นศ.เทคโนฯ กลับจากงานสถาปนาสถาบันกลางดึก เจอรถตำรวจคุม 5 ผู้ต้องหาคดียาเสพติด เข้าใจผิดคิดว่าเป็นอริต่างสถาบัน ชักปืนยิงใส่ เกิดดวลกันสนั่น ตัวเองถูกกระสุนตัดหัวใจตายคาที่ เพื่อนๆ รวมตัวฮือทำร้ายตำรวจมือปืน เจอประกาศ "ใครเข้ามากูยิง" ก่อนยิงขึ้นฟ้าแล้วสาดกระสุนใส่ ดีที่ไม่ถูกใคร พันจ่าอากาศพ่อผู้ตายครวญทำเกินกว่าเหตุ แต่ ผบช.น.ระบุป้องกันตัว
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ พ.ต.ท.สุธีร์ ตันสกุล สารวัตร (สอบสวน) สน.มีนบุรี รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต บริเวณซอยร่มเกล้า 6 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จึงไปตรวจสอบพร้อมกับ พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผบก.น.2, พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.3 ฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มไทร และมูลนิธิร่วมกตัญญู จุดเกิดเหตุอยู่ระหว่างซอยร่มเกล้า 6 กับ 8 บนถนนพบศพนายเอกชัย บุญรัตน อายุ 22 ปี นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง ชั้นปีที่ 4 คณะช่างยนต์ สภาพศพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ใต้ราวนมซ้าย 2 นัด อกขวา 1 นัด และหน้าท้องขวา 1 นัด โดยมีซองปืนเหน็บเอวอยู่
ภายในตัวของนายเอกชัย เจ้าหน้าที่ค้นกระเป๋ากางเกงพบกระสุนปืนขนาด .38 รวม 6 นัด ข้างศพพบอาวุธปืนพกขนาด .38 ถูกยิงจนหมดลูกโม่ตกอยู่ 1 กระบอก ใกล้กันพบจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของผู้ตายล้มอยู่ และมีจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กค 1218 กรุงเทพมหานคร ล้มอยู่อีกคัน เจ้าหน้าที่ยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 7 ปลอก ตกกระจายทั่วบริเวณ นอกจากนี้ทราบว่ามีผู้บาดเจ็บเป็นชายไม่ทราบชื่ออีก 1 คน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณหน้าขาขวา 2 แห่ง ได้รับบาดเจ็บ ถูกนำตัวส่ง รพ.นพรัตน์ราชธานี ไปก่อนหน้านี้
เพื่อน นศ.เทคโนฯ ฮือล้อมกรอบ ตร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณที่เกิดเหตุได้มีเพื่อนร่วมสถาบันของผู้ตายรวมตัวกันหลายสิบคน ตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นผู้ยิงนายเอกชัยเสียชีวิต และเหตุการณ์ส่อจะเกิดความรุนแรง เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมสถานการณ์ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่กลุ่มเพื่อนนายเอกชัยก็ยังไม่ยอมสลายตัว พยายามจะเข้าทำร้ายชายสวมเสื้อแดงที่เชื่อว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบคนลั่นไก โดยเมื่อตำรวจนายนี้จะเดินไปขึ้นรถตำรวจที่จอดอยู่เพื่อหลบฝน กลุ่มนักเรียนกว่า 50 คน ได้วิ่งตรงไปที่รถและทุบรถ ทำร้ายร่างกายตำรวจนายดังกล่าวจนเกิดชุลมุน ซึ่งตำรวจนายนี้ได้ชักอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมขึ้นลำ และชี้ไปที่กลุ่มนักเรียน กล่าวว่า “ใครเข้ามากูยิง” ก่อนที่นักเรียนจะพากันหยิบก้อนอิฐและขวดปาเข้าใส่นายตำรวจ นายตำรวจได้ยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด ก่อนจะยิงขึ้นฟ้า 2 นัด แต่กลุ่ม นศ.ยังพยายามเข้าประชิดตัว ตำรวจนายนี้จึงยิงใส่ไปอีก 2 นัด ดีที่ไม่ถูกใคร จากนั้นได้มีรถคันหนึ่งมารับตำรวจนายนี้หายไป
พ.ต.อ.ชาญวิทย์เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพยานทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.4 ได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดจำนวน 5 คน พานั่งรถกระบะผ่านมา โดยมีจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ขี่ประกบรถกระบะเพื่อกันผู้ต้องหาหลบหนี ปรากฏว่าผู้ตายได้ชักปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อน คาดว่าคงเข้าใจว่าเป็นอริต่างสถาบัน กระสุนถูกหน้าขาเจ้าหน้าที่นายหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะเกิดการยิงต่อสู้กัน และนายเอกชัยถูกยิงเสียชีวิต จากนี้จะเรียกพยานที่เกิดเหตุการณ์ พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.4 มาสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง โดยจะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย
เผยนาทีดวลสนั่น
ข่าวแจ้งว่า เหตุการณ์ที่ดังกล่าว เริ่มจากตำรวจ กก.สส.น.4 ได้จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดมาจากย่านโชคชัย ก่อนควบคุมตัวมาขยายผลล่อซื้อที่บริเวณถนนเคหะร่มเกล้า โดยมีการขับรถตามกันมา 3 คัน โดยรถคันแรกเป็นรถของหัวหน้าชุด คันที่สองเป็นรถของทีมงานตำรวจ ได้ขับล่วงหน้าไปก่อน และคันสุดท้ายเป็นรถกระบะที่มี ด.ต.วิรัตน์ ชีตารัตน์ เป็นผู้ขับขี่ และมี ด.ต.เอกกวี วงศ์ชนะ ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่กระบะท้าย และมีรถจักรยานยนต์อาสาประกบมา 3 คัน
เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่ามีจักรยานยนต์ของผู้ตายซึ่งกลับจากงานเลี้ยงของสถาบัน ได้ขี่เข้ามาตีคู่ที่กระบะด้านหลังและมีการด่าทอกัน จากนั้นกลุ่มผู้ตายได้ถามว่า “ใครด่าแม่กู" แล้วขี่รถจักรยานยนต์ไปปาดหน้า ใช้อาวุธปืนยิงไปที่รถของตำรวจ ซึ่งมีร่องรอยของหัวกระสุนฝังอยู่ภายในตัวถังและที่ยางล้อรถ ตำรวจจึงขับรถกระบะพุ่งชน เพื่อสกัดรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตเพื่อระงับเหตุ ซึ่งรถคันดังกล่าวมีนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี เป็นผู้ขับขี่ และมีนายเอกชัย บุญรัตน์ อายุ 22 ปี ผู้ตายนั่งซ้อนท้าย และจะเข้าจับกุมตัว แต่นายเอกชัยได้ยิงปืนโต้ตอบ ตำรวจจึงตัดสินใจยิงสวน จนกระทั่งทราบภายหลังว่ามีผู้เสียชีวิต
ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมที่ใส่เสื้อสีแดงตามคลิปที่ปรากฏ ได้ขับรถกลับมาดูที่ท้ายขบวนและเรียกให้พนักงานสอบสวน สน.พื้นที่ และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ซึ่งระหว่างนั้นกลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตได้กรูเข้ามาจะทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเข้าใจว่าชายเสื้อสีแดงเป็นคนทำร้าย โดยระหว่างที่ชุลมุนกันอยู่นั้น ตำรวจนายดังกล่าวเห็นว่าจะเป็นอันตราย เพราะกลุ่มเพื่อนของผู้ตายเริ่มประชิดตัวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีอารมณ์โกรธแค้น จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า 2 นัด และพูดว่า “ใครเข้ามากูยิง" แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงสวนออกไปเพื่อเปิดทางหนี ซึ่งไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมา พ.ต.อ.ชาญวิทย์กล่าวว่า เหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถชี้แจงได้ในทุกประเด็น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่เป็นการป้องกันตัวของเจ้าหน้าที่ที่กำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาออกจากพื้นที่ อีกทั้งจากการตรวจสอบข้อมูลของชุดจับกุมทั้งหมด เบื้องต้นพบว่าไม่มีประวัติความขัดแย้งกับกลุ่มของผู้ตายมาก่อน ทั้งนี้ได้ตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ต้องหา 3 คนที่อยู่ท้ายกระบะของรถตำรวจ อาจพยายามหาทางหลบหนี โดยใช้วิธีการชวนผู้ตายทะเลาะเพื่อสร้างจังหวะหลบหนี ซึ่งประเด็นดังกล่าวตำรวจอยู่ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมาสอบสวนอย่างละเอียด ว่าช่วงก่อนเกิดเหตุได้มีการตะโกนด่าทอหรือชักชวนทะเลาะวิวาทหรือไม่ ส่วนกรณีที่กลุ่มวัยรุ่นมีการถกเถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุ จนตนเองเกือบโดนทำร้ายด้วยนั้น จะไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มที่เข้ามาทำร้าย เพราะเข้าใจถึงความรู้สึกของเพื่อนผู้ตาย
ผบช.น.ยันลูกน้องป้องกันตัว
ขณะที่ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นคดีนี้ ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.4 ยิงปืนในลักษณะป้องกันตัว จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ สุริวงศ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหรือไม่นั้น ต้องตรวจสอบก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร มีความสลับซับซ้อนอย่างไรหรือไม่ หากคดีไม่มีความซับซ้อนก็คงไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมา
"จากที่ได้รับรายงานมา พบว่าที่ตัวของผู้เสียชีวิตมีทั้งอาวุธปืนและลูกกระสุนปืนที่ยังเหลืออยู่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ หากเป็นไปตามที่ผมได้รับรายงานคงจะไม่เป็นอะไร เพียงแต่ต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งผู้ที่เสียชีวิตและผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำกล่าวอ้างนั้นด้วย"
ผบช.น.กล่าวว่า กรณีนี้จะมีคนนอกเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่ ยังไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม หากภัยใกล้ตัวแม้แต่ป้องกันคนอื่นหรือภัยที่เกิดจากคนอื่น ทุกคนสามารถที่จะกระทำได้ ฉะนั้นหากเจ้าหน้าที่อาสาเป็นผู้ก่อเหตุจริง การที่จะป้องกันภัยให้ตนเองและคนอื่นคงไม่เป็นไร
พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 กล่าวว่า กรณีดังกล่าวคนยิงเป็นตำรวจขับรถกระบะ ขณะเกิดเหตุคนตายไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจับกุมคดียาเสพติด แต่ทราบว่าเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นวันสถาปนาสถาบันเทคโนโลยีชื่อดังย่านบางกะปิ จึงมีกลุ่มนักศึกษาขี่จักรยานยนต์อยู่บริเวณถนนร่มเกล้าและถนนรามคำแหงเป็นจำนวนมาก ระหว่างที่ชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.4 ปฏิบัติหน้าที่ ได้รายงานให้ทราบว่าคนตายขี่จักรยานยนต์ชี้หน้าเจ้าหน้าที่ขณะขับรถกระบะ จากนั้นขี่แซงขึ้นมาคล้ายกับต้องการให้รถหยุด ก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5 ราย ที่ถูกจับกุมอยู่บริเวณท้ายกระบะ และได้ยิงกระจกด้านข้างฝั่งคนขับ จึงมีการยิงต่อสู้กันโดยที่ผู้ตายใช้อาวุธปืนลูกโม่ยิงจนหมด 6 นัด ตรวจสอบภายในตัวของผู้ตายยังมีอาวุธมีด และลูกกระสุนสำรองอีก 6 นัด
มีรายงานต่อมาว่า ตำรวจผู้ยิงนายเอกชัยเสียชีวิตเป็นดาบตำรวจ หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้นำตัวไปยังกองพิสูจน์หลักฐานเพื่อตรวจหาเขม่าดินปืนพร้อมอาวุธปืนที่ใช้ยิง โดยแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ขณะที่ ด.ต.ผู้นี้ต่อสู้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่
พ่อร้องขอความเป็นธรรม
เวลาต่อมา พันจ่าอากาศเอกนภัสกร บุญรัตน์ และนางเจียมใจ บุญรัตน บิดามารดานายเอกชัย ได้เดินทางไปยัง สน.มีนบุรี เพื่อติดต่อเรื่องเอกสารในการนำศพลูกชายไปบำเพ็ญกุศล โดย พ.จ.อ.นภัสกรกล่าวว่า ตนมีปืนพกอยู่ 1 กระบอก แต่ไม่เคยปล่อยให้ลูกนำไปพกพา ปืนที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุจึงไม่ทราบว่าเป็นปืนของใคร อย่างไรก็ตาม จะรวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางเกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย หากผิดก็ว่าไปตามผิด ตนยอมรับได้ แต่ขอความชัดเจนในการกระทำของตำรวจที่ดูเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
จากนั้น พ.จ.อ.นภัสกรพร้อมภรรยาได้เดินทางไปยังสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เพื่อรับศพนายเอกชัยไปบำเพ็ญกุศลที่วัดลาดบัวขาว ย่านมีนบุรี ทั้งนี้ แพทย์ระบุผลชันสูตรว่า สูญเสียโลหิตปริมาณมากในช่องอกจากบาดแผลกระสุนปืนทำลายหัวใจและปอด
ที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.น.4 นำรถกระบะมาสด้า 4 ประตู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษห 7672 กรุงเทพฯ ของตำรวจที่เกิดการยิงปะทะกับนายเอกชัย เข้าตรวจหาวิถีกระสุนปืนและร่องรอยการยิง รวมถึงเก็บพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม
พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ขอเวลาในการทำงานจึงจะทราบข้อเท็จจริง
มีรายงานว่า การตรวจพิสูจน์วิถีกระสุนในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบจำนวนกระสุนที่ถูกยิงไปที่รถกระบะ บริเวณประตูฝั่งคนขับทั้ง 5 นัด ว่าจะมีการยิงมาจากทิศทางเดียวกันหรือไม่ รวมทั้งระยะห่างไกลจากจุดยิงมากน้อยเพียงใด ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการยิงหวังผลให้เสียชีวิต ต้องรอตรวจสอบพยานหลักฐานชิ้นอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางได้รับพยานหลักฐานมาเพียงแค่รถยนต์กระบะเท่านั้น หลักฐานอื่นๆ เช่น ปลอกกระสุน หัวกระสุน ซึ่งขณะนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจที่เกิดเหตุ ยังไม่ได้รับมอบ หากได้รับพยานหลักฐานทั้งหมดแล้วก็อาจจะสามารถชี้ชัดได้ว่ารอยกระสุนปืนทั้ง 5 นัดมาจากปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่ รวมถึงผู้ที่ก่อเหตุยิงมีกี่คน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |