นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางจากเวียดนามมาใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสุสาน เดินขึ้นไปยังชั้น 4 ปีนตู้โทรศัพท์กระโดดลงมายังชั้น 2 อยู่ได้ไม่นานก็สิ้นใจ ยังไม่ทราบสาเหตุ
    เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพลัดตกลงมาจากระเบียงชั้น 4 ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ว่า ได้รับรายจากจาก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่าวันเดียวกัน เวลาประมาณ 01.00 น. ได้รับแจ้งเหตุผู้โดยสารชาวต่างชาติพลัดตกลงมาจากอาคารผู้โดยสารจากชั้น 4 ลงมาชั้น 2 เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบชายได้รับบาดเจ็บทราบชื่อภายหลังคือ นายซินิทซิน มิคาอิล (Mr.Sinitsyn Mikhail) อายุ 44 ปี สัญชาติรัสเซีย จึงได้เร่งประสานนำตัวส่งโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ในพื้นที่ของ สน.หัวหมาก เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
    ต่อมา พนักงานสอบสวนได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ จัดทำบันทึกตรวจสถานที่เกิดเหตุ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ ทำให้ทราบว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้ได้รับบาดเจ็บได้เดินทางมาจากประเทศเวียดนาม เมื่อลงเครื่องบินและตีตราเข้าเมือง ผ่านช่องตรวจศุลกากรออกมา จากนั้นเดินขึ้นไปยังชั้น 4 ของอาคาร และได้ปีนเครื่องโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ข้างแผงกระจกกั้นป้องกันอันตรายและเพื่อความปลอดภัย ก่อนจะกระโดดลงมายังบริเวณชั้น 2 ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ยังไม่ทราบสาเหตุในการกระทำดังกล่าว 
    พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า ต่อมาเวลาประมาณ 04.00 น. ได้รับแจ้งจาก สน.หัวหมาก ว่านักท่องเที่ยวรายดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้วในระหว่างการรักษาตัวของแพทย์ พนักงานสอบสวนจึงได้ไปร่วมชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบสำนวนคดีต่อไป อีกทั้งพนักงานสอบสวนได้แจ้งการเสียชีวิตไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบังคับการกองการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 
    รองโฆษก ตร.กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานไปแล้วจำนวนหนึ่ง รวมถึงรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานแน่ชัด เพื่อหามูลเหตุจูงใจประกอบสำนวนคดีชันสูตรพลิกศพต่อไป.