ทรัมป์-คิมที่เวียดนามสิ้นเดือนนี้ ต้องมากกว่าแค่ชูมือถ่ายรูป!


เพิ่มเพื่อน    

    โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแล้ว นัดพบคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ วันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ ที่เวียดนาม ข่าวบางกระแสบอกว่า จุดนัดพบน่าจะเป็นเมือง “ดานัง” ซึ่งตั้งอยู่ตรงชายฝั่งติดกับทะเลจีนใต้ ปากแม่น้ำฮั่น
    ดานังเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดเมืองหนึ่งของเวียดนาม เป็นเมืองใหญ่อันดับ 5 ของเวียดนาม เป็นศูนย์กลางการค้าและการศึกษาของเวียดนามส่วนกลาง
    เพราะตั้งอยู่บนทางหลวงสาย 1A และทางรถไฟเชื่อมเหนือกับใต้ของประเทศ ดานังจึงเป็นศูนย์กลางการขนส่ง
    อีกทั้งยังตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งมรดกโลกยูเนสโกหลายแห่ง เช่น เมืองเก่าของเว้และฮอยอัน เป็นต้น
    ข่าวล่าสุดบอกว่า นาย Stephen Biegun ตัวแทนพิเศษสหรัฐเกี่ยวกับกิจการเกาหลีเหนือได้บินไปเปียงยางเพื่อเจรจารายละเอียดกัยนาย Kim Hyok-chul อดีตทูตเกาหลีเหนือประจำสเปน ซึ่งเป็นตัวแทนของคิม จองอึน ในการลงรายละเอียดเพื่อปูทางสู่การพบปะระหว่าง 2 ผู้นำครั้งที่ 2
    การประชุมสุดยอดรอบที่ 2 ระหว่างคิมกับทรัมป์จะต้องมีอะไรที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพราะการเจอกันครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วเป็นเพียงการสร้างภาพให้ทั้ง 2 ให้ดูเป็นผู้แสวงหาสันติภาพเท่านั้น
    ทั้งทรัมป์และคิมได้ประโยชน์จากการสร้างภาพคราวนั้นพอสมควร 
    แต่จะบอกว่าไม่ได้อะไรเลยก็ไม่ใช่ เพราะอย่างน้อยคิมก็หยุดการทดลองขีปนาวุธตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 
    อีกทั้งอเมริกาก็หยุดการซ้อมรบกับเกาหลีเหนือและญี่ปุ่น
    แต่เพียงแค่นี้ไม่น่าจะพอ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ชี้นิ้วไปอีกฝ่ายหนึ่งว่าไม่ทำตามที่รับปากเอาไว้
    ทรัมป์บอกว่าเกาหลีเหนือยังไม่ได้เลิกโครงการนิวเคลียร์อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
    คิมบอกว่าทรัมป์ก็ยังไม่ได้ผ่อนเบามาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเปียงยาง
    ดังนั้น จากวันนี้ถึงสิ้นเดือนนี้ ตัวแทนทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องหาข้อตกลงที่จะเป็น Road Map ที่จะผูกมัดทั้ง 2 ฝ่ายในอันที่จะเดินหน้าสร้างสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลีให้ได้
    หาไม่แล้ว จะถูกกล่าวหาว่าการมาเวียดนามคราวนี้เป็น “ปาหี่” ที่คนดูในเวทีระหว่างประเทศจะโห่เอากันเลยทีเดียว
    มีคำถามว่า ทำไมทั้งคิมและทรัมป์จึงเลือกเวียดนาม (ประเทศที่อยู่ในข่ายเข้ารอบสุดท้ายของการพิจารณาคือ ไทย, มองโกเลีย และเกาะฮาวายของสหรัฐ)
    เหตุผลด้านอเมริกาคือ ความสนิทชิดเชื้อทางการเมืองระหว่างอเมริกากับเวียดนามในขณะนี้ แม้จะเคยเป็นศัตรูรบราฆ่าฟันกันในช่วงสงครามเวียดนาม แต่วันนี้อเมริกาต้องการจะให้เวียดนามเป็นกันชนต่ออิทธิพลจีน และฮานอยก็ต้องการให้วอชิงตันมาเป็นแรงถ่วงดุลอิทธิพลของจีนในย่านนี้
    สำหรับเกาหลีเหนือแล้ว เวียดนามเป็นมิตรมายาวนาน นอกจากจะเป็นประเทศคอมมิวนิสต์เหมือนกันแล้ว ประวัติศาสตร์เวียดนามเหนือ-ใต้ก็เป็นตัวอย่างสำหรับเกาหลีเหนือ-ใต้ได้เช่นกัน
    การที่ฝ่ายเหนือของเวียดนามชนะทางใต้จนรวมชาติกันได้ และมีฮานอยเป็นเมืองหลวงของเวียดนามรวมชาตินั้น ย่อมจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเกาหลีเหนือไม่น้อย
    แน่นอนว่าเวียดนามอาจจะง่ายต่อการรักษาความปลอดภัยสำหรับทรัมป์และคิมมากกว่าประเทศไทย จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การตัดสินใจเลือกจุดนัดพบครั้งนี้ไปอยู่ที่เวียดนามแทนประเทศไทย ทั้งๆ ที่ไทยเป็นประธานอาเซียนปีนี้
    การประชุมสุดยอดครั้งนี้จึงมีความสำคัญไม่น้อยสำหรับสันติภาพของโลก และการเมืองระหว่างประเทศ เพราะเท่ากับเป็นการตอกย้ำว่า ดุลแห่งอำนาจของโลกกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้งหนึ่ง
    นอกจากบทบาทของสหรัฐในเอเซียที่กำลังปรับเปลี่ยนอย่างชัดเจนแล้ว อิทธิพลของจีน, ญี่ปุ่น, รัสเซียและอินเดียในภูมิภาคนี้ก็จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
    หากคาบสมุทรเกาหลีสงบ โจทย์ต่อไปของเอเชียก็คือการที่จะให้ยักษ์เอเชียกับประเทศอื่นๆ ในย่านนี้ โดยเฉพาะอาเซียนจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เคารพสิทธิ์ของกันและกันอย่างไรจึงจะนำไปสู่การเมืองโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"