แพทยสภาเตรียมเรียกแพทย์หญิงสอบ หลังมีผู้แพร่คลิปพูดทำร้ายจิตใจคนไข้และญาติ "ไม่หายแล้วป้า สั่งลาลูกเลย" ด้านโรงพยาบาลเอกชนต้นสังกัดแจง ไล่ออกแล้วหลังรู้เรื่อง ขณะที่เจ้าตัวยอมรับผิด อ้างพักผ่อนน้อย
    ขณะนี้ในสังคมโซเชียลได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง หลังมีผู้แพร่คลิปลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า "นี่คือคำพูดของคนดูคนป่วยหรา" จากนั้นเป็นคลิปเหตุการณ์แพทย์หญิงผู้หนึ่งอธิบายการทำงานของตับให้คนไข้ฟังด้วยเสียงดัง ตอนหนึ่งแพทย์หญิงผู้นี้พูดขึ้นว่า "ไม่หายแล้ว ป้าทำใจ สั่งลาลูกเลย ถ้ามีอะไรที่อยากจะทำ อยากจะสั่งเสียรีบทำเลย แต่ไม่ตายวันนี้ แต่จะค่อยๆ ไปแล้ว" นอกจากนี้แพทย์ยังตะคอกญาติคนไข้ที่สอบถามอาการของโรคมะเร็งตับ แล้วบอกว่า ก่อนหน้านี้ที่หมอคนอื่นๆ บอกว่าเป็นซีสต์ เพราะแค่พูดปลอบใจเท่านั้น 
    จากการตรวจสอบ ทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง และในเวลาต่อมา ญาติผู้ป่วยได้แจ้งผ่านเฟซบุ๊กว่า ป้าที่ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งผู้ที่ทราบเรื่องต่างเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจทำการสอบสวนแพทย์หญิงคนดังกล่าว
    พลอากาศตรีนายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า เรื่องนี้มี 2 ทาง คือหากญาติผู้เสียชีวิตติดใจสามารถร้องเรียนแพทย์รายดังกล่าวมายังแพทยสภาให้มีการตรวจสอบได้ หรืออีกทางเมื่อเป็นข่าวและเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย ทางแพทยสภาก็สามารถตั้งเรื่องเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ได้เช่นกัน โดยจะต้องมีการตรวจสอบเนื้อหาในคลิปวิดีโอว่า แพทย์โรงพยาบาลเอกชนนี้มีการสื่อสารลักษณะใด ซึ่งจากเบื้องต้นมองว่าเป็นการพูดที่อาจค่อนข้างกระทบกระเทือนจิตใจได้ เนื่องจากมีวิธีพูด มีเทคนิคในการพูดให้คนไข้ไม่สะเทือนใจได้อีกมาก ทั้งนี้ แพทยสภาจะมีการหารือประเด็นในการสร้างความเข้าใจร่วมกัน จะทำอย่างไรให้แพทย์มีวิธีการพูด การสื่อสารที่ทำให้คนไข้เข้าใจ แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกมากเกินไป 
    มีคำชี้แจงจากนายธงชัย​ งามขำ​ รอง​ ผอ.รพ.กล้วยน้ำไท​ ว่า​ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โดยหลังจากเกิดเรื่องในช่วงเช้า หัวหน้าแพทย์เวรในวันนั้นก็ได้แจ้งเรื่องต่อผู้บริหารโรงพยาบาลทันที มีการเรียกแพทย์หญิงซึ่งเป็นแพทย์พาร์ตไทม์เพิ่งมาทำงานรับเวรแค่วันเดียวมาพูดคุยสอบถาม ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับผิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น บอกว่าเพราะพักผ่อนน้อย ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ทางโรงพยาบาลจึงยกเลิกการจ้างและมีผลทันที ในส่วนของผู้ป่วยและญาติ ทางโรงพยาบาลก็ได้ขอโทษและปรับความเข้าใจกันแล้ว อีกทั้งดูแลผู้ป่วยตามมาตรฐานการรักษาของโรงพยาบาลเป็นอย่างดี จนคนไข้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา สาเหตุจากไตวายเฉียบพลัน มิใช่เสียชีวิตเพราะโรคมะเร็ง แต่กลับมีการแชร์คลิปในโลกออนไลน์ในภายหลัง ซึ่งญาติคนไข้ก็ได้แจ้งว่ามิได้เป็นผู้แพร่คลิป และอยากให้หยุดเสีย เพื่อที่ผู้เสียชีวิตจะได้หมดห่วง.