บทเรียนอันมีค่า


เพิ่มเพื่อน    

      ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา...โดยลักษณะอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนในบ้านเรา ดูจะออกไปทาง พลิกไป-พลิกมา เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ สลับไป-สลับมา หนักซะยิ่งกว่าแฟนบอลประเภทฮาร์ดคอร์ ของพวก หงษ์แดง-ผีแดง ขณะนั่งลุ้นไป-ลุ้นมา ระหว่างช่วง ศึกวันแดงเดือด ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เพิ่งจะมา คืนสติ ก็ประมาณช่วงสี่ทุ่ม-ห้าทุ่มของคืนวันศุกร์ ชนิดพอได้หลับตาพริ้ม ไม่ต้องเก็บไป ฝันร้าย อะไรต่อไปอีก...

                                                               -----------------------------------------------------

      ส่วนผู้ที่ต้องร่วงตกไปจากหน้าผา (ผาเงิบ) นั้น...ก็คงยากซ์ซ์ซ์ที่จะบรรยายความรู้สึกออกมาได้ชัดๆ เพราะแต่ละกลุ่ม แต่ละราย ที่ ผงะ หงายหลังลงมา มันมีอยู่ด้วยกันหลายระดับ ระดับปลาซิว-ปลาสร้อยทั้งหลาย อาจไม่ถึงกับบาดเจ็บ กระอักเลือด อะไรกันมากมาย อาจแค่หงุดๆหงิดๆ งอดๆ แงดๆ ไปตามเรื่อง แต่ระดับที่อยู่สูงๆ ขึ้นไปกว่านั้น ยิ่งสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งหาซาก หาเศษชิ้นส่วนแทบไม่เจอ ซึ่งก็ถือเป็นเรื่อง ปกติธรรมดา นั่นแหละท่านเอ๋ย คือถ้าดันไปหยิบเอาอะไรต่อมิอะไรมา Concoct กับความรู้สึก มา ปรุงแต่ง ให้เกิดอารมณ์เกลียด-อารมณ์รัก อารมณ์ชอบ-อารมณ์ชัง ไปตามความปรารถนา ความต้องการ ของตัวเองมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องได้รับผลกระทบจากอารมณ์นั้นๆ มากยิ่งขึ้นเท่านั้น...

                                                                -----------------------------------------------------

      ยิ่ง โลกแห่งความจริง ในทุกวันนี้...มันชักจะกลายเป็นโลกเดียวกันกับ โลกเสมือนจริง หรือโลกโซเชียลมีเดีย ยิ่งเข้าไปทุกที ความรวดเร็ว กว้างไกล ของข้อมูลและข่าวสารที่มันไหลมา-ไหลไปชนิดต้องนับเป็นนาทีต่อนาที หรือกระทั่งวินาทีเอาเลยก็ยังได้ จึงส่งผลให้ใครต่อใครตกหน้าผากันไปเป็นสายๆ หรือเกิดอาการโอนไป-เอนมา ปานประดุจยิ่งกว่า หลิวลู่ลม ชนิดแทบไม่อาจยึดเป็นมาตรฐานได้ว่าอะไรดี-อะไรร้าย อะไรซ้าย-อะไรขวา แม้แต่อะไรถูก-อะไรผิด ภายใต้สภาวะเช่นนี้นี่เอง...ที่ยิ่งทำให้สิ่งที่เรียกว่า สติ ยิ่งเป็นอะไรที่มีคุณค่า ราคา ชนิดไม่น้อยไปกว่าทองคำ หรือเพชรนิลจินดา เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                                 -------------------------------------------------------

      คือถ้าลองมี สติ ซะอย่างแล้ว...สิ่งที่เรียกว่า ปัญญา  ย่อมต้องมีสิทธิ์อุบัติขึ้นมา หรืออุบัติตามมาได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ โอกาสที่จะแยกแยะว่าอะไรซ้าย-อะไรขวา อะไรถูก-อะไรผิด หรือแม้กระทั่งอะไรจริง-อะไรไม่จริง มันก็น่าจะยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น หรือแม้ว่ายังไม่ถึงกับชัดเจน ยังเป็นอะไรที่ปรากฏขึ้นมาแค่เพียงรางๆ แต่ก็น่าจะพอช่วยให้เกิดการชะงักเท้า ชะงักตีน ไม่ถึงกับต้อง ผงะ หรือต้องหงายหลังตก ผาเงิบ กันชนิดเป็นสายๆ แบบที่ เณรน้อยเจ้าปัญญา หรือ อาจารย์อิคคิวซัง ผู้มีนามกรว่า อาจารย์ สมเกียรติ โอสถสภา ท่านเตือนๆ แฟนคลับของท่านเอาไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละว่า... สติ-สติ-สติ แถมยังแนะนำให้ ลูบหนวด เอาไว้ก่อน โดยถ้าหากไม่มีหนวดก็ให้ ลูบขน อื่นๆ ไปพลางๆ...

                                                                    ---------------------------------------------------------

      และก็เพียงแค่ไม่กี่วัน ไม่กี่ชั่วโมง เท่านั้นเอง...ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นอันคลี่คลาย ลงตัว เกิดคำตอบ คำอธิบาย ที่ไม่เพียงก่อให้เกิดความชัดเจน แจ่มแจ้ง ยังช่วยก่อให้เกิดความหวัง กำลังใจ ในการทำในสิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ต่อส่วนรวมและบ้านเมือง หรือสิ่งที่ถือเป็น กุศลกรรม ทั้งหลาย ไม่ต้องห่อเหี่ยว หดหู่ เป็น เรือน้อย ลอยเคว้งไปตามกระแสน้ำ แบบที่คุณ สินจัย หงษ์ไทย เธออดไม่ได้ต้องออกอาการเอาไว้แต่แรก (จะด้วยเหตุเพราะเธอไม่มีหนวดหรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่) แต่ก็สรุปเอาเป็นว่า อย่างน้อย...ก็พอช่วยให้ผู้ที่คิดดี ผู้พร้อมที่จะปฏิบัติดีทั้งหลาย พอได้เกิดความมั่นอก-มั่นใจ เกิดสิ่งที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ปัญญา นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า ศรัทธา  นั่นเอง...

                                                                      -----------------------------------------------------------

      ภายใต้ภาวะแห่งการ พลิกไป-พลิกมา จนก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกแบบ สลับไป-สลับมา คราวนี้...ถ้ามองโลกในแง่บวกแล้ว จึงอาจถือเป็นบทศึกษา บทเรียน บททดสอบ ที่ออกจะ มีค่า เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะต่อ อนาคตเบื้องหน้า ที่ยังเต็มไปด้วยหุบเหว และขุนเขา อีกไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก ซึ่งประเทศไทยและบรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลาย คงต้อง ฝ่าข้ามไป อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะช่วงที่โลกทั้งโลก มันกำลังกลายเป็น โลกที่อันตราย ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โลกที่แทบไม่เหลือ พื้นที่เป็นกลาง ไว้ให้ใครต่อใครต่อไปอีกแล้ว โลกที่เต็มไปด้วยแรงกดดันให้ต้อง เลือกข้าง-เลือกฝ่าย เพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบทาง ภูมิรัฐศาสตร์ ของบรรดาชาติมหาอำนาจ จนทำให้เกิด การแทรกแซง รูปแบบใหม่ๆ ที่สลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ หนักขึ้นไปทุกที...

                                                                      ----------------------------------------------------------

      อย่างกรณี เวเนซุเอลา ไงทั่น...จู่ๆ ใครจะไปคิดว่า ผู้ที่ลุกขึ้นมา แต่งตั้งตัวเอง เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว แทนผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอย่างถูกต้องตามกฎหมายและตามครรลองประชาธิปไตยแท้ๆ ไม่ว่าจะครึ่งใบ เต็มใบ หรือเสี้ยวใบก็ตามที แต่กลับได้รับการ “รับรอง” โดยต่างชาติ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจกับอำนาจอธิปไตย หรือกับอารมณ์ความรู้สึกของชาวเวเนซุเอลาอีกเป็นจำนวนไม่น้อยเอาเลยแม้แต่นิด ชนิดแทบไม่ต่างอะไรไปจาก การปฏิวัติส่งออก ในรูปแบบใหม่ๆ โดยไม่ว่าจะสำเร็จ ไม่สำเร็จก็แล้วแต่ แต่สุดท้าย...ย่อมนำมาซึ่งความแตกแยก แตกสลาย หรืออาจส่งผลให้ต้อง แพ้กันไปทั้งประเทศ โดยไม่ได้มีฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด กลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด เป็น ผู้ชนะ ได้เลย...

                                                                         -----------------------------------------------------------

      สำหรับประเทศไทย เมืองไทยนั้น...ยังต้องถือว่า โชคดี เอามากๆ ที่อย่างน้อยก็ยังพอมี จุดศูนย์รวม ที่ช่วยหลอมรวมความขัดแย้ง แตกต่าง ไม่ให้เลยเถิด เลยธง มากมายจนเกินไป แต่ถึงกระนั้น...ถ้าหากเราดันไม่ให้คุณค่า ราคา หรือดันไปคิด ลดค่า สิ่งเหล่านี้ วันหนึ่ง-วันใด...ถ้าต้องเจอกับผู้ที่ลุกขึ้นมา สถาปนาตัวเอง เป็นอะไรต่อมิอะไรก็ตาม แล้วดันมีอภิมหาอำนาจระดับคุณพ่ออเมริกา หรือแม้แต่ระดับที่ชอบ ออกหมายแดง-ถอนหมายแดง  อย่างอดีตนักโทษออสเตรเลีย เข้ามาช่วย Boycott-Thailand เพื่อที่จะ Save ใครก็ตาม แล้วแต่ที่ตัวเองต้องการ โอกาสที่ไทยแลนด์ แดนสยาม อาจต้องถูกแปรสภาพไปตามความได้เปรียบ-เสียเปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ ให้กลายเป็นเวเนซุเอลา หรือไม่ก็ซีเรีย ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย!!!

                                                                     ---------------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Rudyard Kipling (อีกครั้ง)... Nations have passed away and left no trace, And history gives the naked cause of it---One single, simple reason in all cases; They fell because their peoples were not fit.- หลายชาติสูญสิ้นไปอย่างไร้ร่องรอย โดยที่ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัด ถึงเหตุผลง่ายๆ เพียงประการเดียว สำหรับทุกๆ กรณี นั่นก็คือ...ชาตินั้นๆ สูญสลายเพราะประชาชนไม่เข้มแข็ง...

                                                                     ---------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"