    "ต้องเข้าใจว่าเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะทำให้ทุกคนพอใจ เราถึงต้องมาดูตรงกลาง หากมีคนทำต่อในสิ่งที่รัฐบาลทำก็จะถือเป็นเรื่องดี หากใครพบว่าทหารเกเรก็สามารถร้องเรียนได้ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะนายกฯ รับทุกเรื่อง ขอให้ร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปในทิศทางที่ดีขึ้น ให้มีความสงบเรียบร้อย และอย่าลืมเรื่องกฎหมายด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
'บิ๊กตู่'อ้อนชาวบางแค
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯ ได้เดินทักทายประชาชนตั้งแต่พื้นที่จัดงานไปจนถึงบริเวณทางเข้าตลาด โดยมีประชาชนจำนวนมากมายืนรอรับ ขอถ่ายรูปเซลฟี ถือดอกกุหลาบมามอบให้ นอกจากนี้ยังมีป้ายไฟเชียร์ “ลุงตู่สู้ๆ” พร้อมกันนี้ยังมีประชาชนถือป้ายไวนิลขนาดใหญ่ลายธงชาติ ระบุข้อความว่า “ขอสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ลุงตู่) เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 สู้ๆ เพื่อประเทศไทย” และข้อความ “อย่าลังเลใจ เดินไปด้วยกัน” พร้อมตะโกนคำว่า “ลุงตู่สู้ๆ” “พวกเรารักลุงตู่” อย่างไรก็ตาม ป้ายดังกล่าวถูกสั่งให้เก็บก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินมาถึง โดยนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ขอให้เชียร์ผู้สมัคร พร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดี
    จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะไปตรวจเยี่ยมการใช้แนวทางปลูกป่าชายเลนตามธรรมชาติเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งบางขุนเทียน และเยี่ยมชมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนเขตบางขุนเทียน 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 1,000 คนว่า ตนไม่ต้องการไปพูดรบราฆ่าฟันกับใคร ไม่พูดให้บาดหมางขัดแย้ง ตนต้องระวังนิด พยายามไม่โมโห และเป็นนายกฯ ต้องเข้มงวด เพราะต้องรักษากติกา เป็นคนเขียนกฎหมายทุกตัว ถ้านายกฯ ไม่เป็นแบบนี้จะไปไม่ได้หรอก จะให้ใครเป็นนายกฯ หวังกับเขาแล้วกัน ที่พูดหวานๆ ข้างหู เข้าใจไหม ถ้าเข้าใจแบบตนเป็นนายกฯ ได้เลย
    “ขอให้ซื่อสัตย์ ซื่อตรงแล้วกัน ใช้อำนาจในทางที่ถูกต้องเหมาะสม เรื่องอะไรต่างๆ ที่เป็นความขัดแย้งผมไม่เกี่ยวข้อง ผมถือว่าเป็นกลไกของรัฐเพื่อดำเนินการ อย่าใช้ความรู้สึกอย่างเดียวไม่ได้ ทุกอย่างมีกฎหมายอยู่ อยู่ที่ตีความกันไปกันมา ศาลเป็นคนตัดสิน ผมไม่เคยต้องไปสั่งอะไรใครทั้งสิ้น วันนี้ที่รัฐบาลอยู่ถึงวันนี้ได้ เพราะรัฐบาลไม่ไปก้าวล่วงใคร หลายคนบอกผมมีอำนาจ ผมจะไปใช้ตรงไหน ถ้าใครทำไม่ดีผมลงโทษให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องผิดกฎหมายปกติ คุณไปว่ากันเอาเอง ทุกคนนั่นแหละ ทั้งที่อยู่และที่หนี สงสารผมเถอะ เป็นมา 5 ปีน่วมแล้ว ทำก็โดนเพราะเขาไม่เข้าใจ น่วมทุกวัน ทำให้ดีให้ตายก็โดน เพราะคนไม่เข้าใจ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายกฯ กล่าวอีกว่า รองผู้ว่าฯ กทม.เป็นทีมประเทศไทย ทั้งหมดนี้เป็นทีมจำเลยรัก รวมทั้งตนด้วย วันนี้ตนโดนฟ้อง 400 คดี ถ้ามีอำนาจจริงเขาต้องฟ้องตนไม่ได้ ทุกอย่างให้ฟ้องตามปกติ แล้วก็ชี้แจงไป ก็ไม่มีปัญหา เพราะไม่ว่าใครทำผิดทำถูกก็ฟ้องหัวหน้ารัฐบาล ก็ต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาล 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมบูธอาหารทะเล พร้อมได้สอบถามถึงราคาปูทะเล พร้อมใช้มือเขี่ยปูไปมา และถามคนขายว่า “ปูเป็นใช่หรือไม่ เมื่อขึ้นมาจากทะเลแล้วจะอยู่ได้กี่วัน” ก่อนหันไปบอกกับทีมงานว่า ปูทะเลนั้นเนื้ออร่อย จากนั้นตัดสินใจซื้อปูดอง 2 กล่อง บอกว่าจะนำไปกินกับข้าวต้ม พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังซื้อต้นส้มบางมด 3 ต้น ซึ่งจำหน่ายต้นละ 1,500 บาท แต่ พล.อ.ประยุทธ์ให้เงิน 5,000 บาท บอกว่าให้เป็นค่าปลูกด้วย
    อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าในการลงพื้นที่พบปะประชาชนและติดตามงานตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมาในนามของนายกรัฐมนตรี แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้ปรับเปลี่ยนท่าทีจากที่เคยดุดัน และตอบโต้ฝ่ายที่เห็นต่าง แต่ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ หลังที่ให้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ได้ปรับท่าทีที่อ่อนลง และปล่อยมุกเรียกเสียงหัวเราะกับชาวบ้านในทุกๆ พื้นที่
    ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังคงพยายามหาข้อกฎหมายในการให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปช่วยหาเสียงว่า ไม่รู้ว่าต้องให้ความชัดเจนหรืออะไรมากกว่านั้น เพราะทุกอย่างจบลงเมื่อได้เชิญตัวแทน กกต.มาหารือตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ม.ค. และได้เรียนให้นายกฯ ทราบไปเรียบร้อยแล้ว หลักใหญ่ๆ จบหมดแล้ว หากมีอะไรสงสัยว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้ ให้ถามทาง กกต.เอาเอง กกต.ยินดีตอบทุกพรรค ไม่ว่าใครก็ตาม รวมถึงเรื่องดีเบต การสวมเสื้อ การขึ้นเวทีทุกอย่าง
    "ปัญหาแต่ละคนไม่เหมือนกัน เขาจึงเตือนให้ระวัง โดยสรุปคือ ถ้าเป็นผู้สมัครหรือพรรคการเมืองให้ทำของตัวเองไป แต่ถ้าใครที่ไม่ใช่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ไม่ว่าใคร ตำแหน่งอะไร อยู่หรือไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ถ้าเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ต้องระมัดระวังในการปฏิบัติตน" นายวิษณุกล่าว
อีสานเชียร์เพื่อไทย
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ขึ้นเวทีดีเบตคนอื่นๆ ว่า อยากให้ทุกคนเข้าใจกระบวนการประชาธิปไตย คนที่อาสาตัวมาเป็นผู้นำของประเทศก็ต้องพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และนโยบาย เพื่อที่ประชาชนจะได้ทราบและมีสิทธิ์เปรียบเทียบ เพราะการสื่อสารเพียงข้างเดียวไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีโอกาสซักถามหรือแลกเปลี่ยนวิพากษ์วิจารณ์ใช้เหตุผลกัน 
    "ที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกอย่าไปฟังคนที่พูดมาก แต่ไม่ปฏิบัตินั้น ผมคิดว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ไม่มีใครพูดมากเท่าท่าน และคนที่พูดไม่เก่งไม่ดีก็ไม่ได้แปลว่าจะทำงานดี" นายอภิสิทธิ์กล่าว
    ถามถึงกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเพิ่มงบประมาณสำหรับบัตรทองอีก 1.9 แสนล้านบาท หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ประชาชนคงเข้าใจว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงการอนุมัติงบประมาณ อะไรที่ผิดไปจากเดิมจากที่เคยทำมา 4-5 ปี รัฐบาลชุดนี้ไม่เหมือนรัฐบาลในอดีตในช่วงการเลือกตั้ง เพราะมีอำนาจเต็ม จึงได้บอกไปแล้วว่าอยากให้ช่วยกันทำให้เกิดบรรยากาศการแข่งขันที่เป็นธรรม แต่จะทำหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์ของรัฐบาล สิ่งที่อยากเตือนคือประชาชนไม่ชอบคนเอาเปรียบคนอื่น
    ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ดีเบตกับนักการเมืองคนไหน จะไปเรียกร้องท่านไม่ได้ การดีเบตของผู้ที่จะอาสามาบริหารประเทศเป็นสิ่งจำเป็น ให้ประชาชนตัดสินใจก่อนเลือกคนมาบริหารและดูแลทรัพยากรประเทศนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ผู้สมัครต้องแสดงวิสัยทัศน์ อันเป็นสิ่งที่ผู้สมัครในระบอบประชาธิปไตยสากลทำกัน 
    "ขอย้ำว่าผมขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่ทับซ้อนทางผลประโยชน์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นผู้แต่งตั้ง ส.ว. 250 คน ที่มีอำนาจโหวต พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ได้อีกสมัย ทับซ้อนทางผลประโยชน์อย่างชัดเจน ขอให้แสดงสปิริตและมายาททางการเมืองลาออกจากทั้ง 2 ตำแหน่ง" นายธนาธรกล่าว 
    ถามเรื่อง ครม.อนุมัติงบบัตรทองอีก 1.9 แสนล้านบาท หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า ประเทศอื่นเมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งออกมา รัฐบาลจะเป็นรัฐบาลรักษาการ ที่จะไม่ออกกฎหมายหรืออนุมัติงบประมาณผูกพันกับรัฐบาลหน้าได้ เพราะถือว่ารัฐบาลที่มีอำนาจเต็มหมดลงแล้ว เป็นการรักษาการเพื่อลงสู่อำนาจ รอรัฐบาลใหม่เข้ามา จึงไม่ควรบริหารงานหรือสั่งการให้งบผูกพันไปถึงรัฐบาลหน้า แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่รัฐบาลรักษาการ และมีอำนาจเต็มตามม.44 อยู่ 
    ที่พรรคเพื่อชาติ น.ส.พรพรหม พรหมชาติ รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ทวงถาม กกต.กรณีเคยตั้งข้อสังเกตเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2561 เรื่องพรรคพลังประชารัฐจัดระดมทุนเมื่อ 19 ธ.ค. ในงานมีมินิคอนเสิร์ต ผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ 2561  มาตรา 73 ข้อ 3 หรือไม่ และมีหลายๆ คนได้ร้องเรียนให้ กกต. ตรวจสอบทั้งกรณีที่มาของทุน และเรื่องการหาเสียงที่มีความน่าสงสัยว่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ว่า ได้พิจารณาเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว 
    "ด้วยความที่อยู่ในขบวนการต่อสู้ภาคประชาชนที่ได้รับความอยุติธรรมมาตลอด เมื่อผันตัวมาสู่การเมืองภาครัฐสภา จึงตั้งมั่นจะต่อสู้เพื่อขจัดความอยุติธรรมให้หมดไป ทำให้ทนไม่ได้ที่เพิ่งเข้ามาสู่การเมืองภาครัฐสภาไม่ถึงครึ่งปี จะต้องทนกับความไม่เท่าเทียมอีก จึงขอเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาข้อร้องเรียนตามลำดับ ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะข้อร้องเรียนฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามอำนาจรัฐปัจจุบัน" รองโฆษกพรรคเพื่อชาติระบุ
    วันเดียวกัน ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน หรืออีสานโพล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "พรรคที่ชอบและนโยบายที่ใช่ของคนอีสาน" สำรวจความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    จากการสำรวจความคิดเห็นพบว่า ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย มากถึงร้อยละ 44.8 รองลงมาคือผู้สมัครจากพรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 21.2 ตามด้วยผู้สมัครจากพรรคไทยรักษาชาติ ร้อยละ 7.5, พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 7.4, พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 6.1, พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 3.9 ส่วนที่เหลือร้อยละ 9.1 ให้การสนับสนุนพรรคอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจหรือไม่ไปเลือกตั้ง
    ถามถึงปัญหาและความท้าทายของภาคอีสานที่ควรได้รับการจัดการมากที่สุด พบอันดับที่ 1 ร้อยละ 63.5 ระบุคนอีสานมีจำนวนคนจนมากที่สุด ส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตร จึงไม่สามารถหลุดพ้นความยากจนได้ รองลงมาร้อยละ 49.1 เรื่องปัญหาเศรษฐกิจของภาคอีสานมีขนาดเล็ก มีอัตราการขยายตัวต่ำกว่าระดับประเทศ จึงมีแนวโน้มเกิดความเหลื่อมล้ำทางรายได้เมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ อันดับที่ 3 ร้อยละ 40.3 เรื่องปัญหาภาคการผลิตหลักด้านการเกษตรยังเป็นแบบดั้งเดิม พึ่งพาธรรมชาติทำให้มีผลผลิตภาพต่ำและมีการใช้สารเคมีสูง 
    เมื่อถามนโยบายที่โดนใจที่สุด 5 อันดับแรกที่คนอีสานชื่นชอบและต้องการประกอบด้วย นโยบายประกันรายได้เพื่อชีวิตที่มั่นคงอยู่ที่ร้อยละ 42.2 รองลงมาคือนโยบายเกษตรกรก้าวหน้าปลดหนี้เกษตรกร  ร้อยละ 41.1 ตามด้วยนโยบายการกระจายอำนาจให้จังหวัดและประชาชนอยู่ที่ร้อยละ 32.5, นโยบายเรื่องการตั้งกองทุนข้าวแบ่งกำไรชาวนา 70% อยู่ที่ร้อยละ 27.3 และนโยบายเรื่องการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในการผลิตพืชปลอดสารพิษอยู่ที่ร้อยละ 26.7 อย่างไรก็ตาม ในการสำรวจความคิดเห็นของอีสานโพลในพื้นที่ 20 จังหวัดภาคอีสานจากกลุ่มตัวอย่างนั้น มีความเชื่อมั่นในการสำรวจได้ถึงร้อยละ 99 และมีความคลาดเคลื่อนที่บวกและลบในสัดส่วนร้อยละ 4. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"