อุตฯดึงญี่ปุ่นรีไซเคิลซากรถยนต์


เพิ่มเพื่อน    

 

11 ก.พ. 2562 นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เปิดเผยภายหลังร่วมลงนามความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ในการดำเนินโครงการสาธิตการรีไซเคิลซากรถยนต์(อีแอลวี) เพื่อสาธิตเทคโนโลยีกระบวนการรีไซเคิลซากรถยนต์ที่หมดอายุใช้งานในประเทศไทยโดยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระหว่างมีกระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. และองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (เนโดะ) ว่าจะใช้เทคโนโลยีโดยโตโยต้า ทูโช คอร์ปอเรชั่น(บริษัทลูกค่ายรถยนต์โตโยต้า) ติดตั้งในโรงงานสาธิต บริษัท กรีน เมทัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยความร่วมมือนี้วางเป้าหมายสร้างโมเดลต้นแบบการรีไซเคิลซากรถยนต์ในไทยและภูมิภาคเอเชียในอนาคต ดำเนินระยะเวลา 3 ปี(2562-2564) คาดว่าจะมีการีไซเคิลประมาณ 50 คันต่อวัน หรือประมาณ 45,000 คนในช่วง 3 ปี

ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าวเพื่อบริหารจัดการด้านทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นผู้นำการผลิตด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ในอาเซียน มีกำลังผลิตรถยนต์ประมาณ 2,000,000 คันต่อปี ขายในประเทศประมาณ 1,000,000 คันต่อปี แต่ยังไม่มีระบบการจัดการซากรถยนต์อย่างเป็นระบบแบบประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันรถยนต์ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ในไทยบางส่วนถูกรื้อถอนซากชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ด้วยแรงงานคน ซึ่งการรื้อถอนซากรถยนต์เหล่านี้ได้ส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม อาทิ การปนเปื้อนในดินจากน้ำมันและสารเคมีเหลว ปัญหาคุณภาพน้ำ หรือการปล่อยสารฟรีออนจากระบบแอร์รถยนต์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และเสี่ยงเกิดอันตรายกับผู้ถอดชิ้นส่วน 

นางสาวสมจิณณ์ กล่าวว่า ภายในกรอบความร่วมมือ ก.อุต และ กนอ.พร้อมให้คำแนะนำและจะสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ให้กับเนโดะและบริษัทฝ่ายญี่ปุ่นรวมถึงนิติบุคคลท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ การอำนวยความสะดวกในการเข้าสำรวจสถานที่ การบริหารจัดการโครงการ พร้อมทั้งจะร่วมมือกันในการวางมาตรการออกแบบกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการจัดการวัสดุเหลือทิ้งที่ไม่สามารถกำจัดได้ภายในประเทศไทย อาทิ สารเร่งปฏิกิริยา แผงวงจรไฟฟ้า ซึ่งวัสดุเหล่านี้จะถูกนำไปรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง โดยการวางมาตรการดังกล่าวจะอ้างอิงจากกฎหมายรีไซเคิลรถยนต์ของประเทศญี่ปุ่น

นายอภิจิณ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ปัจจุบันไทยมีรถยนต์เก่าอยู่ประมาณ 5 ล้านคันและคาดว่าในระยะ 20 ปีข้างหน้าจะมีรถยนต์เก่าเพิ่มเป็น 16 ล้านคัน ดังนั้นการรีไซเคิลจึงมีความจำเป็น มีเพียงส่วนน้อยที่มีการกำจัดและพบว่าการถอดชิ้นส่วนเองเสี่ยงอันตราย อาทิ ถุงลมนิรภัย(แอร์แบ็ก) หากถอดไม่ถูกวิธีเสี่ยงเป็นระเบิดได้ ซึ่งที่ผ่านมาเกิดระเบิดบ้างแล้ว ขณะที่รถยนต์ส่วนใหญ่ไม่มีการจำกัดเสี่ยงเป็นภาระสำคัญของประเทศ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"