ผมไม่แปลกใจที่โพลสำนักหนึ่งบอกว่าประชาชน 76% ยังไม่ได้ตัดสินใจ ณ วันนี้ว่าจะเลือกพรรคไหนในการหย่อนบัตรวันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้
เพราะเรายังไม่รู้ว่าจะเลือกพรรคไหนด้วยเหตุผลอันใด
บางพรรคบอกให้เลือกระหว่าง "ประชาธิปไตย" กับ "เผด็จการ"
บางพรรคเชิญชวนให้คนไทยเลือกระหว่าง "คนรุ่นเก่า" กับ "คนรุ่นใหม่"
อีกบางพรรคบอกให้เลือกระหว่าง "ประชานิยม" กับ "สวัสดิการสังคม"
บางคนให้เลือกระหว่างคุณประยุทธ์กับคนของคุณทักษิณ ชินวัตร
แต่วลีเหล่านี้เป็นเรื่องของความรู้สึกและอารมณ์มากกว่าสิ่งที่จะวัดได้อย่างเป็นรูปธรรม
เท่าที่ผมสัมผัสได้จากการพูดคุยกับชาวบ้านต่างจังหวัดและในเมืองหลวงระหว่างการทำรายการในหลายเดือนที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะตัดสินกันด้วยนโยบายและความเชื่อของประชาชนว่าคนที่สัญญาว่าจะทำสิ่งดีๆ ให้ประชาชนนั้นจะทำได้จริง
ไม่เคยที่เลือกตั้งครั้งไหนที่คำว่า "ประชาธิปไตยกินได้" จะมีความสำคัญเท่าครั้งนี้
เพราะเศรษฐกิจของประชาชนระดับกลางและคนหาเช้ากินค่ำมีปัญหาในหลายระดับอย่างปฏิเสธไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอำนาจซื้อที่หายไปและหนี้สินที่พอกพูนของคนทำงานระดับกลางและรากหญ้า
ถึงวันนี้เรายังไม่ได้ยินว่าพรรคการเมืองทั้งหลายทั้งปวงจะมีนโยบายตามโจทย์เรื่องปากท้องได้อย่างชัดเจนจริงจัง
คำแถลงส่วนใหญ่ที่เราได้ยินยังเป็น "คำขวัญ" มากกว่า "เนื้อหา" ที่แตกต่างไปจากของเดิม
เรายังไม่เห็นการถกแถลงอย่างจริงจังในเวทีสาธารณะว่าด้วยแนวทางของแต่ละพรรคในการที่จะแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและการสร้างรายได้ให้เกษตรกร
เรายังไม่รู้ว่าพรรคไหนจะใช้แนวทาง "จำนำ" หรือ "รับประกัน" ราคาสินค้าเกษตร โดยเปรียบเทียบนโยบายของตนกับที่ดำเนินอยู่ขณะนี้หรือที่รัฐบาลก่อนๆ เคยนำมาใช้
เราเพียงได้ยินจากพรรคต่างๆ ว่าถ้าเลือกเขาจะทำให้ชีวิตชาวไร่ชาวนาดีขึ้น แต่เราไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไร และจะแก้จุดอ่อนข้อบกพร่องที่รัฐบาลก่อนๆ ทำมาอย่างไร
เรายังไม่ได้ยินการดีเบตให้ชัดเจนว่าพรรคไหนมีนโยบายการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศในรายละเอียดทั้งๆ ที่เป็นประเด็นร้อนแรงในวันนี้
เรายังไม่ได้ยินการตอบคำถามตรงไปตรงมาว่าแต่ละพรรคมีนโยบายเกี่ยวกับพลังงานทดแทนหรือรถไฟฟ้าเพื่อแก้ปัญหามลพิษในระยะกลางอย่างเป็นกิจจะลักษณะอย่างไร
เรายังไม่ได้ยินพรรคไหนมีนโยบายต่างประเทศที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก ในภาวะที่ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกำลังมีผลต่อปากท้องของคนไทย
เรายังไม่เห็นการแสดงวิสัยทัศน์ (ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการแสดงวาทกรรมเพราะพริ้งที่ไร้รายละเอียดและแผนงาน) ว่าด้วยบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ และการจัดประชุมสุดยอดอาเซียนในไทยที่จะกำหนดสถานภาพของประเทศในเวทีสากล
เรายังไม่ได้ยินแนวทางการปฏิรูปการศึกษาอย่างจริงจังที่จะพาประเทศเข้าสู่ยุคดิจิตอลอย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่เกิด "ความป่วน" หรือ disruption อย่างรุนแรง
เรายังไม่เห็นพรรคใดมีนโยบายที่แน่ชัดว่าจะทำให้ประเทศไทยตามทันแนวโน้มของนวัตกรรมหรือ innovation อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งๆ ที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเรากำลังถูกเพื่อนบ้านหลายประเทศแซงหน้าเราไปแล้วอย่างปฏิเสธไม่ได้
เรายังไม่เห็นรายละเอียดของแผนจากพรรคการเมืองใดที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงและรวดเร็ว ที่กำลังมีผลกระทบต่อเกือบทุกวิชาชีพซึ่งจะมีผลทำให้หลายๆ อาชีพต้องหมดสภาพ และผู้คนในวงการต่างๆ จะต้องตกงาน กลายเป็นปัญหาสังคมที่หนักหน่วงรุนแรงในอนาคตอันใกล้นี้
เรายังไม่เห็นนโยบายและแผนปฏิบัติในการลดความเหลื่อมล้ำของคนรวยกับคนจนเป็นขั้นเป็นตอนอย่างชัดเจน
เรายังไม่เห็นว่าพรรคไหนจะมีความ "กล้าหาญทางการเมือง" เพียงพอที่จะยกเครื่องระบบราชการเพื่อให้ประชาชนเป็น "เจ้านาย" ของระบบราชการอย่างจริงจัง
เรายังรอคนเก่งคนกล้าคนจริงที่จะตอบคำถามง่ายๆ สั้นๆ
ได้ยินแล้วว่าท่านจะทำอะไรดีๆ ให้ประชาชน
แต่ถ้าท่านยังไม่บอกว่าจะทำอย่างไรและจะวัดจะประเมินผลงานของท่านอย่างไร
เราก็ยังไม่รู้ว่าจะเลือกท่านไปทำไม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |