เก็บภาษี...ความเค็ม


เพิ่มเพื่อน    

    มันก็แปลกดีนะ เมื่อได้ยินเรื่องการเก็บภาษีความเค็ม แต่พอฟังคุณหมออธิบายแล้ว...ต้องบอกว่า น่าคิดแฮะ!!!
    คุณหมอบอกว่า ความเค็ม หรือ" โซเดียม” เป็นภัยเงียบใกล้ตัว เปรียบได้เหมือนการสะสมความตายแบบผ่อนส่ง นอกจากอาการป่วยที่จะสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตแล้ว ยังเป็นภาระทางการเงินระยะยาวที่ต้องแบกรับ ซึ่งประเทศไทยมีสถิติผู้ป่วยที่ต้องล้างไตเพิ่มขึ้นทุกปี คนไทยกินเกลือ (โซเดียม) สูงถึง 4,351 มิลลิกรัมต่อวัน หรือมากกว่า 2 เท่าของความต้องการของร่างกาย
    ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ อาจารย์สาขาวิชาโรคไต คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังสูงถึง 7,600,000 คน เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวายจากโรคหัวใจและหลอดเลือดปีละเกือบ 40,000 คน หรือวันละ 108 คน เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตมากกว่า 500,000 คน
    ที่ผ่านมาประเทศไทยมีมาตรการในการรณรงค์ให้คนไทยลดการบริโภคเค็ม อย่างเช่น การมีฉลากโภชนาการ บอกค่าพลังงาน น้ำตาล ไขมัน และโซเดียม แต่ก็ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร จึงขอเสนอนโยบายเก็บภาษีความเค็ม โดยเริ่มต้นจากสินค้าประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊ก ขนมกรุบกรอบทุกประเภท เป็นอันดับแรก เนื่องจากมีปริมาณโซเดียมสูงมาก
    การใช้นโยบายเก็บภาษีหวาน-เค็ม ในต่างประเทศ ประเทศฮังการีเริ่มประกาศใช้ในปี พ.ศ.2554 เก็บภาษีหวาน-เค็ม เช่น เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ขนมขบเคี้ยว เครื่องปรุงรส จากการประเมินผลในปี พ.ศ.2556 รัฐเก็บภาษีได้ 2,300 ล้านบาท/ปี ผลที่เกิดขึ้น
    1.เพิ่มการรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค
    2.ประชาชนลดการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีผลเสียต่อสุขภาพ 20-35% โดยให้เหตุผลว่า ราคาสูง (80%) และห่วงสุขภาพ (20%)
    3.ยอดขายในผลิตภัณฑ์ที่ถูกเก็บภาษีลดลง 27%
    4.ภาคอุตสาหกรรมมีการปรับสูตรอาหารเพื่อลดภาษี
    5.ผลของภาษีมีผลต่อการบริโภคน้ำตาลและเกลือของประชาชน โดยเฉพาะคนที่บริโภคปริมาณสูงอยู่ก่อน ประเทศโปรตุเกส รัฐบาลร่างแผนภาษีในปี พ.ศ.2561 เพื่อนำภาษีที่ได้ไปใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
    ถ้าเกลือ > 1% (หรือโซเดียมมากกว่า 400 มิลลิกรัม/100 กรัม) เก็บภาษี 0.8 euro/kg (27 บาทต่อกิโลกรัม)
    ถ้าเกลือ < 1% (หรือโซเดียมน้อยกว่า 400 มิลลิกรัม /100 กรัม) ไม่เสียภาษี
    เบื้องต้นการเก็บภาษีความเค็มในสินค้า ก็ยึดรูปแบบกับการเก็บภาษีความหวาน โดยจะมีเวลาให้ผู้ประกอบการปรับตัว เช่น ให้เวลา 3 ปี ซึ่งหากผู้ประกอบการไม่สามารถลดได้ก็จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีในทันที
    สงสัยว่า พวกเค็ม เหนียวหนืด เงินสักบาทก็ไม่ค่อยกระเด็น น่าจะรวมอยู่ในกลุ่มต้องเสียภาษีเยอะด้วยไหม.
                                        "ป้าเอง" 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"